เรียบวุธตำรวจทหาร ประยุทธ์คุมเบ็ดเสร็จ-โวภารกิจด่วนปฏิรูปกองทัพ


เพิ่มเพื่อน    

  “พล.อ.ประยุทธ์” เข้ากระทรวงกลาโหม แล้ว ลั่นภารกิจด่วนปฏิรูปกองทัพ! แย้มเรือดำน้ำลำเดียวไม่พอ คุมเบ็ดเสร็จบัญชีโยกย้ายทหาร-ตำรวจ แม้ให้ส่งมาตามขั้นตอนแต่จะเป็นคนเคาะสุดท้าย เตรียมประชุม ก.ตร.นัดแรก 31 ก.ค.นี้ แบ่งงาน 5 รองนายกฯ “พี่ป้อม” ดูมั่นคง “สขช.-สมช.-ศอ.บต.” ยกเว้น สตช. “วิษณุ” คุมสังคม-ยุติธรรม กวาดทั้ง “ก.พ.-พ.ศ.-สคบ.-ปปง.-ป.ป.ท.” 8 ส.ค.นายกฯ ดีเดย์แจงนโยบายให้ข้าราชการ

เมื่อวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม เวลา 07.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เดินทางเข้ากระทรวงกลาโหมเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ตำแหน่ง รมว.กลาโหม โดยก่อนเข้ากระทรวง พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมืองที่ศาลหลักเมือง จากนั้นเวลา 07.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางเข้ามาภายในกระทรวง โดย กห.ได้จัดพิธีต้อนรับอย่างสมเกียรติ มีการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพบริเวณลานอเนกประสงค์ภายในศาลาว่าการกลาโหม ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกลาโหม จากนั้นได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปภารกิจของกระทรวง ณ ห้องภาณุรังษี  
โดยในช่วงเช้า ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาถึง กห. มีคณะฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้อัญเชิญพระพุทธรูป 5 องค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นพระนาคปรก พระประจำวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันเกิดของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงยังมีหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี บางกอกใหญ่ กทม. มาไว้ที่ห้องทำงานด้วย
ในเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกภายหลังกลับมาที่ กห.ว่า ปกติ เพราะเข้ามาบ่อยอยู่แล้วตั้งแต่เป็นข้าราชการทหาร โดยวันนี้ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงกลาโหม และได้ขอบคุณทุกคนในการทำงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ และขอให้ร่วมมือกันทำงานต่อไปภายใต้สายงานที่เรามีอยู่อย่างระมัดระวัง และต้องไม่ทำให้เกิดปัญหาใดๆ ส่วนที่ห่วงเรื่องการใช้อำนาจ รมว.กลาโหมนั้น เรื่องดังกล่าวมีกฎหมายดูแลอยู่แล้ว 
“ผมได้มอบนโยบายให้ทุกคนทำงานด้วยความตั้งใจ และเสียสละ พร้อมทั้งทำหน้าที่ให้ทันต่อยุคสมัย เพราะทุกวันนี้มีเรื่องโซเชียล เทคโนโลยีและดิจิทัลที่เราต้องก้าวตามให้ทัน ซึ่งนโยบายเร่งด่วนกระทรวงกลาโหมคือเรื่องการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งเดิมก็มีอยู่แล้ว แต่ต้องมาทบทวนว่าขณะนี้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว ซึ่งต้องมาดูให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึงหลักการพิจารณาโผโยกย้ายประจำปี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้หน่วยทำขึ้นมา เพราะให้สิทธิ์ ทั้งทหารและตำรวจจะทำรายชื่อขึ้นมา ผู้นำหน่วยต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ในส่วนของตนเองก็จะเป็นผู้ตรวจทานความเหมาะสม และขีดความสามารถว่าได้หรือไม่ได้อย่างไร คิดว่าทุกคนมีความสามารถอย่างไร แต่จะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร 
“ผู้นำหน่วยที่รองลงไปต้องรับผิดชอบในเรื่องการแต่งตั้งทางตำรวจและทหาร แม่ทัพต้องรับผิดชอบเพราะดูกองทัพ สำหรับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางผู้บัญชาการภาคก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่โยนความรับผิดชอบมาให้ผม เพราะผมจะดูแลความเหมาะสมให้ทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่า นายกฯ มาดูเรื่องความมั่นคง เพราะจะควบรวมเรื่องความมั่นคงทั้งหมด โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้ควบรวม แต่เป็นการมอบหมายหน้าที่ในระดับรัฐบาลว่าจะเข้าไปดูอะไรบ้าง เวลาเข้าไปดูแล้วก็ใช่ว่าจะไปทำอะไรได้ทั้งหมด เพราะเราต้องเข้าไปดูเรื่องการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น รวมถึงการดำเนินการในส่วนต่างๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งดีเอสไอควรทำหน้าที่เฉพาะ แต่มีหลายคนมองว่ามีตำรวจมากไปหรือไม่ ก็ต้องเข้าไปดูว่าโครงสร้างเป็นอย่างไร 
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ จะดึงดีเอสไอมาขึ้นตรงกับสำนักนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบทันทีว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของการกำกับดูแล โดยมอบหมายให้รองนายกฯ ดูแลในส่วนงานต่างๆ และบางหน่วยงานนายกฯ ก็กำกับดูแลได้ 
ช่วยพี่ป้อมดูแล สตช.
ถามอีกว่า นายกฯ จะดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วยตนเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า สมควรจะดูหรือไม่ และเมื่อถามต่อว่า การที่ไปดู สตช.เอง เพราะต้องการแบ่งเบาภาระของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่า ใช่ เพื่อแบ่งเบาภาระของ พล.อ.ประวิตร และเรื่องสุขภาพ ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรก็ตั้งใจทำงานมาก และท่านยังคงทำหน้าที่ต่อไปในเรื่องดูแลความมั่นคง เช่น สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) และสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ 
เมื่อถามถึงงบประมาณกองทัพปี 2563 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า งบมีของเขาอยู่แล้ว มีการแบ่งสัดส่วนในแต่ละปี ซึ่งทุกหน่วยงานเสนอมาเกินทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะงบประมาณมีจำกัด  ซึ่งก็ต้องดูความเหมาะสมและความเป็นไปได้ โดยงบประมาณที่ได้ก็จากครอบคลุมไปถึงการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์
ถามอีกว่า อาจถูกจับตาเรื่องความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องซื้อให้ถูกต้อง เพราะมีกรรมการตรวจสอบการจัดซื้ออยู่แล้ว ต้องทำให้โปร่งใส ไม่เช่นนั้นก็จะกล่าวอ้างกันไปมา และจะไม่เกิดความเชื่อมั่น 
ถามย้ำว่า รวมถึงนโยบายเรือดำน้ำด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนว่า ทำไมล่ะ จะให้ซื้อลำเดียวแล้วพอหรืออย่างไร แล้วถ้าเกิดเสียหรือจอดพักเพื่อหมุนเวียนการทำงานแล้วจะทำอย่างไร เราต้องดูความเหมาะสมและความจำเป็น
ด้าน พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัด กห. กล่าวว่า นายกฯ ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเข้ามาทำงานภายในกระทรวงวันไหน แต่หากมีแขกบ้านแขกเมืองมานายกฯ ก็จะมาต้อนรับเองเป็นวาระไป แต่ขณะนี้ฝ่ายเสนาธิการของนายกฯ ก็ได้เข้ามาทำงานที่สำนักงานกันหมดแล้ว ขณะที่ในส่วนโผทหาร นายกฯ ให้ส่งรายชื่อตามช่วงเวลาปกติ
มีรายงานว่า ในวันที่ 31 ก.ค. ที่ สตช. พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 7/2562 ในเวลา 10.00 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 โดยมีวาระการประชุมที่สำคัญ อาทิ การแก้ไขกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ซึ่งในเดือน ส.ค.นี้จะมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก. วาระประจำปี 2562
    ด้าน พล.อ.ประวิตรปฏิเสธตอบคำถามภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ระบุมอบหมายงานด้านความมั่นคงให้ แต่ไม่มี สตช. เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องสุขภาพ โดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า ยังต้องช่วยนายกฯ ดูแล สตช. 
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการจัดตั้ง ครม.เศรษฐกิจขึ้น ซึ่งรองนายกฯ ทุกคนก็เห็นชอบร่วมกัน เพราะมีรองนายกฯ จากหลายส่วน ดังนั้น จำเป็นต้องนำมารวมกัน เพื่อเอาหลายเรื่องมาหารือร่วมกันทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ซึ่งรองนายกฯ แต่ละคนรับผิดคนละกระทรวง ฉะนั้นการขับเคลื่อนอาจมีปัญหาไม่สอดคล้องกันอยู่บ้าง
นายกฯ กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นว่า อยู่ในชั้นการพิจารณาของกระทรวงการคลัง หลักๆ เน้นกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ การท่องเที่ยว เร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ โดยวันนี้ได้ให้แนวทาง แผนงานจัดทำโครงการให้สอดคล้องกับรายไตรมาสปี 2563 ซึ่งโครงการต่างๆ ถ้าสามารถผลักดันขับเคลื่อน ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ แผน 1 ปี 3 ปี 5 ปีเพื่อให้เบิกจ่ายออกใช้ได้ตามห้วงเวลา แต่ถ้าเบิกจ่ายไม่ได้ เดือน ก.ย.ก็ต้องเรียกคืนแล้วปรับเป็นโครงการใหม่ บางทีต้องโยกงบไปใช้ในปีต่อไป ซึ่งจะทำให้เสียเวลา ฉะนั้น ขอให้เห็นใจด้วย แม้มีกฎหมาย มีวิธีบริหารจัดการงบประมาณ แต่ถ้าไม่ผ่านความคิดเห็นประชาชนก็ลำบาก แต่เราก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับให้ทำงานเป็นทีม ซึ่งเราก็ช่วยกันทำงานอยู่แล้ว เพราะเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง แต่คาดว่าน่าจะเริ่มได้ในวันจันทร์ที่ 5 ส.ค.นี้ 
ลั่น ครม.ครอบครัวเดียวกัน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า บรรยากาศการประชุม ครม.อย่างเป็นทางการครั้งแรกเป็นไปอย่างดี โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุม ว่าขอให้เรารักกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว มีใครอึดอัดอะไรบ้างหรือไม่ ซึ่งรัฐมนตรีทุกคนก็ยิ้ม และไม่มีใครพูดอะไร นายกฯ บอกด้วยว่า ถ้ามีอะไรเราก็มาพูดคุยกันได้ เราครอบครัวเดียวกัน ขอให้ช่วยกันทำงาน
นางนฤมลยังแถลงผลประชุม ครม.ว่ามีมติเห็นชอบตั้ง ครม.เศรษฐกิจ โดยมีนายกฯ เป็นประธาน และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง เป็นกรรมการและเลขานุการ ซึ่งในสมัยก่อนเคยมี ครม.เศรษฐกิจในลักษณะแบบนี้มาแล้ว เนื่องจากเราเป็นรัฐบาลพรรคร่วม มีหลายพรรคที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ ครม.เศรษฐกิจจึงถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ให้เห็นผลได้ ที่คาดว่าจะเป็นประชุมทุกวันจันทร์ เพื่อนำผลการหารือเข้าที่ประชุม ครม.ชุดใหญ่ในวันอังคาร 
    โฆษกประประจำสำนักนายกฯ ยังแถลงอีกว่า ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบมอบหมาย และมอบอำนาจรองนายกฯ กำกับการบริหารราชการแทนนายกฯ คือ พล.อ.ประวิตรกำกับดูแล 4 กระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงแรงงาน รวมทั้งกำกับดูแลสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, สขช., สมช., ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)
ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กำกับดูแล 5 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการคลัง, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงการอุดมศึกษาฯ, กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งดูแลสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ), อสมท, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สำนักงานบริหารและพัฒนาความรู้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน), สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน), สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
นางนฤมลกล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ยกเว้นดีเอสไอ ซึ่งนายกฯ จะเข้าไปดูแลเองส่วนหนึ่ง กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งดูแลกรมประชาสัมพันธ์, สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.), สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ,  สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.), สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) 
ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กำกับดูแล 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ, กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ กำกับดูแล 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ, กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
มีรายงานอีกว่า ในเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ส.ค. ที่เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปเป็นประธานชี้แจงนโยบาย หรือถ่ายทอดนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการเพื่อนำไปขับเคลื่อน ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติภายหลังรัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว.
     


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"