บิ๊กตู่รื้อกฎตั้งตำรวจ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะก.ตร./วิษณุเคลียร์ปมถวายสัตย์จบแล้ว


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" จ่อนั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร.ครั้งแรก 2 ส.ค. จับตาแก้กฎแต่งตั้งนายพลปี 62 พร้อมมอบนโยบายหัวหน้าส่วนราชการ 8 ส.ค.จบแล้ว!   "วิษณุ" เคลียร์ปมนายกฯ ถวายสัตย์ฯ ได้รับพระราชทานพรใส่เกล้าใส่กระหม่อม จะมีอะไรต้องพูดต่อกันอีก ฝ่ายค้านไม่เชื่อมั่นนายกฯ คุมเศรษฐกิจ เย้ย 5 ปีทีม ศก.เดิมยังแก้ปัญหาไม่ได้ วันนี้ไม่มี ม.44 จะดีกว่าเก่าอย่างไร จี้ "กัลยา" รับผิดชอบตั้ง ส.ส.เป็นที่ปรึกษาความผิดสำเร็จแล้ว "เสี่ยลาว" ซบ พปชร.อ้างต้องการทำงานช่วยพื้นที่ "หญิงหน่อย" ปูด "พรศักดิ์" แจ้งเหตุลาออกเพราะการต่อรองเรื่องคดี

    เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 31 กรกฎาคม ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์  เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและเลขาธิการอาเซียนเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยคณะรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้แสดงความยินดีที่ พล.อ.ประยุทธ์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย 
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มีวิทยุในราชการ ตร. ด่วนที่สุด เลขที่ 0007.11/1013 ถึง จตช. รอง ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบช.น. ผบช.ภ.1-9 ผบช.ก. ผบช.ปส. ผบช.สตม. ผบช.ตชด. ผบช.ทท. ผบช.ส. ผบช.ศ. ผบช.สพฐ.ตร. ผบช.สกพ. ผบช.สงป. ผบช.กมค. ผบช.สง.ก.ตร. ผบช.สตส. จตร.(หน.จต.) และ พตร. ระบุว่า ด้วยนายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาประชุม ก.ตร.และมอบนโยบายในการปฏิบัติราชการให้กับข้าราชการตำรวจในวันศุกร์ที่ 2 ส.ค.62 เวลา 13.30 น. ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. จึงให้ข้าราชการตำรวจระดับ ผบช.ขึ้นไป เข้าร่วมรับมอบนโยบายดังกล่าวด้วยตนเองโดยพร้อมเพรียงกัน ตามวัน เวลา สถานที่ ที่กำหนดนี้ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วาระการประชุมที่สำคัญ อาทิ การแก้ไขกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ซึ่งในเดือน ส.ค.นี้ จะมีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผบ.ตร.-ผบก.วาระประจำปี 2562 
    สำหรับการประชุม ก.ตร.วันที่ 2 ส.ค.นี้ จะเป็นการเดินทางมาเป็นประธาน ก.ตร.ครั้งแรก ของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับดูแล ตร. โดย พล.อ.ประยุทธ์เคยเดินทางมาประชุมมอบนโยบายแก่ข้าราชการตำรวจที่ ตร. เพียงครั้งเดียว เมื่อปี 2559 เท่านั้น 
     ที่ทำเนียบรัฐบาล    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กรณีที่นายกฯ กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เอง จะมีผลต่อการพิจารณาคดีสำคัญหรือไม่ ว่าไม่มีผล การกำกับดูแลไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร และในอดีตก็เคยกำกับดูแล ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไร และว่านายกฯ กำกับดูแล ตร.อยู่แล้ว จึงมากำกับดูแล DSI เพราะทำงานคู่ขนานกัน และที่สำคัญ DSI ทำงานในรูปคณะกรรมการ ที่เรียกว่าคณะกรรมการคดีพิเศษ กว่า 80% ซึ่งตนเป็นประธาน ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี   
    “นายกรัฐมนตรีทราบว่า ที่ผ่านมา DSI และ ตร.มีปัญหาระหว่างกันบ้าง จึงลงมากำกับเอง แต่ผมก็เป็นคนกรองคดีอยู่แล้ว ไม่ใช่เหตุผลของการไม่ไว้ใจฝ่ายการเมือง” นายวิษณุกล่าว
    ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีพูดในสภาเกี่ยวกับคดีความของพรรคฝ่ายค้าน เกี่ยวเนื่องกับการกำกับดู DSI หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีหมายถึงอะไร เพราะคดีมีหลายที่ อาทิ สตง.,   ป.ป.ช., สรรพากร และมีทั้งคนในรัฐบาลและฝ่ายค้าน เมื่อมีการร้องเรียนกล่าวหา ก็ดำเนินคดีหมดทุกคน  ส่วนการติดตามคดีสำคัญที่เงียบไป เช่น คดีธัมมชโย คงไม่ถึงขั้นว่า นายกฯ มากำกับดูแล แล้วจะจับตัวได้ 
มอบนโยบายหัวหน้าราชการ
    นายวิษณุกล่าวถึงกำหนดการที่นายกฯ จะเดินทางไปมอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการในวันที่ 8 ส.ค.ว่า เป็นเรื่องที่มีมาทุกยุคสมัย ทุกรัฐบาลเมื่อได้แถลงนโยบายต่อนักการเมืองในสภาแล้ว แต่ผู้ปฏิบัติจริงคือข้าราชการประจำ จึงจำเป็นต้องทำให้เขามีความเข้าใจว่ารัฐบาลเน้นอะไร ตรงไหน และในแต่ละปีรัฐบาลจะทำอะไร เรื่องแบบนี้พูดในสภาอาจไม่ละเอียด เพราะมัวแต่ตอบโต้กันไปมา ดังนั้นเมื่อเสร็จสิ้นการแถลงนโยบาย รัฐบาลต้องทำในสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายทอดนโยบายให้กับผู้ปฏิบัติ จึงมีการจัดประชุมปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ในอดีตจัดที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล แต่ครั้งนี้ต้องการขยายให้มากขึ้น จึงไปจัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนายกฯ และรองนายกฯ ที่เกี่ยวข้องไปสรุปให้ทราบถึงรายละเอียดว่าจะทำอะไร ใครทำ และแหล่งงบประมาณเป็นอย่างไร
    นายวิษณุกล่าวถึงการเร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า คาดว่าจะเข้าสู่สภาในเดือน ต.ค. แม้ตอนนั้นจะปิดสมัยประชุมไปแล้ว แต่สามารถขอเปิดประชุมวิสามัญได้ และประมาณเดือน ม.ค.63 จะประกาศใช้ได้ ซึ่งจะมีผลย้อนหลังมาวันที่ 1 ต.ค.62 อยู่ดี ในช่วงเวลานี้จะใช้เวลาปรับงบประมาณให้สอดคล้องกับนโยบายเพื่อให้สามารถเดินหน้าได้ วงเงินงบประมาณกำหนดเอาไว้กว้างๆ 3.3 ล้านล้านบาท สามารถบวกลบได้ ส่วนแหล่งที่มาของรายได้มีการระบุเอาไว้แล้วในหน้าสุดท้ายของเล่มนโยบายรัฐบาล
     นายวิษณุกล่าวถึงการชี้แจงระหว่างการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่ผ่านมาว่า เมื่อมีผู้สงสัยตนก็ตอบ ใครว่าผิดก็ไม่เป็นไร ยอมรับว่ามีความรู้สึก แต่ไม่จำเป็นต้องไปตอบโต้ เพราะผมเชื่อว่ามือที่ไม่มีบาดแผลนั้นจับยาพิษมันก็คงไม่ซึมซาบอาบเข้าไปถึงตัว ซึ่งเป็นคำของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าจับกรอกปากเนี่ยตาย ส่วนความเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐของนายกฯ ที่ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่ ขณะนี้เรื่องอยู่ในศาลแล้ว ก็ดำเนินไปตามนั้น นั่งรออย่างเดียว และนายกฯ พูดเองกลางสภาว่าน้อมรับ ถ้าผิดก็ออก ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก
    เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายระบุว่านายกฯ กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วน นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ขอตอบ เนื่องจากเสร็จเรียบร้อย กระบวนการครบถ้วน และผ่านพ้นไปแล้ว 
    ต่อข้อถามว่า เคยมีปัญหาการอ่านคำถวายสัตย์ฯไม่ครบหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เคยมี เมื่อถามต่อว่า หากฝ่ายค้านจะยื่นขอให้สถานะคณะรัฐมนตรีเป็นโมฆะได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คงต้องถามผู้ยื่น ตนไม่ขอตอบ เพราะนายกรัฐมนตรีได้ตอบแล้วในสภา  
    "ตอนนี้ถือว่าเรียบร้อย ถือว่าจบ เพราะได้รับพระราชทานพรใส่เกล้าใส่กระหม่อม จะมีอะไรต้องพูดต่อกันอีก” นายวิษณุกล่าว    
ไม่เชื่อมั่นนายกฯ คุม ศก.
    ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายวิษณุระบุถึงการรับตำแหน่งข้าราชการการเมืองของ ส.ส. จากการหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ส.ส.ไม่สามารถเป็นข้าราชการการเมืองได้ เนื่องจากจะเกิดปัญหาผลประโยชน์ขัดกันและจะขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 184 ที่ระบุว่า ส.ส.ต้องไม่ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ กรณีคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ รวม 35 คน เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา ในคำสั่งดังกล่าวมี ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ด้วย 3 คน สุ่มเสี่ยงขัดต่อกฎหมาย ทำให้คุณหญิงกัลยาได้ยกเลิกคำสั่งนี้ 
    "แม้ว่าจะยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไปแล้ว แต่เมื่อพบข้อเท็จจริงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 และมาตรา 185 บัญญัติในเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ จะถือว่าเป็นการกระทำความผิดสำเร็จโดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่ คุณหญิงกัลยาต้องออกมาชี้แจงกับประชาชนว่าเกิดข้อผิดพลาดอย่างไร การยกเลิกคำสั่งดังกล่าวถือเป็นการสารภาพหรือไม่ว่าความผิดสำเร็จไปแล้ว ความรับผิดชอบทางการเมืองเหนือกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย กรณีคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการการเมืองที่อาจขัด รธน.จะรับผิดชอบทางการเมืองอย่างไร” นายอนุสรณ์กล่าว
       นายอนุสรณ์กล่าวถึงกรณีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมครม.เรื่องการแบ่งงานรองนายกฯ ว่า ถือเป็นงานยากของโฆษกรัฐบาลที่จะต้องตอบคำถามและสร้างภาพลักษณ์ สื่อสารผลงานรัฐบาล เพราะรัฐบาลนี้ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นถูกตั้งคำถาม 5 ปี ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจเต็ม มีเครื่องมือพิเศษ มีงบประมาณ การแต่งตั้งรัฐมนตรีทำได้โดยไร้เงื่อนไข แต่สภาพปัญหาวิกฤติในหลายด้าน การกลับมาเป็นรัฐบาลต่อในขณะที่ไม่มีเครื่องมือพิเศษ ต้องจัด ครม.ตามระบบจัดสรรปันส่วนโควตา ภรรยาเป็นไม่ได้ให้สามี พี่เป็นไม่ได้ให้น้อง พ่อเป็นไม่ได้ให้ลูก จะสร้างผลงานที่ดีได้อย่างไร 
    นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า การแบ่งงานที่ พล.อ.ประยุทธ์กระชับอำนาจไว้เองในหลายตำแหน่ง ประชาชนรู้สึกกังวล โฆษกประจำสำนักนายกฯ กรุณาตอบคำถามดังนี้ 1.พล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง จะขับเคลื่อนและผลักดันนโยบายเศรษฐกิจได้ดีกว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือไม่ มีอะไรใหม่หรือไม่ 2.5 ปีที่ผ่านมานายสมคิดคุมทุกกระทรวงเศรษฐกิจ ยังไม่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์คุมเพียงบางกระทรวงเศรษฐกิจ จะขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจให้เป็นเอกภาพได้อย่างไร 3.หากทัศนคติของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่บอกว่าคนจนไม่ได้เสียภาษีมีอยู่จริง จะมีผลต่อวิธีคิด การออกนโยบายและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไร 4.นโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐที่สัญญาไว้ตอนหาเสียงว่าทำได้ทำทันที แต่พอเป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถทำได้ จะอธิบายกับประชาชนอย่างไรว่าไม่ได้หลอกลวงเพียงเพื่อให้ได้คะแนนนิยมในช่วงเลือกตั้งเท่านั้น 5.นโยบายแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ รมว.กลาโหม อยากให้อธิบายว่าการซื้อเรือดำน้ำเพิ่ม จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างไร จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้นได้อย่างไร
เย้ย 5 ปีทีม ศก.ชุดเดิม
    ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ผันตัวจากวงการวิชาการ วงการการเงิน มาสู่แวดวงการเมืองอย่างเต็มตัว ได้ตนรู้สึกชื่นชอบในสิ่งที่ ดร.นฤมลได้ประกาศลบภาพลักษณ์อดีต คสช. รวมถึงได้นิยามการเมืองใหม่ ว่าจะไม่มีการตอบโต้ด้วยการโจมตีสาดโคลน และจะทำให้เป็นการเมืองที่สร้างสรรค์ หากสามารถปฏิบัติตามที่พูดได้จริง จะถือเป็นบุญวาสนาของประเทศไทยจริงๆ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่งดงามทางการเมือง เป็นประโยชน์กับประเทศ มากกว่าในอดีตที่มักประดิษฐ์แต่วาทกรรมสร้างความเกลียดชัง
    "รู้สึกยินดีที่เห็นการแบ่งงานให้แต่ละรัฐมนตรีอย่างชัดเจน มองเห็นถึงความตั้งใจทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ขยันเหลือเกิน ดูแลทั้งตำรวจ ทหาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นหัวหน้าทีม ครม.เศรษฐกิจ หวังว่าหลังจากที่ท่านนายกฯ มาควบคุมเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจแล้ว ประเทศจะดีขึ้น ประชาชนจะไม่หมดประเทศ เพราะตายกันหมดจากความจน" ดร.รยุศด์กล่าว 
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกฯ มาควบคุมเรื่องเศรษฐกิจด้วยตนเองว่า ทีมเศรษฐกิจก็ทีมเดิม นายกฯ ก็คนเดิม 5 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้เลย สิ่งที่ต่างกันมีเพียงตอนนี้ไม่มี ม.44 ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าในช่วงที่มี ม.44 ไม่ได้ใช้ทำอะไรให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เกิดรากฐานเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้นวันนี้ไม่มี ม.44 แล้วยังมองไม่ออกว่าจะดีกว่าเก่าอย่างไร แต่ไม่ตำหนิ และจะเอาใจช่วยให้ประชาชนอยู่รอดได้ และจะรอดูผลงาน
    นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า ส่วนตัวนั้นไม่เชื่อมั่น แต่ก็เอาใจช่วย และไม่สามารถให้คะแนนหรือคาดหวังการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ได้ และกรณี พล.อ.ประยุทธ์ดูแลงานด้านความมั่นคงแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เห็นว่าเป็นการลดทอนอำนาจของ พล.อ.ประวิตร เชื่อว่าทั้งสองคนต่างมีทีมงานเป็นของตัวเอง และไม่ทราบว่าการปรับเปลี่ยนลักษณะนี้ มีนัยอะไรในรัฐบาลหรือไม่
    ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางมาสมัครสมาชิกพรรค พปชร. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธาน ส.ส.พปชร. ให้การต้อนรับ  
    นายพรศักดิ์กล่าวว่า การย้ายพรรคครั้งนี้เป็นการตัดสินใจส่วนตัว ไม่ได้ถูกบีบบังคับหรือถูกต่อรองตำแหน่ง ยืนยันว่าไม่ได้เป็นต่อรองเรื่องคดีความ ส่วนตัวรู้จักและได้ทำงานร่วมกับนายสุชาติมาตั้งแต่ปี 2554 เพราะอยู่ในกรรมาธิการงบประมาณด้วยกัน จึงรู้ใจกัน นายสุชาติได้โทรศัพท์ชักชวนให้ย้ายพรรคเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ตัวเองเห็นว่าเป็นการย้ายพรรคหลังจากการเลือกตั้งไปแล้ว และส่วนตัวต้องการทำงานพัฒนาพื้นที่ จึงได้ตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 31 ก.ค. และยืนยันว่าไม่มีใครมาบังคับให้ต้องย้ายพรรค ไม่มีการต่อรองตำแหน่งใดๆ หากผู้ใหญ่เห็นว่าเราช่วยงานก็ยินดี พร้อมที่จะช่วยงานทุกเรื่อง 
    "การลาออกครั้งนี้ได้โทรศัพท์แจ้งคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่มีเรื่องบาดหมางภายใน ไม่เคยมีความขัดแย้ง ผมเคารพนายทักษิณอยู่ วันนี้ก็เคารพนะ แต่วันนี้ต้องการทำงานช่วยเหลือพื้นที่ เราก็ขออนุญาต ผมออกมา ผมขออนุญาตแล้ว" นายสุชาติกล่าว 
แฉใช้คดีต่อรองย้ายพรรค
    นายสุชาติกล่าวว่า ในฐานะประธาน ส.ส. มีหน้าที่จัดการพื้นที่ทั่วประเทศให้มีผู้แทนราษฎรของพรรค การได้นายพรศักดิ์มาร่วมงาน จะทำให้จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดสุรินทร์เข้มแข็งขึ้น ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการวางตัวขยายฐานเสียงภาคอีสาน เพราะรัฐบาลเพิ่งเริ่มต้นทำงาน ดังนั้นเราไม่นึกถึงเรื่องการเลือกตั้ง แต่ตอนนี้ต้องคิดเรื่องการช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ส่วนใครที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ก็อยากจะชวนเขามาร่วมงานทั้งหมด เพราะเราเป็นพรรคการเมือง ไม่มีปิดกั้น 
      คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงกรณีนายพรศักดิ์ ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐว่า ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องธรรมดา คนที่อยู่ก็อยู่ต่อไป นายพรศักดิ์แจ้งเรื่องการลาออกว่าเป็นเรื่องคดีที่มีอยู่ ซึ่งการกระทำลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเพียงพรรคเพื่อไทย แต่พรรคอื่นๆ ก็มีกรณีแบบนี้เช่นกัน ส่วนใหญ่จะเอาเรื่องคดีมาเป็นข้อต่อรอง ไม่เป็นไร เข้าใจ การดึงนักการเมืองหลังจากที่มีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้วนั้น ขอให้ไปถามอีกฝ่ายว่าการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ การที่เมื่อย้ายฝั่งไปแล้วก็มีการฟ้องไม่ทัน มีคดีหลุด ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องธรรมดา 
    "ในยุคนี้ที่มีการใช้คดีมาต่อรองเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ ตามกระบวนการยุติธรรม ตามหลักความเป็นธรรม ความเสมอภาค และการอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกฝ่ายทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกันตามหลักความยุติธรรม ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์และเกิดขึ้นได้" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว 
    นายวิษณุ เครืองาม กล่าวถึงการย้ายพรรคในขณะนี้ว่า ถ้าเป็นสมาชิกพรรคย้ายได้ แต่ถ้าเป็น ส.ส.ไม่สามารถย้ายได้ เพราะการย้ายพรรคหมายถึงต้องลาออกจากสมาชิกพรรค และเท่ากับขาดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. อีกกรณีหนึ่งคือพรรคไล่ออก กรณีนี้สามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้ รวมถึงกรณีที่พรรคถูกยุบก็สามารถไปหาพรรคใหม่สังกัดได้เช่นกันภายใน 60 วัน แต่อยู่ๆ จะมาลาออกเพื่อไปอยู่พรรคใหม่ไม่ได้ และพรรคการเมืองเองจะยุบเพื่อไปรวมกับพรรคอื่นไม่ได้เช่นเดียวกัน ถือเป็นการแก้ปัญหาในอดีต
         นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังตรวจความพร้อมห้องประชุมจันทรา อาคารรัฐสภา เกียกกาย ว่าโดยรวมความพร้อมสูงขึ้น มีการเสริมที่นั่งเเพิ่มอีก 150 ที่นั่งแล้ว จากเดิมมีเพียง 350 ที่นั่ง สามารถใช้ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์หน้านี้ได้แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และวันที่ 14 ส.ค. จะเดินทางไปที่สำนักงานใหญ่ TOT แจ้งวัฒนะ เพื่อดูความเรียบร้อยการขนย้ายอุปกรณ์ และขอบคุณผู้อำนวยการ TOT ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ ช่วงบ่ายจะกลับมาดูการทดสอบระบบในห้องประชุมจันทรา ทั้งเรื่องเครื่องเสียงและระบบการลงคะแนน จะมีการทดสอบระบบเสียงและระบบลงคะแนนอีกครั้ง ทราบว่าเป็นการจัดคนมา 500 คน ร่วมทดสอบเสมือนประชุมจริง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ในรัฐสภาแห่งใหม่มีการกำหนดไว้แล้ว แต่ยอมรับว่าค่าไฟสูง เพราะมีความจำเป็นต้องใช้ ส่วนการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ก็จะมีปัญหาบ้าง ซึ่งต้องใช้ที่นั่งข้างบน หรือที่นั่งเสริมข้างหลังเพิ่มอีก แต่ขอรอดูความพร้อมของระบบก่อน. 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"