แฉรับจ้างบึ้มป่วน! มั่นคงฟันธงไม่เกี่ยวไฟใต้ ตรวจ'DNA'2ผู้ต้องสงสัย


เพิ่มเพื่อน    

    ตร.เร่งแกะรอยล่ามือบึ้ม "สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี-วางเพลิงย่านประตูน้ำ" เพิ่มเติม หลังวงจรปิดจับภาพชัด แจงคุมตัว 2 ผู้ต้องสงสัยซุกระเบิด สตช.ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินได้ 7 วัน "บิ๊กตู่" กำชับยึดพยานหลักฐานตาม กม.เคร่งครัด "หน่วยความมั่นคง" ยันไม่เกี่ยวไฟใต้ แค่จ้างคน 3 ชายแดนใต้ก่อเหตุป่วน "แม่หนุ่มนราฯ" ขึ้น กทม.ขอพบลูก "หัวหิน" ระทึก! เจอ จยย.ต้องสงสัย "พปชร." ซัด "เสรีพิศุทธ์" คิดได้หารัฐบาลทำหวังกลบข่าว "พท." โวย "บิ๊กแดง" ชี้นำคดี
    ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) วันที่ 4 ส.ค. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. เรียกประชุมชุดสืบสวนและหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางระเบิดหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ ช่วงวันที่ 1-2 ส.ค.ที่ผ่านมา ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ไม่มีตำรวจนายใดให้สัมภาษณ์ โดยระบุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะเป็นผู้ให้ข้อมูลแต่เพียงผู้เดียว
    มีรายงานว่า ตอนนี้ยังไม่มีการนำตัว 2 ผู้ต้องสงสัยที่ลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกควบคุมตัวได้ที่ จ.ชุมพร มาสอบปากคำที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพฯ โดยทั้ง 2 คนยังถูกควบคุมตัวและสอบปากคำเพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถาม ที่ศูนย์ซักถามภายใน ศปก.ตร.ภาค 9 ทันที 
    "ส่วนที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดพบผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ทางตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามจับกุมเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มากนัก" แหล่งข่าวจากตำรวจฝ่ายสืบสวนระบุ
    มีรายงานว่า กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ 4 จุด ย่านประตูน้ำ ทั้งอาคารในตลาดไซด์วอล์ก ภายในซอยเพชรบุรี 19 ร้าน "ฮ็อบ" และร้าน "ปุ๋ย แฟชั่น" ที่เปิดเป็นร้านขายเสื้อผ้าและเป็นห้องแถวที่อยู่ด้านหน้าตลาดเฉลิมลาภ ต่อมากองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) พบหลักฐานจาก 3 จุดใน 4 ที่เกิดเหตุลักษณะคล้ายระเบิดเพลิง มีชิ้นส่วนของเพาเวอร์แบงก์ไหม้ไฟและตัวไทเมอร์ตั้งเวลา (แผงวงจร) ล่าสุดจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางเจ้าหน้าที่บริเวณทางเข้าศูนย์การค้าอินทรา (ซอยวังทอง) ถนนราชปรารภ ห่างจากที่เกิดเหตุแรกคือร้าน "ปุ๋ย แฟชั่น" ใต้โรงแรมอินทราประมาณ 200 เมตร สามารถจับภาพผู้ต้องสงสัยเป็นชายลักษณะการแต่งกายกางเกงขาสั้นยาวปกเข่าสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว รองเท้าผ้าใบยางสีดำ สะพายกระเป๋าเป้แบบวัยรุ่นสีน้ำเงิน สวมหมวกสีน้ำตาล ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัย 
    "ชุดคลี่คลายคดีอยู่ระหว่างการหากล้องวงจรปิดอื่นๆ เพื่อเทียบเคียงบุคคลว่ามีการก่อเหตุต่อเนื่องในพื้นที่อื่นๆ อีกหรือไม่อย่างไร รวมถึงหาความเชื่อมโยงในช่วงเวลาที่เกิดเหตุด้วย" แหล่งข่าวจากตำรวจฝ่ายสืบสวนระบุ    
    ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก สตช.) กล่าวถึงการคุมตัว 2 ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดบริเวณป้ายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า การดำเนินการทั้งหมดของตำรวจเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการให้ข้อมูลและให้ปากคำที่เป็นประโยชน์ เพื่อที่จะสอบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไป
    "เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้กำชับและสั่งการมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ยึดและปฏิบัติตามหลักกฎหมายโดยเคร่งครัด ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยมอบหมายให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย จเรตำรวจแห่งชาติและรอง ผบ.ตร.ลงไปกำกับดูแลคดีด้วยตนเองอีกชั้นหนึ่ง จึงขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่าตำรวจจะดำเนินการด้วยความถูกต้อง เที่ยงธรรม และสามารถชี้แจงต่อสาธารณชนได้" พล.ต.ท.ปิยะกล่าว
ใช้พรก.ฉุกเฉินคุม 2 มือบึ้ม
    โฆษก สตช.กล่าวว่า ขอฝากพี่น้องประชาชนให้ติดตามข่าวสารจากทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งหากมีข้อมูลเพิ่มเติม สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้นำเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบ
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. ชี้แจงถึงการควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาที่ จ.ชุมพร ว่าเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ตามหมายจับที่ศาลได้อนุมัติให้ ตาม พ.ร.ก.บริหารราชในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และได้ให้อำนาจสามารถควบคุมตัวไว้ได้จำนวน 7 วัน หลังจากจับกุมตัวได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการควบคุมตัวไปเพื่อทำการสืบสวนสอบสวนและขยายผลเป็นเวลาจำนวน 7 วัน (2-8 ส.ค.62) 
    "ทั้ง 2 รายถูกควบคุมตัวไว้ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค.62 มีการตรวจร่างกาย และเข้าสู่กระบวนการซักถาม ส่วนของสิทธิผู้ต้องหาขั้นพื้นฐานที่จะได้รับการเยี่ยมของญาตินั้น บิดา-มารดาและภรรยาสามารถติดต่อเยี่ยมได้ตามปกติ โดยมีแนวทางการปฏิบัติในการเยี่ยมญาติจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว
    รองโฆษก สตช.กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับมายัง ผบ.ตร.โดยตลอด ให้ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ ยึดหลักกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง โดย ผบ.ตร.ได้กำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนสอบสวนด้วยความรวดเร็ว โปร่งใสเป็นธรรม ยึดหลักกฎหมาย สิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาที่ควรได้รับ นำพยานหลักฐานในทางนิติวิทยาศาสตร์มาเชื่อมโยงถึงการกระทำความผิดเป็นสำคัญ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เกิดความเชื่อมั่นและตอบคำถามให้กับสังคมได้
    "ขอยืนยันทั้ง 2 รายปลอดภัยดี ขณะนี้อยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ และได้รับสิทธิของผู้ถูกซักถามตามปกติ ใช้มาตรฐานเดียวกันกับผู้ควบคุมรายอื่น เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมโดยปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย และจัดให้ได้รับสิทธิของผู้ถูกควบคุมตามปกติ ไม่ได้เป็นไปตามข่าวลืออื่นๆ ตามที่ปรากฏในโลกโซเชียลแต่อย่างใด ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ในการทำงานขอให้เชื่อมั่น และติดตามข่าวสารที่ถูกต้องจากทางราชการเท่านั้น" รองโฆษก สตช.กล่าว
    พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบก.พฐก.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัย 2 คนที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้เรียบร้อยแล้ว และมีการสกัดเอาตัวอย่างดีเอ็นเอในห้องปฏิบัติการ และนำเข้าเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวเคยมีความเกี่ยวข้องกับคดีในพื้นที่ภาคใต้หรือเหตุอื่นๆ หรือไม่
    "เรายังได้นำตัวอย่างดีเอ็นเอที่ได้ไปเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ ทั้งจากตัววัตถุระเบิดและอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วันก็จะทราบว่าตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัย 2 คน จะตรงกับเหตุที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ ก่อนจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้คณะทำงานในคดีตั้งข้อหา ตามขั้นตอนกระบวนการต่อไป" พล.ต.ต.ทิวธวัชกล่าว
    ผบก.พฐก.กล่าวว่า ในส่วนการเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุจากเหตุระเบิดตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ได้นำชิ้นส่วนและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มาตรวจหาลายนิ้วมือแฝงและตัวอย่างดีเอ็นเอ โดยพบมีชุดตัวอย่างดีเอ็นเอและลายนิ้วมือจากกลุ่มบุคคลจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลที่มี และต้องนำรายงานส่งให้คณะทำงานตรวจสอบเพิ่มเติม 
โจรใต้รับจ้างป่วนกรุง
    "การตรวจสอบลักษณะเฉพาะของวัตถุระเบิดมีความคืบหน้าไปมาก เนื่องจากวัตถุระเบิดบางชิ้นไม่เกิดการระเบิด ทำให้สามารถตรวจสอบหาลักษณะเฉพาะของระเบิดได้ ส่วนระเบิดที่มีการทำงานไปแล้วก็จะนำมาประกอบเพิ่มเติม เพื่อหาลักษณะเทียบเคียงกับลักษณะเฉพาะของมือระเบิดในพื้นที่ต่างๆ และใช้ในการดำเนินคดีหากมีการจับกุมผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยรายได้" ผบก.พฐก.กล่าว
    หน่วยข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า จากการสอบสวน 2 ผู้ต้องสงสัยที่จับกุมได้ที่ จ.ชุมพร ได้รับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุที่หน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติจริง โดยก่อเหตุเพียงแค่จุดเดียว ไม่เกี่ยวข้องกับจุดอื่นๆ และยังไม่เปิดเผยถึงมูลเหตุจูงใจ
    "การสอบสวนในเชิงลึกพบผู้ต้องสงสัยมีชื่ออยู่ในแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบพื้นที่ชายแดนภาคใต้จริง แต่เป็นเพียงระดับปฏิบัติการ ไม่ใช่ระดับแกนนำอย่างที่มีกระแสข่าว อีกทั้งรูปแบบการก่อเหตุค่อนข้างแตกต่างจากในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่เมื่อหลังก่อเหตุแล้วจะมีการประกาศความรับผิดชอบจากทางกลุ่ม แต่เหตุการณ์ที่ กทม. ผู้ต้องสงสัยก็ไม่ทราบเกี่ยวกับการก่อเหตุในจุดอื่นๆ และไม่ประกาศความรับผิดชอบแต่อย่างใด จึงคาดว่าผู้ต้องสงสัยอาจรับจ้างจากกลุ่มอื่นที่ไม่เกี่ยวกับปัญหาในชายแดนภาคใต้มาก่อเหตุสร้างสถานการณ์เท่านั้น" แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุ
    วันเดียวกัน นางรอฮานิง มาหะมะ แม่ของนายลูไอ แซแง พร้อมด้วยครอบครัวของนายวิลดัน มาหะ 2 ผู้ต้องสงสัยคดีลอบวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถูกจับกุมที่ จ.ชุมพร ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยใช้รถไฟขบวนรถเร็วที่ 172 สุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส มาลงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อมาขอเยี่ยมลูกชาย และสอบถามข้อเท็จจริงจากปากลูกชายว่าได้ก่อเหตุจริงหรือไม่
    นางรอฮานิงกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามา และแม่กำลังรอการติดต่อจากเจ้าหน้าที่อยู่ อยากให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมาแจ้งความปลอดภัยของลูกชาย ให้ได้ยินเสียงก็ยังดี เพราะขณะนี้ที่บ้านและเด็กนักเรียนที่ลูกชายสอนอยู่นั้นก็ยังรอการกลับมาอยู่ และหากลูกชายทำผิดหรือไม่ผิดอย่างไร ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม 
    "อยากขอให้เจ้าหน้าที่ให้ความยุติธรรมกับลูกชาย ไม่อยากให้ทำร้ายลูกชาย เพราะตอนนี้ 3 วันแล้วยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ เลย โดยยืนยันลูกชายเป็นคนนิสัยดีมาก ซึ่งอยากให้ลงไปในพื้นที่เพื่อสอบถามคนในพื้นที่ดูได้ และตอนนี้ลูกชายกำลังจะรับปริญญาและเรียนต่อ ป.โทด้วย การเดินทางมา กทม.ของลูกชายได้บอกกับแม่ว่าขอมาเที่ยว หลังทำวิจัยเสร็จและแม่เห็นลูกเหนื่อยๆ ก็อนุญาตให้มาเที่ยว ซึ่งปกติลูกชายมาเที่ยวกรุงเทพฯ แค่ 2-3 ครั้ง และมากับครอบครัว และลูกไม่ได้บอกว่ามากี่วัน" นางรอฮานิงกล่าว
    ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เวลาประมาณ 11.50 น. เจ้าหน้าที่สถานีรถไฟหัวหิน ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน พบรถจักรยานยนต์ 3 คัน มีลักษณะผิดปกติ เนื่องจากจอดทิ้งไว้ประมาณ 3 วันที่ลานจอดรถ จึงปิดกั้นแนวเขตเพื่อความปลอดภัย ในระยะ 50 เมตร, 100 เมตร และระยะ 300 เมตร ห้ามประชาชนเข้าในพื้นที่เด็ดขาด จากนั้นได้ทำการตรวจสอบทะเบียนรถแล้วปรากฏว่าไม่ตรงกับฐานข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน และเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าทำการตรวจสอบ โดยใช้สุนัขดมกลิ่นเข้าทำการตรวจสอบ 
จากนั้นสุนัขได้และแสดงท่าทีผิดปกติกับรถต้องสงสัยโดยการนั่ง 
    ต่อมาเจ้าหน้าที่อีโอดีตัดสินใจใช้ปืนยิงน้ำแรงดันสูง ยิงก่อนเข้าตรวจสอบรถจำนวน 3 คัน ผลการตรวจไม่พบว่ามีวัตถุระเบิดแต่อย่างใด 
    นายธนนท์ พรรพีภาส นายอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้สุนัขดมกลิ่นตอบสนองต่อรถทั้ง 3 คัน คาดว่าอาจมีกลิ่นของปุ๋ยยูเรียผสมกับกลิ่นน้ำมัน แต่ยืนยันว่ารถทั้ง 3 คันไม่พบสารตั้งต้นในการประกอบระเบิด 
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ระบุรัฐบาลอาจจะอยู่เบื้องหลังสถานการณ์วางระเบิดป่วนกรุงเทพฯ เพื่อกลบข่าว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวคำถวายสัตย์ฯ ไม่ครบว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มาก ทั้งที่ตัวเองเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง และเคยเป็นถึง ผบ.ตร. แต่กลับคิดได้แค่นี้ เพราะไม่มีรัฐบาลที่ไหนที่คิดทำร้ายประเทศและประชาชนแบบนี้ และไม่มีใครเอาชีวิตพี่น้องประชาชนมาเล่นเกม
    "ที่ผ่านมาบ้านเมืองสงบ ประชาชนมีความสุขมากว่า 5 ปีแล้ว ขอสาปแช่งให้คนทำและคนที่อยู่เบื้องหลัง ให้ได้รับกรรมที่ก่อโดยเร็วด้วย ประเทศไทยมีพระสยามเทวาธิราชปกป้องดูแล ใครที่คิดร้ายประเทศมีจุดจบที่ไม่ดีแน่นอน เพราะการกระทำดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหาย โดยเฉพาะเป็นการกระทำในช่วงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน" นายธนกรกล่าว
    รองโฆษก พปชร.กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น รัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศสงบ ปลอดภัย และเชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถคลี่คลายคดีได้อย่างแน่นอน ที่สำคัญหากพี่น้องคนไทยมีความรักความสามัคคีกัน ก็จะไม่มีใครมาทำลายประเทศเราได้ 
    "ผมรู้สึกหดหู่กับพฤติกรรมของ ส.ส.บางคน และนักการเมืองพรรคเพื่อไทยบางคนที่ขาดวุฒิภาวะ ขาดจิตสำนึก ไร้มนุษยธรรม กรณีที่ออกมาแสดงคิดเห็นโดยเอาชีวิตประชาชนมาล้อเล่น มาเยาะเย้ย มาสะใจกับความเจ็บปวดของประชาชน ขอให้กลับตัวกลับใจเสียใหม่ ไม่เช่นจะไม่มีที่ยืนในสังคม" รองโฆษก พปชร.กล่าว
พท.โวย'บิ๊กแดง'ชี้นำ
    เช่นเดียวกับ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า เหตุการณ์วางระเบิดในหลายจุดที่ผ่านมา ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ อย่าพยายามพูดให้เป็นเรื่องของการเมืองทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องของประเทศที่ทุกคนต้องช่วยกันปกป้องคุ้มครองไม่ให้ใครมาคิดร้ายต่อบ้านเมือง และให้กำลังใจในการทำหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่หลายฝ่ายพยายามชี้นำถึงสาเหตุนั้น คงไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง ควรให้เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง เชื่อว่ารัฐบาลสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
    "ขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหา แต่การสื่อสารของรัฐบาลต้องมีความชัดเจน โดยให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหลักในการตั้งศูนย์บัญชาการสื่อสารเฉพาะกิจขึ้นในทันที เพื่อรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และเพื่อสื่อสารไปยังประชาชนอย่างถูกต้องแม่นยำ เพราะไม่เช่นนั้นอาจมีข่าวเท็จ ที่พยายามทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจนทำให้เกิดความสับสนได้" โฆษก ปชป.กล่าว
    ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) ระบุถึงเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯเป็นฝีมือกลุ่มเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุว่า หากข้อมูลที่ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 รายที่ถูกจับกุมตัวรับสารภาพว่าสาเหตุสำคัญที่มาก่อเหตุป่วนกรุงในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการแก้แค้น เพราะไม่พอใจทหารจนเป็นปัจจัยให้มาก่อเหตุดังกล่าวเป็นความจริง ไม่แน่ใจว่าคำให้การดังกล่าวจะขัดแย้งกับสิ่งที่ ผบ.ทบ.พูดหรือไม่ 
    "กลุ่มเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ ที่ระบุนั้น หมายถึงกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้หรือไม่ เพราะถ้าย้อนกลับไปเวลาเกิดเหตุสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายแทบทุกครั้ง ประชาชนก็มักจะได้รับคำตอบในลักษณะนี้มาโดยตลอด จึงไม่แน่ใจว่ากลุ่มเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ ในความหมายของ ผบ.ทบ.นั้น หมายถึงกลุ่มผู้ลงมือก่อเหตุยังคงเป็นกลุ่มเดิม หรือกลุ่มที่เป็นต้นตอของปัญหาประเทศยังเป็นกลุ่มเดิมๆ แนวคิดเดิมๆ" นายอนุสรณ์กล่าว
    โฆษกพรรค พท.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มีอำนาจเบ็ดเสร็จคุมทั้งทหาร ตำรวจ ดีเอสไอ เป็นแม้กระทั่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วยตัวเอง ควรพิจารณาว่างบประมาณที่ใช้ไปกับจัดซื้ออาวุธ รวมถึงเรือดำน้ำที่จะขอซื้อเพิ่มนั้น หากปรับเปลี่ยนมาเป็นการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพหน่วยงานด้านการข่าว ยกระดับคุณภาพเครื่องมืออุปกรณ์การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมาดูแลพี่น้องประชาชนให้มีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นกับการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนจะดีกว่าหรือไม่
    ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรค พท. ก็โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งระบุว่า คนไทยเป็นหนี้ตั้งแต่อายุยังน้อย และเป็นหนี้ยาวนานยันแก่ ผิดกับทหารไทย ซึ่งร่ำรวยจนมีเงินซื้อเรือดำน้ำและรถถังรุ่นใหม่ๆ เป็นว่าเล่น แต่พอเกิดเหตุระเบิดป่วนเมืองขึ้น ก็ไม่เห็นว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทุ่มเงินซื้อมาจะช่วยป้องกันเหตุร้ายใดๆ ได้
    "ผู้มีอำนาจฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะ ผบ.ทบ. ก็ใช้วิธีการทำงานแบบคร่ำครึในการคาดเดาว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด โดยใช้สมมติฐานแบบเลื่อนลอย และไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักมารองรับ ซึ่งทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ ควรใช้ความระมัดระวังให้มากในการเชื่อมโยงผู้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด อย่าทำให้บุคคลอื่นเสียหายโดยไม่เป็นธรรม และระวังอย่าให้ความเห็นของพวกท่านกลายเป็นการชี้นำการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย" ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว และว่า หวังว่ารัฐบาลจะไม่ถือโอกาสใช้สถานการณ์ระเบิดป่วนเมืองเหล่านี้เป็นข้ออ้างในการซื้ออาวุธเพิ่มหรือหาเรื่องออกกฎหมายพิเศษเพื่อละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยไม่จำเป็น” ร.ท.หญิงสุณิสากล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"