เอกชนตบเท้าพบธปท. อ้อนขอลดดอกเบี้ยอีก


เพิ่มเพื่อน    

9 ส.ค. 2562 นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั้งสภาหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ได้เข้าพบนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อหารือถึงปัญหาด้านการค้าการลงทุนต่าง ๆ โดยสภาหอการค้าฯ ได้มีข้อเสนอให้ ธปท. ลดอัตราดอกเบี้ยดอกเบี้ยเพิ่มเติม เพราะเงินบาทยังแข็งค่าอยู่ และให้ดูแลการเคลื่อนย้ายเงินทุน ดูเงินไหลเข้าไหลออก หากพบสัญญาเก็งกำไรให้มีมาตรการดูแล ซึ่ง ธปท.ชี้แจงว่า ค่าเงินเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจ คือดุลบัญชีเดินสะพัดไทยสูง และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) มีมาก โดยจะทำอย่างไรให้โครงสร้างเศรษฐกิจเอื้อต่อการดูแลค่าเงินบาทในอนาคต

นอกจากนี้ ยังเสนอให้ ธปท. สนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางของการเงิน เพราะตอนนี้การค้าขายมีการใช้เงินลงทุนผ่านสิงคโปร์ มองว่าถ้าไทยยังไม่เป็นศูนย์กลางการเงิน ทำให้ยังใช้ดอลลาร์อยู่ดี รวมทั้งสนับสนุนสกุลเงินท้องถิ่นมากขึ้น และให้ใช้สกุลเงินบาทในการค้าขาย เช่นในหลายประเทศได้ใช้เงินบาทแล้ว โดยออสเตรเลียมีสัดส่วน 34% ด้านลาว 60% พม่า 50% ถือเป็นเรื่องที่ดี

“ต้องขอบคุณผู้ว่าการ ธปท.ที่ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมีมาตรการอื่นมาเสริมด้วย โดยสภาหาการค้าฯได้มาเสนอมาตรการ รวมทั้งมารายงานปัญหา ซึ่งผู้ว่าการ ธปท.ก็ได้เห็นด้วย และรับไปพิจารณาศึกษาข้อเสนอต่าง ๆ โดยเป็นการหารือไม่ใช่ต้องทำตาม” นายกลินท์ กล่าว

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีผู้ประกอบการร้องเรียนมาก โดยเฉพาะการส่งออกภาคเกษตร เพราะขีดความสามารถมีปัญหา จากเงินบาทแข็ง ซึ่งเมื่อเทียบคู่แข่งที่มีค่าเงินอ่อน แต่เงินบาทไทยก็แข็ง ทำให้มีความเป็นห่วง และจีนได้ปล่อยค่าเงินหยวนลดลงมาอ่อนอีก ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีปัญหามาก จึงขอให้ธปท.ต้องดูมาตรการอื่นมาเสริมโดยด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสามารถแข่งขัน และฝากรัฐบาลดูเรื่องค่าแรง ถ้าเพิ่มค่าแรงจะกระทบเพิ่มอีกมาก

นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ได้มาเสนอตัวเลือกเพื่อช่วยลดผลกระทบจากมาตรการคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (แอลทีวี) ทั้งการไม่ใช้ราคาประเมินจากบริษัทประเมินราคาที่ดินหรือธนาคารซึ่งมีความน่าเชื่อถือ มาเป็นใช้ราคาซื้อขายจริงแทน ทำให้พบปัญหาได้ในอนาคต และเรื่องผู้กู้ร่วมหรือการค้ำประกัน ซึ่งได้รับผลกระทบแล้ว เพราะไม่อยากมีใครกู้ร่วม เนื่องจากหากขอกู้เองจะทำให้เป็นสัญญาที่ 2 ตามเกณฑ์ธปท.ซึ่งจะต้องมีเงินดาวน์ รวมทั้งขอขยายเวลาผ่อนดาวน์เพราะไม่สอดคล้องกับการก่อสร้าง โดยบ้านจัดสรรใช้เวลาก่อสร้าง 5-6 เดือนเท่านั้น ส่วนคอนโดใช้เวลา 2 ปี มองว่ามาตรการใช้ร่วมกันทั้งแนวราบและแนวสูงไม่ได้

“ได้เสนอควรตั้งคณะทำงานทบทวนมาตรการแอลทีวีเป็นรายไตรมาส เพื่อดูผลกระทบและแก้ไข ซึ่งปัญหาคือระยะเวลาผ่อนดาวน์จนก่อสร้างเสร็จ ใช้เวลาไม่เท่ากัน เป็นการฝืนตลาด เป็นการฝืนธรรมชาติ ธปท.จะมีวิธีไหนผ่อนปรนให้ตลาดขยับได้ มาตรการแอลทีวีใช้รวมกันทั้งแนวราบ แนวสูงไม่ได้ เพราะแนวราบไม่พบเก็งกำไรมาหลายสิบปีแล้ว และยังทำให้อัตราการกู้ไม่ผ่านเพิ่มขึ้นเท่าตัว จากปกติกู้ไม่ผ่าน 20% แต่ตอนนี้กู้ไม่ผ่านถึง 40% อาจทำให้ตลาดทรุดลงไปอีก” นายอธิป กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"