สาริศ สุวรรณรัตน์ กลับมาตีเวดจ์ท็อปฟอร์มในรอบสุดท้ายกด 7 เบอร์ดี้รวดก่อนจบรอบ 7 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสี่วัน 14 อันเดอร์พาร์ 274 เฉือนชนะ ชัพชัย นิราช 2 สโตรก คว้าแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิต ในศึกสิงห์-เอสเอที ปราจีนบุรี แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามกบินทร์บุรี สปอร์ตคลับ หรือ เคบีเอสซี ระยะ 8,038 หลา พาร์ 72 จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา

        สาริศ สุวรรณรัตน์ นักกอล์ฟวัย 21 ปีจากกรุงเทพฯ ที่ออกสตาร์ทรอบสุดท้ายด้วยการตามหลังผู้นำ 3 สโตรกกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งโดยเฉพาะการตีเวดจ์ก่อนทำเข้ามา 7 เบอร์ดี้ ซึ่งรวมถึง 5 เบอร์ดี้ในช่วงเก้าหลุมสุดท้าย และกลับขึ้นคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสี่วันแซงคว้าแชมป์ไปครองด้วยสกอร์รวม 14 อันเดอร์พาร์ 274 เฉือนชนะ ชัพชัย นิราช ที่ทำเข้ามาอีก 2 อันเดอร์พาร์ 70 ไปสองสโตรก

        ชัยชนะรายการนี้นับเป็นการคว้าแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิตของนักกอล์ฟวัย 21 ปี  หลังจากก่อนหน้านี้เคยชนะรายการในระดับออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์มาแล้ว 2 ครั้ง โดยเมื่อปี 2016 ชนะในฐานะนักกอล์ฟสมัครเล่นที่บูรพากอล์ฟ จ.ชลบุรี และเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพิ่งคว้าแชมป์ในฐานะนักกอล์ฟอาชีพสำเร็จในการแข่งขันที่รอยัลฮิลล์ กล่าวว่า  “ดีใจครับ เป็นการคว้าแชมป์ไทยพีจีเอทัวร์รายการแรก และเป็นแชมป์ที่สองหลังจากเทิร์นโปรมา ปลดล็อคไปอีกขั้นหนึ่งและสร้างความมั่นใจก่อนไปคิวสคูลของยูโรเปียนทัวร์อีก 2 เดือนข้างหน้า”

        หลังรับเงินรางวัลไปครอง 240,000 บาทจากชัยชนะที่เคบีเอสซี สาริศ ยังกล่าวต่ออีกว่า “หลังจากที่ชนะที่รอยัลฮิลล์ผมก็ตกรอบมาสามแมทช์ติด รายการนี้ก็ตั้งใจว่าไม่มีอะไรต้องติด สู้ให้หมดทุกหลุม แต่ปรากฏว่าสามวันแรกตีเวดจ์ไม่ได้เลย พอถึงวันสุดท้ายจริงๆอยากตีอันเดอร์ อยากแค่ติดท็อปห้า ไม่ได้คาดหวังถึงแชมป์ แล้วพอดีเหล็กสั้นซึ่งสามวันที่ผ่านมามีปัญมาวันนี้กลับมาตีได้หมดแล้วก็พัตต์ลง พอเกมมันมาทำได้ก็ต้องเอา ก็ตีบุก ตีเข้าธง เอาเบอร์ดี้ให้ได้”

        นักกอล์ฟวัย 21 ปีที่คว้าแชมป์รายการระดับอาชีพมาแล้ว 3 รายการยังได้พูดถึงปัจจัยที่ทำให้เขากลับมาชนะได้อีกครั้งในสัปดาห์นี้ว่า “น่าจะเรื่องใจครับ พวกความคิด เรื่องจิตใจ เพราะผมตกรอบมา 3 แมทช์ติดตั้งแต่ชนะออลไทยแลนด์ ก็ค่อนข้างดาวน์นิดหนึ่ง เพราะว่าหลังจากชนะที่รอยัลฮิลล์ก็ตกรอบ 3 แมทช์ติด  ก็เหมือนพยายามหาอะไรสักอย่าง แมทช์นี้พอถึงวันสุดท้ายก็ปล่อย ตีดีแค่ไหนเอาแค่นั้น แล้วปรากฏว่าทำได้ดี”

        ทางด้าน ชัพชัย นิราช นักกอล์ฟวัย 36 ปีจากพิษณุโลกที่ออกสตาร์ทรอบสุดท้ายในฐานะผู้นำร่วมจบสกอร์รอบสุดท้ายเข้ามาอีก 2 อันเดอร์พาร์ 70 จบอันดับสองแต่เพียงผู้เดียวด้วยสกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 276 รับเงินรางวัลไปครอง 132,000 บาท ขณะที่ ชลทิตย์​ ชื่นบุญงาม โปรวัย 21 ปีจากนครปฐมซึ่งนำการแข่งขันมาตั้งแต่รอบแรกจบการแข่งขันในอันดับสามด้วยสกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 278 โดยในรอบสุดท้าย ชลทิตย์ ทำได้เพียง อีเวนพาร์ 72

 

        สรุปผลสิงห์-เอสเอที ปราจีนบุรี แชมเปียนชิพ (สนามพาร์ 72)

 

        274  สาริศ สุวรรณรัตน์ 67-69-73-65

        276  ชัพชัย นิราช 70-68-68-70

        278  ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม 63-72-71-72

        279  ธาวิท พลไทย 66-72-73-68, รัฐธีร์ ศิริธนากุลศักดิ์ 68-70-72-69, ถิรวัฒน์ แก้วศิริบัณฑิต 70-70-69-70

        280  นิติธร ทิพย์พงษ์ 72-72-68-68, อมรินทร์ กรัยวิเชียร 71-72-66-71, ดลภัทรไชย นิยมชน 68-69-71-72

        281  ณัทพงศ์​ นิยมชน 74-69-70-68, อติรุจ วินัยเจริญกุล 66-69-76-70, ขวัญชัย แท่นนิล 72-72-66-71

        282  สุธีพัทธ์ ประทีปเธียรชัย 69-74-72-67

        283  เนติพงศ์ ศรีทอง 71-71-72-69, พล เขมรัตน์ 76-68-70-69, กิตติพร ชวนะพงศ์ 69-71-73-70