อนาคตของเรือแป๊ะ


เพิ่มเพื่อน    

      ฮื่ออ์อ์อ์...ขนาดยังไม่ทันครบ 3 เดือน 6 เดือน แค่ประมาณ ครึ่งเดือน หรือ 15 วันเท่านั้นเอง ดันเกิดเสียงซุบๆ ซิบๆ เซ็งๆ แซ่ๆ ว่า เรือแป๊ะ ไม่ว่าทำด้วยเหล็ก ด้วยไม้ หรือบางรายที่ไม่ได้มองเป็น เรือ แต่เห็นเป็น แพ คือเป็นแค่การเอาไม้ไผ่มามัดรวมๆ เข้าไว้ซะแทนที่ ชักเริ่มออกอาการไม่ค่อยจะดี อาจถึงขั้นใกล้จม หรือล่มปากอ่าวเอาง่ายๆ???

                                                                ----------------------------------------------

      และเหตุที่ทำให้เกิดเสียงซุบๆ ซิบๆ เซ็งๆ แซ่ๆ ในลักษณะทำนองนี้...ก็คงหนีไม่พ้นไปจากข่าวคราวที่วนไป-วนมา อยู่กับเรื่องการ ถวายสัตย์ฯ ที่ไม่ครบถ้วนกระบวนความ เลยต้องโดนตามจิก ตามกัด ชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เสาร์-อาทิตย์ อาจเพิ่มรอบดึก รอบเที่ยงคืน ซะอีกด้วยต่างหาก ตามด้วยเรื่องพรรคเล็กๆ ระดับเศษสลึง เศษสตางค์ ทั้งหลาย ที่ยอมมัดรวมเป็นแพไม้ไผ่ให้กับ แพแป๊ะ หรือ เรือแป๊ะ ชักเริ่มออกอาการงอๆ แงๆ ขึ้นมามั่งแล้ว ไปจนถึงการเสียหน้า เสียรังวัด จากกรณีการลงมติแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาฯ ที่ฝ่ายรัฐบาลดันแพ้ฝ่ายค้านเอาดื้อๆ...

                                                                  --------------------------------------------

      ซึ่งถ้าดูจากการซุบซิบ นินทา ในลักษณะที่ว่านี้...ไม่ว่าจะ แพแป๊ะ หรือ เรือแป๊ะ ทำด้วยไม้ หรือทำด้วยเหล็กก็แล้วแต่ คงไม่น่าจะถึงขั้นต้องล่ม ต้องจม ไปซะก่อนกำหนดการ เพราะแต่ละเรื่อง แต่ละราว ยังพอมีทางออก ทางไป อยู่อีกมากมายเยอะแยะ ไม่ว่าจะเรื่อง ถวายสัตย์ฯ ที่มีทั้งผู้ประสงค์ดี ไปจนประสงค์ไม่ค่อยจะดี ออกมาเสนอแนะทางโน้น ทางนี้ อยู่หลายต่อหลายทางด้วยกัน ส่วนเรื่องพรรคเศษสลึง เศษสตางค์ ทั้งหลาย ถ้าหากเหลือมือ เกินมือ ผู้กองมนัส ก็ยังสามารถหันไปไหว้วาน ผู้เฒ่าสารพัดพิษ หรือผู้ที่ เลี้ยงงูเห่า พยายามเพาะพันธุ์งูเห่า เอาไว้เป็นฟาร์มๆ นับจากนี้เป็นต้นไป...

                                                                   ----------------------------------------------

      คือถ้า มงคลกิตติ์ หายไปหนึ่ง...แต่ได้งูเห่า งูเขียว งูแมวเซา งูบองหลา เลื้อยเข้ามาในเรือ ในแพ ซักสี่ตัว ห้าตัว หรือเป็นสิบๆ ตัว ก็แทบไม่ต้องหันรีหันขวาง ไม่ต้องเสียวสันหลังใดๆ ต่อไปอีกแล้ว จะเลื้อยเข้ามาแบบเปิดเผย อย่าง งูพรศักดิ์ แห่งจังหวัดศรีสะเกษ หรือจะแอบเลื้อยแบบลับๆ ในช่วงจังหวะต้องผ่านกฎหมายสำคัญๆ ชนิดไม่ต้องเสียหน้า เสียรังวัด ในเรื่องเล็กๆ อย่างการแก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาฯ ย่อมเป็นไปได้ด้วยกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้...ถ้าเอามาตรฐานการซุบซิบ นินทา มาใช้เป็นเครื่องวัด มันคงวัดอะไรแทบไม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับ มวยบ็อกเซอร์ อย่าง บิ๊กตู่ ที่ได้ชื่อว่าเก่งในการฉากหลบ เด้งเชือก สปริงตัวออกจากมุม พลิ้วไป-พลิ้วมาได้โดยตลอด เกือบจะ 5 ปี 6 ปี เข้าไปแล้ว...

                                                               --------------------------------------------------------

      แต่ถ้าหันมาใช้ มาตรฐานทางเศรษฐกิจ นี่สิ...อันนี้ต้องเรียกว่า ออกจะน่ากลัว น่าสยดสยอง พองขน อยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะตลอด 5 ปี 6 ปีที่ผ่านมา ก็น่าจะเป็นเรื่อง เศรษฐกิจ หรือเรื่องปาก-เรื่องท้องนี่แหละ ที่ทำให้อดีตทหารผู้ชำนัญการในเรื่องถือปืน แบกปูน ไปโบกตึกซะเป็นหลัก ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องเศรษฐกิจโดยตรง ต้องเจอกับ สากกะเบือบิน รอบทิศทางมาโดยตลอด และแม้จะเปลี่ยน เรือแป๊ะ จากเรือไม้ มาเป็นเรือเหล็ก หรือกลายไปเป็นแพก็แล้วแต่ โดยทิศทาง หรือโดยลักษณะอาการของความพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ก็ดูจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปจากเดิมมากมายนัก...

                                                                ----------------------------------------------------------

      คือยังหนักไปทาง แจกแล้ว-แจกอีก เดินหน้ากระตุกและกระตุ้นเศรษฐกิจ ชนิดเมื่อยมือ เมื่อยแขน ไปตามๆ กัน เตรียมแจกเงิน อสม. แจกผู้ปลูกยาง ปลูกปาล์ม ปลูกข้าว แล้วแถมยังคิดแจกเด็กๆ ให้ไปเที่ยวฟรี กินฟรี โดยที่อาจต้องตายฟรี แบบพวกชอบเที่ยวสงกรานต์หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ อันนี้นี่แหละ...ที่มันออกจะน่ากลัว หรือแม้แต่น่า อันตราย อยู่พอสมควร เพราะการกระตุก กระตุ้น ใดๆ ก็ตามที แม้ว่าจะเป็นไปตาม หลักเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก แบบเป๊ะๆๆ แต่กระทั่ง จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ มาเอง ยังหนีไม่พ้นต้องเตือนเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่ามันเป็นการแก้ปัญหาแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง โดยถ้าคิดกระตุกแล้วกระตุกเล่ากันไม่หยุด โอกาสที่มันจะพังกันไปทั้งแถบ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                                                 -------------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ นโยบายการเงินและการคลังที่ต้องไปด้วยกัน มันจึงไม่ได้ไปในแบบ พากันลงเหว ไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ไปในแบบมีถ่วง มีรั้ง อะไรที่ การคลัง  ทำท่าจะลงเหว การเงิน ก็พอช่วยถ่วง ช่วยรั้ง ไม่ให้ต้องหลุดลงไปหงายท้อง ตีนชี้ฟ้า เอาง่ายๆ แต่ก็อีกนั่นแหละ...ด้วยทิศทาง แนวทาง ของรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจคนเดิม การประกาศจะจัดตั้ง คณะกรรมการกำกับดูแลนโยบายการเงินและการคลัง เพื่อให้ ต้องไปด้วยกัน หรือเพื่อไม่ให้มี อำนาจอิสระ ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว เมื่อช่วงวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา มันก็เลยยิ่งทำให้ใครต่อใครหวาดเสียวยิ่งขึ้นไปใหญ่...

                                                                 --------------------------------------------------------

      คือถ้าหากจะตาย จะล่ม ก็คงตาย คงล่ม อีตรงนี้นี่แหละ...ล่มเพราะไม่อาจรับมือกับเรื่องปาก เรื่องท้อง เรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่มันกำลังเป็นไปในแบบ ปราบเซียน ยิ่งเข้าไปทุกที เฉพาะแค่ สงครามการค้า อย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว นี่มันยังตามมาด้วยสงครามเทคโนโลยี สงครามการเงิน ใกล้ๆ จะ สงครามเลือด มะรอมมะร่อ ไม่ว่าจะพลิ้วยังไง โอกาสที่จะพลิ้วไม่ออก เด้งเชือกจนตัวหลุดออกจากเวที ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

                                                                    -------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Fritz R.S. Dressler... Predicting the future is easy. It’s trying to figure what’s going on now that’s hard. – การคาดคะเนอนาคตนั้นง่าย แต่การพยายามไตร่ตรองว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นนี่สิยากเอามากๆ

                                                                    ---------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"