แก้กฎ ก.ตร.แต่งตั้งยึดหลักอาวุโส บทพิสูจน์ “ลุงตู่” กุมหัวโต๊ะ สตช.


เพิ่มเพื่อน    

               ปลุกขวัญและกำลังใจข้าราชการตำรวจที่ “นายกฯ ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้ามากำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยตัวเอง หลังจากที่ผ่านมาได้มอบหมายให้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาช่วยดูแล ผลงานก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ขับเคลื่อนองค์กรสีกากีสนองนโยบายรัฐบาล ผลงานที่จับต้องได้คือ ปราบปรามผู้มีอิทธิพลแก๊งเงินกู้นอกระบบ ปลดแอกซับน้ำตาให้ชาวบ้านหลุดพ้นจากวงจร

                แต่ “ในมุ้ง” เป็นที่ค่อนขอดของตำรวจน้อยใหญ่ โดยเฉพาะการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ 3-4 ปีให้หลังมานี้ การแต่งตั้งกระจุกอยู่ในมือของผู้มากบารมีเพียงไม่กี่คน เกณฑ์การแต่งตั้งระบุยึดหลักอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ ความรู้ ความสามารถ ความเหมาะสม 67 เปอร์เซ็นต์ เกณฑ์ 67 เปอร์เซ็นต์ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นการบ่อนทำลายเหล่าสีกากีด้วยกัน “ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร” โยกย้ายข้ามหน่วย เหยียบหัวข้ามรุ่น ซื้อขายเก้าอี้เป็นธุรกิจที่ไร้ใบเสร็จ ผลทำให้ “ปลาผิดน้ำ” คนที่มีความรู้ ความสามารถ ไร้เส้นสายถูกเตะโด่งออกไปโรงพักทุ่งหมาเมิน คนทำงานไร้นายเหลียวแล

                การแต่งตั้งจึงเป็น “จุดอ่อน” ที่ต้องเยียวยาอย่างเร่งด่วน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ก็ทราบดี เพราะตามกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. “นายกรัฐมนตรี” เป็นประธาน ก.ตร.โดยตำแหน่ง หลังรัฐบาลตั้งไข่ “นายกฯ ลุงตู่” ได้แถลงนโยบายรัฐบาลจะเข้ามาดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เริ่มส่องประกาย อย่างน้อยการแต่งตั้งต้องดีกว่าเดิม และก่อนหน้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้คืนอำนาจให้ผู้บัญชาการหน่วยให้สิทธิ์แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ไม่เหมือนที่ผ่านมากระจุกอยู่ส่วนกลาง

                โดยเฉพาะการแต่งตั้งระดับ “ผบ.หมู่-รอง สว.” ที่ผ่านมา แต่ละกองบังคับการมีการคัดสรรคัดเลือกตัวบุคคลให้เหมาะสมกับงานกันเอง หรือถ้ามีการโยกย้ายข้ามหน่วยก็มีหนังสือชี้แจงตามขั้นตอนถึงเหตุและผลการโยกย้าย ก่อนให้ผู้บัญชาการหรือตำแหน่งเทียบเท่าที่ดำรงตำแหน่งหรือหัวหน้าหน่วยแต่งตั้ง ทำให้การแต่งตั้ง ผบ.หมู่-รอง สว.ที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาเหมือนทุกๆ ครั้ง ทั้งการร้องเรียนไม่ได้รับความเป็นธรรม แก้โผสอดไส้รายชื่อ วิ่งเต้นกันฝุ่นตลบ ตำแหน่งซ้ำซ้อน บางคนเสียชีวิตไปแล้วยังมีรายชื่อได้รับการแต่งตั้ง แต่ตำรวจบางนายเลือกจบชีวิตตำรวจ จึงกลายเป็นมะเร็งร้าย

                ตลอด 5 ปี รัฐบาล คสช.หลายฝ่ายคาดหวัง “ปฏิรูปตำรวจ” โดยเฉพาะประเด็นการปฏิรูป “งานสอบสวนและการแต่งตั้งโยกย้าย” มีการตั้งคณะกรรมการ อนุกรรมกรรมการ ขึ้นมาหลายฝ่ายศึกษาข้อมูลเพื่อเสนอร่างเป็นกฎหมาย แต่จนป่านนี้ยังถูกซุกอยู่ในลิ้นชัก แต่พลันที่ “นายกฯ ลุงตู่” เข้ามากำกับ สตช.ด้วยตัวเอง ก็มีกระแสข่าวแก้กฎ ก.ตร.แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 คืนความชอบธรรมให้ข้าราชการตำรวจ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด วันที่ 2 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2562 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นายกฯ เป็นประธาน ก.ตร. วาระแก้กฎการแต่งตั้งจึงเป็นวาระแรกที่นายกฯ เสนอที่ประชุมพูดคุยหารือกับคณะ ก.ตร.

                “รุก รบ จบเร็ว” ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร. ออกกฎว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ยืนยันยึดลำดับอาวุโส ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2561 ข้อ 9/1 เพื่อประโยชน์ในการคัดเลือกหรือแต่งตั้ง ให้จัดลำดับอาวุโส ดังต่อไปนี้ (1) ผู้มียศสูงกว่า (ไม่รวมถึงยศที่ได้รับจากการแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษ) เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า (2) ถ้ามียศเท่ากัน ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับนั้นในกรมตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาตินานกว่า เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า (3) ถ้าดำรงตำแหน่งตาม (2) นานเท่ากัน ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับถัดลงไปนานกว่าตามลำดับจนถึงตำแหน่งระดับรองสารวัตร เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า

                (4) ถ้าดำรงตำแหน่งระดับถัดลงไปตาม (3) นานเท่ากัน ให้ผู้ที่มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรนานกว่า เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า (5) ถ้ามีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรนานเท่ากัน ให้ผู้ที่มีอายุมากกว่าเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า สำหรับข้าราชการตำรวจที่ถูกประจำหรือสำรองราชการในระดับตำแหน่งใด ให้ถือว่ายังคงดำรงตำแหน่งระดับนั้นตลอดระยะเวลาที่ประจำหรือสำรองราชการ

                ก่อนสิ้นเดือน ส.ค.นี้ วาระการแต่งตั้ง “นายพล” ปี 62 ระดับรอง ผบก.ถึง จชต.และรอง ผบ.ตร. ยศ “พล.ต.ต.-พล.ต.อ.” ในปีนี้มีข้าราชการระดับนายพลเกษียนอายุราชการ 102 นาย “พล.ต.อ.” ระดับรอง ผบ.ตร. 7 นาย ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็ “บิ๊กอวบ” พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล “บิ๊กจุก” พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม “พล.ต.ท.” ระดับ ผช.ผบ.ตร. 1 นาย ระดับ ผบช. 13 นาย ระดับ รอง ผบช.34 นาย “พล.ต.ต.” จำนวน 47 นาย

                หลังราชกิจจานุเบกษาประกาศ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ได้ลงนามในบันทึกข้อความ ประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งระดับรอง ผบก.ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร. ใจความว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการคัดเลือกข้าราชการตำรวจ ดำรงตำแหน่งระดับ ผบก. ถึง จตช. และรอง ผบ.ตร. วาระประจำปี 2562 เพื่อให้การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ ตร. จึงประกาศลำดับความอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก. ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.มาเพื่อทราบ และแจ้งให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดตรวจสอบความถูกต้องของบัญชีลำดับอาวุโสดังกล่าว

                ทั้งนี้ หากเห็นว่าข้อมูลในการจัดลำดับอาวุโสไม่ถูกต้อง สามารถยื่นเรื่องต่อ ตร. (ผ่าน ทพ.) พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาทบทวนได้ ภายใน 7 วัน นับแต่วันประกาศลำดับอาวุโส” ซึ่งพบว่าระดับอาวุโสระดับ รอง ผบก.ถึง จชต. และรอง ผบ.ตร.มีจำนวน 708 นาย

                การแต่งตั้งวาระ “นายพล” ประจำปี 62 ที่จะถึงจะเป็นบทพิสูจน์ “บิ๊กตู่” ประธาน ก.ตร.คนใหม่ จะคืนความชอบธรรมการแต่งตั้งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่นายกฯ ลั่นในที่ประชุม ก.ตร. “การแต่งตั้งต้องยึดหลักอาวุโสเหมือนกับทหาร จะไม่ยอมให้มีการซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด ต้องเป็นไปด้วยความสุจริต ซื่อสัตย์ ยุติธรรม ไม่ให้ถูกกล่าวหาให้เสียชื่อ”

                 โจทย์ที่นายกฯ ลุงตู่ได้มอบให้จะได้เป็นรูปธรรมแค่ไหนต้องวัดใจ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะสามารถทำให้เป็นบรรทัดฐานการแต่งตั้งครั้งต่อๆ ไปได้หรือไม่ ให้สมกับเป็นผู้นำองค์กรสีกากีนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลยุคนี้ นามเรียกขาน "พิทักษ์ 1" จะอยู่จนเกษียณปลายปี 63 จะได้ใจผู้ใต้บังคับบัญชา 2 แสนกว่านายไปครอง.   

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"