ฝ่ายค้านหาย4เสียง สส.พรรคมิ่งขวัญซบรัฐบาล/‘พปชร.-เพื่อแม้ว’แข่งกันเพ้อ


เพิ่มเพื่อน    

 “พรรคลุงมิ่ง” แพแตก! ย้ายซบขั้วรัฐบาล  อยู่ที่เดิมแค่ 2 ราย “ประวิตร” เหยียบ พปชร.ครั้งแรก ประกาศพา ส.ส.กลับมาสมัยหน้ากว่า 116 คนแน่ “อุตตม” อวยอุ่นใจขึ้นเป็นพันเท่า ส่วน “เพื่อไทย” ชูสโลแกนใหม่ “คิดใหม่ ทำไว” ฟุ้ง 6 เดือนเห็นผล ปรับพรรคเป็นที่จิบกาแฟให้ชาวบ้านกระทบไหล่ดาวสภา  เปิดโชว์รูม 300 แห่งจำหน่ายสินค้า “บิ๊กตู่” ตอกเรื่องถวายสัตย์ฯ ของฝ่ายค้านต้องจัดลำดับความสำคัญ ผู้ตรวจฯ ย้ำ 27 ส.ค. เคาะเอาอย่างไร 

    เมื่อวันอังคารที่ 20 สิงหาคม มีความชัดเจนมากขึ้นกรณีพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) ที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรค จะย้ายขั้วจาก 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านมาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล รองหัวหน้าพรรค ศม. ซึ่งมาร่วมประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 22 ส.ค. ตนพร้อมด้วยนายมิ่งขวัญจะแถลงข่าวถึงความชัดเจนในเรื่องนี้ 
“ยอมรับว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่ที่มี ส.ส. 6 คนนั้น มีบางส่วนจะย้ายไปร่วมงานกับรัฐบาล แต่ผมและนายมิ่งขวัญนั้นจะยังคงทำงานเป็นฝ่ายค้านต่อไป สำหรับรายละเอียดต่างๆ นั้น ขอให้รอแถลงข่าวอย่างเป็นทางการก่อน”
    ขณะที่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค พท. กล่าวในเรื่องนี้ว่า การทำงานไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล และหากจะมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในฝ่ายค้านหรือรัฐบาลย้ายขั้ว ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่อยู่ที่ประชาชนจะรับได้หรือไม่ โดยเฉพาะคำสัญญาที่ให้กับประชาชนไว้เมื่อตอนหาเสียงเลือกตั้ง 
    น.อ.อนุดิษฐ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ 3 ส.ส.สุรินทร์ของพรรคไปให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระหว่างลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แม้กระแสในสื่อสังคมออนไลน์ค่อนข้างมีปฏิกิริยาพอสมควร แต่อยากให้แยกแยะการทำหน้าที่ว่าการเป็น ส.ส. ในฐานะตัวแทนประชาชนนั้น ต้องทำตามที่ประชาชนคาดหวัง ไม่ใช่ค้านในทุกเรื่อง และการทำหน้าที่ในสภาก็ต้องตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาล 
“ผมไม่ติดใจหากนายกฯ ลงพื้นที่ และมี ส.ส.ไปต้อนรับและติดตามการทำงานแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชน แต่การให้กำลังใจด้วยการระบุว่าไม่ร่วมลงชื่ออภิปรายทั่วไป และสนับสนุนให้อยู่ยาว 4 ปีนั้น เป็นอีกประเด็นที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว 
    นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีพรรค ศม.จะมาร่วมรัฐบาล ว่าไม่ทราบ ต้องถามผู้ใหญ่ของพรรค แต่โดยหลักแล้วพรรค พปชร.ยินดีทำงานกับทุกฝ่าย และยินดีต้อนรับหากพรรคเศรษฐกิจใหม่จะเข้าร่วม เพราะตอนนี้รัฐบาลมีเสียงทั้งหมด 253 เสียง หากตัดเสียงประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรออกไป 3 เสียง ก็จะเหลือ 250 เสียง ซึ่งถือว่าเป็นเสียงที่พอดี
    ขณะเดียวกัน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ว่า  ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งรองโฆษกฯ 2 ราย คือ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล และ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ)
    ทั้งนี้ ที่ประชุมยังมีการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองอีกจำนวนมาก ในทั้งในส่วนที่ปรึกษากระทรวงการคลัง 2 ตำแหน่ง, กระทรวงพลังงาน 1 ตำแหน่ง, กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีอีกรวม 17 เก้าอี้ และข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ อีก 5 ตำแหน่ง ซึ่งผู้ได้รับแต่งตั้งส่วนใหญ่นั้น มีทั้งจากบรรดาคนใน 9 พรรคเล็ก และอดีตผู้สมัคร ส.ส.จากพรรค พปชร.ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง 
    และในเวลา 16.55 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ได้เดินทางมาร่วมประชุมพรรค พปชร.เป็นครั้งแรก โดยมีแกนนำและ ส.ส.เข้าร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยก่อนขึ้นลิฟต์ชั้น 1 ขึ้นไปที่บริเวณห้องประชุม ชั้น 5 ส.ส.และสมาชิกพรรคได้ลุกขึ้นปรบมือต้อนรับอย่างคึกคัก พร้อมทั้งได้มอบดอกกุหลาบสีแดงและสีขาวในโอกาสเข้าพรรคครั้งแรก ทั้งนี้ ระหว่าง พล.อ.ประวิตรรับดอกกุหลาบ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี ได้แหวกวงผู้สื่อข่าวเพื่อนำดอกกุหลาบไปยื่นให้ พล.อ.ประวิตร ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้ทักทายว่า เอ๋เหรอ เป็นไง พร้อมเอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู
    ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้มอบแจกันดอกไม้ให้ พล.อ.ประวิตร พร้อมกล่าวต้อนรับว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสที่สำคัญอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประวิตรที่มาเป็นสมาชิกพรรคอย่างเต็มตัว และให้ความกรุณามาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เมื่อ พล.อ.ประวิตรมาช่วยชี้แนะและเดินทางไปกับเรา เราจะอุ่นใจมากขึ้นเป็นพันเท่า 
ป้อมลั่นเพิ่ม ส.ส.สมัยหน้า
พล.อ.ประวิตรยังได้กล่าวหยอกล้อสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดีด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า “ผมอยากเห็นหน้า ส.ส.ของผมบ้าง นักข่าวพอแล้ว วันนี้ ตื่นเต้น” จากนั้น พล.อ.ประวิตรได้แจกองค์พญาครุฑ รุ่นฉลองโบสถ์ ของ อ.วราห์ ปุญญวโร วัดโพธิ์ทอง เขตบางมดให้ ส.ส.เป็นที่ระลึกด้วย
จากนั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวกับ ส.ส.ตอนหนึ่งว่ารู้สึกตื่นเต้น คาดหวังว่าขอให้ ส.ส.ทำงานเชื่อมโยงกับประชาชนให้มากที่สุด ขอให้พรรคทำงานไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งใจที่จะเข้ามาทำภารกิจที่สำคัญ ประการแรกดูแลและสนับสนุนการทำงานของ ส.ส. เพื่อให้ทุกคนกลับมาเป็น ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งกลับมาอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งหน้า มุ่งหวังที่จะขยายยอด ส.ส. ทั้งรักษาฐานเดิมไว้ให้ได้และขยายได้ ส.ส.เพิ่ม ประการที่สองจะขับเคลื่อนสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดความเข้มแข็ง และสร้างคะแนนนิยมกับ ส.ส.ในการเลือกตั้งสมัยหน้า 
ต่อมาเวลา 17.50 น. พล.อ.ประวิตรแถลงภายหลังประชุมพรรคครั้งแรกว่า หลังจากนี้จะทำหน้าที่? ทำงานเพื่อให้เกิดความรัก ความสามัคคีกันภายในพรรค จะพยายามทำให้ดีที่สุด และหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างดีจากพรรค เพื่อให้พรรคเกิดความเข้มแข็ง อยู่เป็นหลักชัยให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไป
"การเข้ามาสู่พรรค พปชร.ครั้งนี้ถือว่าผมได้เป็นนักการเมืองแล้ว ซึ่งสมาชิกพรรคต่างให้การต้อนรับเป็นอย่างดี หวังว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรค พปชร.จะได้ ส.ส.มากขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยต้องได้ ส.ส.มากกว่า 116 คนที่ได้ตอนนี้ แต่ท้ายที่สุดก็ขึ้นกับประชาชน" พล.อ.ประวิตรกล่าว และว่า ?ได้ฝาก ส.ส.พปชร.ทุกคนให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี ให้ทำเสมือนว่าสภานั้นเป็นบ้านของ ส.ส.ที่จะต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้เกิดประโยชน์
เมื่อถามว่า ถือว่ายากหรือไม่ เพราะส่วนตัวเป็นทหารมาก่อน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่รู้เลยว่ายากหรือไม่ เพราะเพิ่งเข้ามาพรรคเป็นครั้งแรก แต่ยืนยันว่าพรรค พปชร.ไม่ใช่พรรคทหาร เพราะมีเพียงตนเองเป็นอดีตนายทหารที่สมัครเข้ามา เพราะมีความคิดที่จะทำงานช่วยบ้านเมือง หลังจากที่ช่วยมาแล้วกว่า? 50 ปี โดยตลอดเวลาที่รับราชการ ได้พยายามทำสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่ประชาชน 
เมื่อถามว่า ได้ชักชวน พล.อ.ประยุทธ์มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค พปชร.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีการชักชวน? เพราะเป็นเรื่องที่นายกฯ จะตัดสินใจเอง ซึ่งไม่รู้ว่าจะเป็นช่วงเวลาใด เพราะไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์
ถามอีกว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะลงสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า อีกกว่า 4? ปี? ถึงจะเลือกตั้ง เพราะรัฐบาลชุดนี้จะอยู่ให้ครบ 4 ปี ซึ่งเป็นความตั้งใจไว้ ไม่ใช่จะเลือกตั้งเดือน เม.ย.ปี 2563 และเมื่อถามว่าตั้งเป้าจะได้? ส.ส.เกินครึ่งหรือไม่? พล.อ.ประวิตร?กล่าวว่า ก็หวังอย่านั้น
ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.กล่าวว่า? จุดประสงค์ที่มาครั้งนี้คือ ต้องการให้พรรคเป็นหนึ่งเดียว มีความเข้มแข็งเป็นที่พึ่งของประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาลต้องร่วมมือร่วมใจกันอย่างดี เพราะมีหลายพรรคด้วยกัน? และที่มาวันนี้เพื่อต้องการให้ ส.ส.ได้ลงพื้นที่ไปดูแลประชาชน ดูว่าเขาต้องการอะไร แล้วมานำเสนอต่อพรรค โดยต้องเชื่อมโยงระหว่างประชาชนกับพรรค
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีข้อครหาว่าทหารมาเล่นการเมืองมักไม่ประสบความสำเร็จ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่มีข้อครหาอะไร แต่ได้ทำงานให้บ้านเมืองมาแล้วกว่า? 50 ?ปี การเข้าพรรคครั้งนี้ยังไม่ทราบว่าจะทำงานได้มากน้อยเพียงใด แต่จะทำงานอย่างเต็มที่ เท่าที่กำลังกาย ใจ และสมองจะทำได้ 
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่พรรคเศรษฐกิจใหม่จะร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกับทางพรรคเศรษฐกิจใหม่ 
ด้านนายอุตตมย้ำอีกครั้งว่า “ท่านมาเราก็อุ่นใจ”
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า? ในที่ประชุม? ส.ส. ซึ่งมี ?พล.อ.ประวิตร? ประธานยุทธศาสตร์พรรค? พปชร.เข้าร่วมด้วยนั้น พล.อ.ประวิตรได้กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส.ที่สอบตก ว่าคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ก็จะมีงาน มีตำแหน่งที่เหมาะสม? ซึ่งจะพิจารณาให้ เพราะอย่างน้อยเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องได้ส.ส.เท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม อย่าเพิ่งท้อ อย่าเพิ่งย้ายพรรค 
    นอกจากนี้? ยังกำชับ ส.ส.ถึงการทำงานสภาที่ผ่านมาว่า ได้ติดตามมาตลอด รับรู้ว่ามีปัญหาจึงอยากให้เข้าประชุมกันสภาให้เยอะๆ ครบๆ โดยเฉพาะการประชุมสภาในวัน 21-22 ส.ค.นี้ มีวาระสำคัญเข้า จึงอยากให้มาให้ครบ เนื่องจากสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมรัฐสภาอาเซียน ทำให้ไม่มีการประชุมสภาส่วนเสียงของพรรคภูมิใจไทยที่ขาดจากการประชุมสภาจำนวนมากนั้น ได้กำชับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแล้ว
    แหล่งข่าวระบุว่า? พล.อ.ประวิตรยังกล่าวในที่ประชุมถึงรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ? จำนวน 5 คน ประกอบด้วย? นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ? รมว.อุตสาหกรรม, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง  ให้พิจารณาตัวเองว่าการดำรง? 2? ตำแหน่ง จะเป็นอุปสรรคในการทำงานหรือไม่ เพราะอยากให้ ส.ส.ทำหน้าที่ของ ส.ส. รัฐมนตรีทำหน้าที่ของรัฐมนตรี ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด “อย่าคิดว่าผมไล่ ผมไม่ได้ตำหนิใคร แต่ให้เอาไปคิดเองดู"
    วันเดียวกัน ยังคงมีความคืบหน้ากรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ โดย พล.อ.วิทวัส  รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่าสำนักงานอยู่ระหว่างแสวงหาข้อเท็จจริง และรอการชี้แจงกลับมาของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากที่ผู้ตรวจได้ส่งหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงไป รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในวันอังคารที่  27 ส.ค.นี้ ผู้ตรวจฯ จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุม ซึ่งหลักพิจารณาเราจะมาดูเรื่องของข้อเท็จจริงว่าถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 อย่างไร รวมทั้งมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะนำเข้าที่พิจารณาในวันที่ 27 ส.ค. และเป็นไปไม่ได้ที่จะนำเข้าพิจารณาก่อนหน้านั้น
ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามกรณีฝ่ายค้านยื่นอภิปรายการถวายสัตย์ฯ ว่าจะไปตอบเองหรือไม่ ว่า โนคอมเมนต์ ไม่มีคำตอบ ไม่ตอบแล้ว เมื่อถามย้ำว่าถ้ามีเวลาว่างจะเดินทางไปตอบที่สภาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในวันพุธที่ 21 ส.ค.มีงานที่ได้วางแผนมาล่วงหน้าแล้ว ว่าจะไปตรวจกำลังพลทางเรือที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นงานใหญ่พอสมควร จึงต้องไป ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้เดี๋ยวตนจะดำเนินการเอง ทั้งนี้ ยังไม่รู้และยังไม่ทราบว่าจะไปเมื่อใด และเมื่อเช้านี้ก็ยังไม่เห็นว่าสภาได้รับตั้งกระทู้ หรือรับการอภิปรายดังกล่าว ซึ่งยังไม่มีการกำหนดมา เพราะการถามกระทู้นั้นต้องให้เวลาล่วงหน้า ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า สภาแจ้งว่าจะบรรจุวาระการอภิปรายนายกฯ ตามมาตรา 152 ในเดือนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องไปดูก่อนว่าทำได้หรือไม่ เพราะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ชี้แจงมาแล้ว แต่เข้าใจว่าเรื่องนี้สังคมให้ความสนใจ ซึ่งตนเองก็สนใจ ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ก็มีงานเยอะแยะ ดังนั้น จึงอยากให้อะไรก็ตามที่สามารถชะลอไปได้บ้าง หรือลดแรงกดดันไปได้บ้าง ส่วนจะทำได้หรือไม่ก็ไม่ทราบ 
“ต้องเข้าใจว่าอะไรสำคัญ หรือไม่สำคัญ แต่ทั้งหมดมันก็สำคัญทั้งหมด เพียงแต่ต้องจัดระเบียบให้ดีก็แล้วกัน โอเคนะ เรื่องนี้ผมจะไม่ตอบ พอแล้ว"
เตรียม 15 คนชำแหละ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้อยากให้จบที่กระบวนการยุติธรรมใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดี๋ยวก็ว่ากันไป พูดไปแล้ว เมื่อถามว่าจะเดินทางไปชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดินด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ตรวจฯ ได้ส่งหนังสือมาถึงนายกฯ แล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์หันไปถามนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ ว่าหนังสือถึงแล้วหรือยัง เลขาฯ นายกฯ ตอบว่า หนังสือถึงเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่านายกฯ จะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรใช่หรือไม่ นายดิสทัตตอบแทนว่า เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนเช่นนั้น
นายวิรัชกล่าวในประเด็นนี้ว่า ต้องรอดูความชัดเจนว่าจะบรรจุเป็นระเบียบวาระเมื่อใด ซึ่งจะเตรียมความพร้อมช่วยฝ่ายรัฐบาลชี้แจงในประเด็นที่สามารถช่วยได้ แต่ประเด็นใดที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวก็ต้องให้บุคคลนั้นชี้แจงเอง
    ด้านนายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะไม่มีการตั้งกระทู้เรื่องถวายสัตย์ฯ เนื่องจากได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 แล้ว ซึ่ง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้เริ่มทำงานเตรียมความพร้อม และเตรียมกำหนดตัวบุคคลที่จะอภิปรายเรื่องนี้ไว้ 15 คน คาดว่าจะใช้เวลาอภิปราย 2 วัน
    นายสุทินกล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านยังมีมติร่วมกันจะเสนอญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา หลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ซึ่งมีการลงชื่อ ส.ส. และเตรียมยื่นภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งทราบว่าวิปรัฐบาลก็จะยื่นญัตติเพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการแบบเดียวกัน และเป็นเรื่องดีหากทั้งสองฝ่ายจะยื่นร่างประกบไปพร้อมกัน
    นายโภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ด้านนโยบายและเเผนงาน พรรค พท.กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า แม้พรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นร่วมกันถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยกระบวนการสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่ก็มีความเห็นตรงกันว่าหมวด 1 รูปแบบของรัฐและอำนาจอธิปไตยกับหมวด 2 พระมหากษัตริย์ มีการบัญญัติไว้เหมาะสมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแก้ไข ส่วนจะมีการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ภายในปีนี้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมของทุกภาคส่วน 
ส่วนนายสุทินกล่าวว่า จะเสนอร่างได้โดยเร็ว เนื่องจากทุกฝ่ายพร้อมแล้ว เหลือเพียงรัฐบาลฝ่ายเดียว
    ที่พรรค พท.ยังมีการจัดงานแถลงข่าว แผน 6 เดือนแรกในการปฏิรูปพรรคสู่เป้าหมาย “ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ” โดยมีแกนนำพรรค อดีตรัฐมนตรี ตลอดจน ส.ส.เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. กล่าวในหัวข้อ “new challenge: สถานการณ์ใหม่ เพื่อไทยต้องเปลี่ยน” ช่วงหนึ่งว่า พรรคจะมีสัญญากับประชาชน 6 ข้อ คือ 1.เรายังคงยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง 2.เรายังยืนหยัดต่อสู้กับความอยุติธรรมทั้งปวง 3.เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย 4.เรายังมุ่งหวังให้เกิดหลักนิติรัฐและนิติธรรม 5.เรายังยึดมั่นสร้างสังคมที่เคารพในสิทธิเสรีภาพและการแสดงออกของทุกฝ่าย และ 6.เราอยากเห็นการกินดี อยู่ดี และชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน นอกจากนี้พรรคจะมีแนวทางการดำเนินการของพรรค 4 แนวทาง ประกอบด้วย 1.ปรับวิธีคิดกำหนดวิสัยทัศน์ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง 2.สร้างวัฒนธรรมการทำงานและเรียนรู้องค์ความรู้ใหม่ 3.ปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ และ 4.สร้างกลไกและองคาพยพให้ทันสมัย
เพื่อไทยชู'คิดใหม่ ทำไว'
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค พท. กล่าวในหัวข้อ “new culture: วัฒนธรรมองค์กรแบบ Fast-track ทำให้เร็ว พลิกไทยให้ทันโลก” ช่วงหนึ่งว่า แม้เราได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง แต่ด้วยอภินิหารของรัฐธรรมนูญและการคำนวณ ส.ส. ทำให้เรากลายมาเป็นฝ่ายค้าน แต่เราก็ยังเป็นฝ่ายค้านที่ประชาชนรักมากที่สุด ซึ่งประชาชนยังรอให้พรรคเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ เราต้องเร่งทำงานกับประชาชนมากขึ้น จะใช้ประสบการณ์จากพรรคไทยรักไทยสมัยทักษิณ ชินวัตร ที่ทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข และมีเศรษฐกิจที่ดี
    คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า แม้เราเป็นฝ่ายค้าน แต่จะไม่นั่งรออำนาจรัฐ เพราะเราจะลงช่วยประชาชนทันที โดยจะประสานพลังของพรรคทั้งในและนอกสภาเพื่อสานประโยชน์ให้กับประชาชน เราเคยเริ่มจากการคิดใหม่ทำใหม่สมัยพรรคไทยรักไทย แต่วันนี้ปัญหาหนักกว่าเดิม จึงเปลี่ยนเป็นคิดใหม่ ทำไว เพราะปัญหาของประชาชนไปไกลมากแล้ว 
    “เราหวังพึ่งรัฐบาลไม่ได้อีกแล้ว ทุกข์ของประชาชนคือทุกข์ของพรรค แม้เราจะเป็นฝ่ายค้านแต่หัวใจที่จะทำงานให้ประชาชนนั้นมีเกินล้านเปอร์เซ็นต์ เราจะกำหนด New Agenda For Thailand สร้างรากฐานประชาธิปไตยที่มั่นคง ได้ทำแอปพลิเคชัน Change เพื่อเป็นช่องทางติดต่อระหว่างประชาชนกับพรรค และจะสร้างสถาบันสร้างไทยเพื่อระดมผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จากนี้ไปอีก 6 เดือนข้างหน้าจะเห็นเป็นรูปธรรม ภายใต้การนำของคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.ของพรรคทุกคน”คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
    น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวในหัวข้อ “new system: ปรับ รื้อ เปลี่ยน โครงสร้างพรรคเพื่อไทย” ช่วงหนึ่งว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคิดใหม่ ทำไว พรรคจึงต้องรีบปรับปรุงพรรค ภายใน 6 เดือนต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงตามแนวคิดประชาชนคิด เพื่อไทยทำ พรรคจะทำ 3 โครงการเริ่มต้น คือ 1.โครงการ OPEN SPACE ที่จะเปิดให้ที่ทำการพรรคเป็นพื้นที่สาธารณะให้ประชาชนเข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประชาชนสามารถมาดื่มกาแฟกระทบไหล่ดาวสภาได้ จะเริ่มต้นนำร่องที่ทำการพรรคเป็นที่แรก 2.เริ่มโครงการคณะกรรมการขนาดเล็กไม่เกิน 5 คน จิ๋วแต่แจ๋ว ทำการในเรื่องที่ประชาชนสนใจหรือการตรวจสอบคอร์รัปชันแบบเกาะติด สืบสวน การทุจริตของรัฐบาล และ 3. โครงการยุทธการผูกเสี่ยว 
    “แม้เราไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่เชื่อว่าเราสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องได้ โดยจะให้ ส.ส.ในพื้นที่นำสินค้าของชุมชน และนำตัวแทนชุมชนนำมาขาย เป็นโชว์รูมอย่างน้อย 300 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ให้พี่น้องประชาชน” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"