"อุตตม" ยันพลังประชารัฐไม่ได้ชวน แต่ "ไพบูลย์" มาเอง ไม่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ ขณะที่ "ไพบูลย์" ขู่ฟ้อง "บุญยอด" โทษฐานวิจารณ์หักหลังประชาชน ด้านฝ่ายค้านถล่มแหลก พปชร.เลียนแบบนายใหญ่ ดูดพรรคเล็ก ไล่พ้น ส.ส.ไปเลย ดักคอ กกต.ระวังจะทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป (ปชช.) ยุบพรรค และเตรียมเข้าร่วมทำงานกับพรรคพลังประชารัฐว่า ขณะนี้เข้าใจว่าอยู่ในขั้นตอนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รอให้เรียบร้อยแล้วจึงมาสมัครพรรคพลังประชารัฐ
"ถ้ามาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ส่วนจะกระทบต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ ผมกำลังให้ฝ่ายกฎหมายดูอยู่ ว่าตามรัฐธรรมนูญมาตราที่เกี่ยวข้องระบุไว้ว่าอย่างไร"
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ระบุพรรคการเมืองใหญ่ดึง ส.ส.จากพรรคเล็กมาในลักษณะนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ว่า พรรคพลังประชารัฐไปชี้ชวนให้นายไพบูลย์ยุบพรรค ถือเป็นสิทธิ์ในการตัดสินใจของนายไพบูลย์เอง วุฒิภาวะขนาดนั้นแล้ว เชื่อว่าไม่มีใครไปยืนบอกให้ยุบเถอะมานี่ และเราก็ไม่ทำ
ถามว่าในอนาคตจะมีพรรคการเมืองเล็กเข้ามาแบบนี้อีกหรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตอบว่า ยังบอกไม่ได้ อยู่ที่ตัวพรรคเขาเองว่าจะมีการพูดคุยกันหรือไม่ แต่นโยบายของพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่การไปเดินหามา
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องนี้เป็นความจำนงของนายไพบูลย์ที่จะยกเลิกพรรค และจะมาเข้าร่วมกับพลังประชารัฐ โดยรายละเอียดทางกฎหมายต้องดูอีกครั้ง ซึ่งการคำนวณคะแนนคือเรื่องใหม่ แต่เข้าใจว่านายไพบูลย์นั้นดูมาแล้ว ต้องให้ทาง กกต.เป็นผู้ให้ความเห็น ส่วนตัวอาจจะยังให้ความเห็นไม่ได้
"ไพบูลย์"ฟ้อง"บุญยอด"
ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กล่าวถึงกรณีถูกนายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาเป็นคนทรยศเสียงของประชาชนว่า นายบุญยอดโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยใช้ถ้อยคำในลักษณะมีการใส่ความ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำการใส่ความตนโดยวิธีโฆษณาในเฟซบุ๊กของนายบุญยอดเอง และมีการเผยแพร่ไปยังสื่อออนไลน์สาธารณะหลายแห่ง ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
"ดังนั้นการกระทำของนายบุญยอดจึงเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และมาตรา 328 ฉะนั้นเพื่อประโยชน์ต่อการรักษาหลักการแห่งกฎหมาย จึงจะฟ้องดำเนินคดีกับนายบุญยอด ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยวิธีโฆษณาและป่าวประกาศในสื่อโซเชียลมีเดีย ไปยังศาลอาญาในเร็วๆ นี้" นายไพบูลย์กล่าว
ด้านนายบุญยอดกล่าวว่า ในข้อความของตนเองไม่ได้มีการระบุชื่อนายไพบูลย์ แต่แสดงความเห็นเกี่ยวกับพฤติกรรมที่มีการหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อได้รับเลือกตั้งแล้วกลับเลิกดำเนินกิจการและย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ถือว่าไม่เคารพต่อคะแนนเสียงที่ประชาชนให้ หรือทรยศประชาชน ตามความเห็นของตน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของใครก็ตาม จึงเป็นความเห็นในเชิงหลักการ ไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการเฉพาะ
อีกทั้งในอดีตเคยมีปัญหาเกี่ยวกับการควบรวมพรรคการเมือง ระหว่างวาระของสภาผู้แทนราษฎร จนนำไปสู่เผด็จการรัฐสภาในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จนต่อมามีการอุดช่องโหว่นี้ในรัฐธรรมนูญปี 60 ห้ามไม่ให้มีการควบรวมพรรคการเมือง ในระหว่างวาระสภาผู้แทนราษฎร หากเราปล่อยให้พรรคการเมืองยุบเลิกกิจการของตัวเองตามอำเภอใจ แล้วย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้มีการควบรวมพรรคการเมืองไปได้โดยปริยาย
นายบุญยอดกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเห็นว่านอกจากจะขัดรัฐธรรมนูญแล้ว ยังเป็นการทรยศต่อเสียงของประชาชนที่ไว้วางใจเลือกเข้ามาทำงานทางการเมือง ด้วย หากนายไพบูลย์เห็นว่าตัวเองได้รับความเสียหายก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ช่องทางตามกฎหมาย แต่ขอยืนยันว่าแสดงความเห็นโดยสุจริต และนายไพบูลย์ก็เป็นบุคคลสาธารณะ จึงต้องรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานความจริง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นกรณีที่ทุกคนควรศึกษาเอาเป็นบทเรียน ว่าการจะดำเนินการทางการเมืองใดๆ จะต้องใคร่ครวญตรวจสอบอุดมการณ์และจุดยืนของตัวเองให้ชัดเจน ไม่ใช่ตั้งพรรคแล้วมายุบทิ้งเพื่อหักเหทิศทางของตัวเอง อีกทั้งยังเกิดปัญหาต้องตีความว่ากรณีนี้จะทำได้หรือไม่
พรรคอื่นอย่าเอาอย่าง
"ขอร้องว่าพรรคการเมืองอื่นอย่าเอาเป็นแบบอย่างด้วยการย้ายพรรคเช่นนี้ ฝากบอกพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า อย่าคิดดูด ส.ส.โดยวิธีการนี้ เพราะจะเกิดปัญหายุ่งยากตามมาอีกเยอะ เช่น เรื่องการโอนคะแนนจากพรรคเก่าไปให้พรรคใหม่ รวมถึงหากมีการเลือกตั้งซ่อมก็ต้องมีการนับคะแนนใหม่อีก แล้วจะต้องมาคำนวณ ส.ส.กันอีกรอบ ไม่รู้ว่าพรรคไหนจะได้ส.ส.เพิ่ม พรรคไหน ส.ส.จะลดลง แต่เรื่องใหญ่กว่าทุกเรื่องคือวิธีการคิดของนายไพบูลย์ผิดหลักประชาธิปไตยอย่างแรง เพราะเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนที่เขาเลือกตั้งพรรคหนึ่งแล้วจะโอนคะแนนไปให้อีกพรรคหนึ่ง" นายสุทินกล่าว
นายสามารถ แก้วมีชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การย้ายพรรคเกิดขึ้นได้แค่ 2 กรณีคือ ถูกขับออกจากพรรค และพรรคการเมืองนั้นถูกยุบเพราะไปกระทำผิดร้ายแรง เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่เปิดช่องให้ขอยื่นยุบพรรคตัวเองในระหว่างที่สภาไม่สิ้นอายุ และพรรคการเมืองนั้นๆ มี ส.ส.อยู่ในสภา เพราะการได้เป็น ส.ส. เนื่องมาจากประชาชนศรัทธาอุดมการณ์และนโยบายของพรรคนั้นๆ เขาถึงให้คะแนนมาเพื่อทำงานในสภา
"ไม่ใช่ว่าพออาศัยเสียงประชาชนได้เป็น ส.ส.แล้วจะเลิกพรรคเพื่อไปอยู่กับพรรคอื่น เมื่อหลักการเป็นเช่นนี้เขาถึงไม่ให้ควบรวมพรรคเหมือนที่เคยเป็นประเด็นในอดีต"
นายสามารถกล่าวว่า ถ้านายไพบูลย์จะอ้างข้อบังคับพรรคให้ยื่นเลิกกิจการพรรคได้ นายไพบูลย์ก็ต้องพ้นจากการเป็น ส.ส.ด้วย เพราะการเลิกเช่นนั้นคือการยุติบทบาท ไม่ใช่ไปร่วมพรรคอื่น หากนายไพบูลย์ทำเช่นนั้นได้ พรรคเล็กต่างๆ ก็จะถูกดูดไปร่วมกับพรรคการเมืองใหญ่ๆ ซึ่งขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ไม่ต้องไปคิดไกลถึงการคำนวณคะแนนเสียง ส.ส.กันใหม่ เพราะมันทำไม่ได้ตั้งแต่ต้น มันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นเรื่องหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ขนาดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ จะคิดหาทางออกเรื่องนี้ยังคิดไม่ออก แต่ถ้า กกต.จะตะแบงว่าทำได้ กกต.จะต้องเป็นคนรับผิดชอบ เพราะกระทำผิดรัฐธรรมนูญเสียเอง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ ระบุว่า...แสดงบัญชีทรัพย์สิน ส.ส.คนหนึ่งจนสุด มีเงิน 5 พันบาท “อยู่บ้านแม่ รถยืมเพื่อน” ชิชะ ตาคนนี้ คิดการใหญ่จะเป็นรองนายกฯ ซะแล้ว แหวนแม่นาฬิกาเพื่อน
"หมอระวี"ยันไม่ยุบพรรค
นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกระแสพรรคเล็กยุบตัวเองไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐ ว่าสำหรับพรรคพลังธรรมใหม่ไม่เคยคิดยุบรวมกับพรรคการเมืองใด เพราะการก่อตั้งพรรคพลังธรรมใหม่มาจากความต้องการที่จะสร้างการเมืองใหม่ ใช้คุณธรรมนำการเมือง ยึดความซื่อสัตย์สุจริต มีแนวทางเป็นของตัวเอง เมื่อเข้าร่วมรัฐบาลเราก็ยังรักษาความเป็นตัวตนและมีบทบาททางการเมืองได้ ดังจะเห็นได้จากการผลักดันให้สภาตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร และกำลังจะผลักดันให้มีการตั้งกรรมาธิการศึกษาโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งบทบาทเหล่านี้เราสามารถทำได้อย่างอิสระ ไม่มีข้อจำกัด แตกต่างจากการไปเป็น ส.ส.ในสังกัดพรรคการเมืองใหญ่ ที่ต้องปฏิบัติตามกรอบที่พรรคขีดให้
"พลังธรรมใหม่มีจุดยืน นโยบายหลายข้อของพลังธรรมใหม่กับพลังประชารัฐต่างกัน แต่เรายินดีแค่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้มีรัฐบาลที่ทำดีในการบริหารประเทศ ถ้าทำไม่ดี เราก็ออก นี่คือจุดยืนของพลังธรรมใหม่ เราเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล แต่เราทำทุกอย่างโดยมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่วันสองวันก็ออกมาแถลงด่ารัฐบาล อย่างนี้ไม่มี แต่ที่เราจะออกมาเคลื่อนไหวคือช่วยรัฐบาลในการแก้ปัญหา ป้องกันการทุจริต ปราบปรามคอร์รัปชัน อย่างเรื่องแก้ปัญหาพลังงาน เราจะช่วยรัฐบาล เราไม่ได้ขัดรัฐบาล เราเสริมรัฐบาล มีคนมาคอยดูให้ มีคนมาจุดประกายให้รัฐบาล มันเสริมกัน ไม่ได้ขัดกันเลย”
นพ.ระวีเผยว่า พรรคพลังธรรมใหม่จะเป็นตัวแทนประชาชนในการท้วงติง คัดท้ายเรือให้กลับมาอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น ฉะนั้นการดำรงอยู่ของพรรคเล็กจึงมีความหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน ไม่ใช่ผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง
หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ยังสนับสนุนแนวคิดของพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ประกาศตัวปลดแอกออกจาก 7 พรรคฝ่ายค้าน เพื่อทำงานการเมืองอย่างอิสระ ว่าสิ่งไหนเห็นด้วยกับฝ่ายค้านก็เคลื่อนไหวด้วยกัน แต่ถ้าสิ่งใดที่รัฐบาลทำดีแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องคัดค้าน ซึ่งเป็นแนวทางการเมืองรูปแบบที่จะทำให้สภาเป็นที่ทำงานของตัวแทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง โดยไม่แบ่งแยกความเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เพราะยึดประโยชน์ประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ซึ่งการกระทำจะเป็นเครื่องพิสูจน์การทำงานของแต่ละพรรคว่าเดินหน้าได้ตามเจตจำนงที่วางไว้หรือไม่.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |