เสถียรภาพของ “บิ๊กตู่”


เพิ่มเพื่อน    

      อืมม์ม์ม์...เห็นใครต่อใคร เค้าซุบซิบ นินทา ว่าพรรค เผาไทย กับ อนาคตไหม้ ที่ถือเป็นแกนหลัก แกนสำคัญ ของฝ่ายค้านด้วยกันทั้งคู่ ชักจะง่องๆ แง่งๆ ระหว่างกันและกันขึ้นมามั่งแล้ว จริง-ไม่จริงก็ไม่รู้ แต่ถ้าหากต้องเป็นไปตามนั้น งานนี้...ก็ยิ่งกลายเป็นตัวเสริมบารมี บิ๊กตู่ ให้ยิ่ง แจ่มจันทร์แน่นวล (ตามสำบัด สำนวน ของคุณพี่ เป๊ปซี่-เสริมสุข) ยิ่งขึ้นไปใหญ่...

                                                          --------------------------------------------------

      แต่อันที่จริง...การทะเลาะเบาะแว้ง กัดกันไป-กัดกันมา หรือกระทั่ง แค้นจัด-กัดดะ-ฝังเขี้ยวจมน่อง นั้น ย่อมถือเป็น ธรรมชาติทางการเมือง หรือถือเป็นเรื่อง ปกติธรรมดา ของบรรดานักการเมืองทั้งหลายมานานแล้ว ถ้าหากไม่กัดกัน ถ้าหันมาพับเพียบเรียบร้อย เอ่ยมธุรสวาจาระหว่างกันและกัน กลายเป็น นายแสนดี วจีไพเราะ ไปตามๆ กัน อันนี้...กลับถือเป็นเรื่อง ไม่ปกติ หรือ ผิดธรรมชาติทางการเมือง เอาง่ายๆ คือไม่ว่าจะเป็นระหว่างพรรคฝ่ายค้านกับรัฐบาล ระหว่างพรรคฝ่ายค้านด้วยกันเอง หรือระหว่างพรรครัฐบาลด้วยกันเอง ไปจนแม้แต่พรรคเดียวกันเอง ก็ล้วนสามารถกัดกันวันละ 3 เวลาหลังอาหารได้ทุกเมื่อ...

                                                            --------------------------------------------------

      ดังนั้น...นับตั้งแต่ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านได้ปรับตัว ปรับสภาพ หรืออาจเรียกว่าแปลงสภาพ จาก อดีตทหาร กลายมาเป็น นักการเมือง แบบเต็มสูบ เต็มด้าม บรรดา  ติ่ง ไปจนกระทั่งถึง หูด จำนวนไม่น้อย ออกจะเป็นห่วง เป็นใย ต่อสถานภาพไปจนถึงเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรีท่านนี้อยู่พอสมควร เพราะเท่าที่ไล่เรียงกันมาตามลำดับประวัติศาสตร์การเมืองไทย โอกาสที่ อดีตทหาร จะแปลงสภาพมาเป็น นักการเมือง ได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จนั้น มันมัก เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย มากมายซักเท่าไหร่...

                                                         ----------------------------------------------------

      ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่ อินทรีบางเขน พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ขงเบ้งแห่งกองทัพบก อย่างพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หรือพ่อใหญ่ บิ๊กจิ๋ว ไปจนถึง สุมาอี้แห่งกองทัพไทย พลเอกสุจินดา คราประยูร ฯลฯ ถ้าไม่ ปีกหัก ก็ออกไปทาง ม่องเท่ง เอาง่ายๆ คือถ้าหากไม่เจอกับการโดดกัด ไล่ฟัด ไล่งับ ของนักการเมืองในซีกฝ่ายตรงกันข้าม หรือในซีกฝ่ายค้าน ก็อาจต้องเจอกับนักการเมืองในซีกรัฐบาล หรือในฝ่ายเดียวกันเอง ตอดโน่น ตอดนี่ ชนิดผมร่วง ขนร่วง หะ-มอย-รอม-แรม ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                                          ----------------------------------------------------

      แต่หลังจากมีการขนเครื่องปั๊ม เครื่องดูด ระดับ ท่อพญานาค มาติดตั้งไว้ ณ พรรค พลังประชารัฐ จนสามารถดูดใครต่อใครเข้ามาเป็นฐานการเมืองของ บิ๊กตู่ ได้อย่างชนิดพลั่กๆๆ สามารถพลิกสูตรการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคอันดับสองอย่างพลังประชารัฐเป็นแกนนั่ง แกนนอน แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สถานภาพและเสถียรภาพของนายกฯ บิ๊กตู่ ก็ดูจะยังไม่ถึงกับสั่นคลอนอย่างชนิดน่าห่วง น่ากังวล แต่อย่างใด แม้รัฐบาลจะมีเสียง ปริ่มน้ำ ระดับหายใจ หายคอ ไม่ค่อยออก แต่จะด้วยเหตุเพราะ ท่อพญานาค ยังคงเดินเครื่องอย่างสม่ำเสมอ หรือด้วยเหตุเพราะมี ฝ่ายเคลียร์ ระดับมือวาง อย่าง ผู้กองธรรมนัส หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ มาถึงทุกวันนี้...ดูเหมือนนายกรัฐมนตรีจะสูดลมเข้าปอด ได้อย่างชนิดเต็มปอด เต็มท้อง ยิ่งเข้าไปทุกที...

                                                           -----------------------------------------------------

      ยิ่งถ้าหาก ฝ่ายค้าน ดันมา กัดกันเอง อย่างที่เขาว่า หรืออย่างที่เขาซุบซิบ นินทา อันนี้...ก็เลยยิ่งน่าจะ แจ่มจันทร์แน่นวล ตามสำบัด สำนวน ของคุณพี่ เป๊ปซี่-เสริมสุข ยิ่งขึ้นไปใหญ่ โอกาสจะคว่ำข้าวเม่า หลับกลางอากาศ หรือไม้จิ้มฟันแทงเหงือกดันเสือกตาย ภายใน 3 เดือน 6 เดือน อย่างที่ใครต่อใครเคยคาดๆ กันเอาไว้ ก็น่าจะน้อยลงไป ลดลงไป ยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่จะอยู่ครบ 4 ปี หรืออยู่ยาวว์ว์ว์ไป 20 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติ หรือไม่ เพียงใด อันนั้น...คงต้องลองไปเสี่ยงเซียมซี หรือหันไปสอบถาม โหรวารินทร์ กันเอาเองก็แล้วกัน...

                                                            ----------------------------------------------------

      แต่ก็นั่นแหละ...สถานภาพหรือเสถียรภาพของความเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ว่าจะเป็น อดีตทหาร หรือ นักการเมือง อันที่จริงมันคงไม่ได้ขึ้นอยู่การบริหาร จัดการ จำนวนเสียง จำนวน ส.ส.ในรัฐสภามากมายซักเท่าไหร่ แม้ว่าจะเป็นพื้นฐานของการอยู่หรือการไปก็เถอะ แต่มันออกจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ความชอบธรรมทางการเมือง นั่นแหละเป็นสำคัญ เพราะถ้าหากปราศจากสิ่งที่ว่านี้ หรือสิ่งที่ว่าลดลงไปเท่าไหร่ กระทั่ง สุมาอี้แห่งกองทัพไทย ที่มีทั้ง 3 เหล่าทัพ บวกตำรวจ บวกข้าราชการแทบทุกกระทรวงทบวงกรม ไปยันถึงบวกนักธุรกิจะดับพันล้าน หมื่นล้าน เข้าไปเป็นแผงๆ แวบเดียวเท่านั้น...ก็หงายท้องตกเก้าอี้เอาง่ายๆ...

                                                            -----------------------------------------------------

      และอันนี้นี่เอง...ที่คงต้องถือเป็นอุทาหรณ์ สอนใจ เป็นสิ่งเตือนใจสำหรับใครก็ตาม ที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น อดีตทหาร หรือ นักการเมือง ก็ตามแต่ เพราะด้วย สถานภาพแห่งความเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นเอง ที่มันมักส่งผลให้ผู้ซึ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งที่ว่านี้ มักค่อยๆ ลืมเลือนความสำคัญของสิ่งที่ว่านี้ลงไปตามลำดับ ยิ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่รายล้อมไปด้วย นักการเมือง ด้วยแล้ว แม้อาจไม่ถูกไล่กัด ไล่งับ แต่ถ้าต้องเจอกับ การเลียร์ ในระดับ เลียร์จนร่วง โอกาสที่จะหลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาซะเลย...

                                                             -------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Plutarch...  Governments that rely upon the swords of their generals for their salvation are in the end themselves sacrificed to the swords of their saviours. – รัฐบาลที่อาศัยดาบของแม่ทัพนายกองเป็นที่พึ่ง จะตกเป็นเครื่องสังเวยให้แก่ดาบของแม่ทัพ นายกอง ผู้เป็นที่พึ่งของเขาในบั้นปลายนั่นเอง...

                                                              ------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"