มาตรฐานของ “อาจารย์เหลิม”


เพิ่มเพื่อน    

 ในแง่อายุ-อานาม...จะปาเข้าไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก็จำไม่ได้ซะแล้ว สำหรับเอกอัครมหาศิลปินแห่งประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา คุณน้า เหลิมชัย หรือท่านอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ แต่ในแง่ความคิด ความอ่าน แล้วล่ะก็ คงต้องให้ความยอมรับ ว่าน่าจะถือเป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ที่ควรค่าต่อการให้ความเคารพ และรับฟัง อย่างจริงๆ จังๆ...

                                                              ----------------------------------------------------

                คือถึงแม้โดยบุคลิกลักษณะของ อาจารย์เหลิม ท่าน ออกจะปรอทแตกแหกชิมิอยู่พอสมควร ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี เรียกว่ามีทั้งมือ ทั้งไม้ ทั้งลูกกะตา สุ้มเสียง ลีลา ชนิดก่อให้เกิด จุดขาย แตกต่างไปจากชาวบ้าน ชาวช่อง จำนวนไม่น้อย แต่โดยเนื้อหา สาระ ทางความคิด ความเห็น ของท่านในแต่ละเรื่อง ต้องถือว่าแสดงออกถึงความเป็นผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ที่น่าเคารพ ยกย่องมิใช่น้อย มีทั้งรังสีแห่งความเมตตา อุเบกขา สอดแทรกอยู่ในอาการปรอทแตก ไม่ได้แค่เอาสนุก เอามันซ์ซ์ซ์ เอาบ้าล้วนๆ แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังพอมี ความว่าง ความปล่อยวาง ซึมซ่านอยู่ภายในลวดลาย ลีลา ลายเส้นตัวกนกในแต่ละตัว ชนิดสามารถเห็นได้ สัมผัสได้...

                                                                 ---------------------------------------------------

                อย่างเรื่อง นักท่องเที่ยวชาวจีน ที่มา ขี้ใส่ วัดร่องขุ่น ซึ่งตัวเองประดิษฐ์ คิดค้น ขึ้นมากับมือ แม้ว่าด้วยอัตลักษณ์ ด้วยตัวตนแห่งความเป็นอัครมหาศิลปิน จะทำให้ท่านออกอาการ บ้า...ก็...บ้าวะ อยู่บ้างตามสมควร คล้ายๆ โดนใครมาขี้รดหัวใจอะไรประมาณนั้น แต่หลังจากนั่งสมาธิ หรือปฏิบัติตนในแบบไหน อย่างไรก็ตามที ก็สามารถแทงทะลุอัตตา ตัวตนของตน หันไปอาศัย ผลประโยชน์ส่วนรวม เป็นที่ตั้ง พร้อมที่จะเมตตา ให้อภัย ไม่คิดจะถือสาต่อการขี้ การเยี่ยว ของผู้อื่นมากมายซักเท่าไหร่ หันมาปรับสภาพตัวเอง หันมายกระดับตัวเองกันแทนที่ ด้วยการหันมาเพิ่มห้องน้ำ ห้องเยี่ยว ห้องขี้ แทนที่จะต้องหมดเรี่ยว หมดแรง ไปกับการด่าว่า ด่าทอ ที่มันคงไม่ได้ก่อให้เกิดการ แก้ปัญหา อะไรกันมากมาย...

                                                                    --------------------------------------------------

                หรืออย่างเรื่องกรณี พระพุทธเจ้าอุลตราแมน นี่ก็เหมือนกัน...ทั้งในฐานะศิลปิน และในฐานะผู้เลื่อมใส ศรัทธา ในพระพุทธศาสนา อย่างมีข้อพิสูจน์ ยืนยัน มาโดยตลอด ขณะที่ใครต่อใครหันไป ด่าเด็ก ที่เป็นผู้นิรมิต รังสรรค์ ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา อย่างชนิดสาดเสียด เทเสีย ถึงขั้นเจ้าตัวต้องร้องห่ม ร้องไห้ ระหว่างเดินทางไปขอขมาพระๆ เจ้าๆ หรือผู้คนในวงการศาสนา ไปเป็นรายๆ แต่สำหรับ อาจารย์เหลิม แล้ว กลับสะท้อนความรู้สึกออกมาว่า เห็นคนออกมาด่าเด็กแล้ว...รู้สึกเศร้าใจ บ้านเมืองเรามักพบปัญหาและแย่ลงมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่เด็กมีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ มีการเปลี่ยนแปลงแบบคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังมีความกล้า แต่กลับถูกด่าจนเด็กกลัว แล้วอาจไม่กล้าทำสิ่งใดอีกเลย บ้านเราก็คงต้องแย่ลง เพราะเอาแต่ลอกเลียนแบบทุกสิ่งทุกอย่าง จึงทำให้คนของเราคิดไม่เป็น ไม่กล้าคิด ไม่เจริญ ทั้งๆ ที่การคิดใหม่ สร้างใหม่ คือสิ่งสุดยอด...

                                                                    ----------------------------------------------------

                ส่วนการคิดใหม่ สร้างใหม่ ที่อาจไปสร้างความระคายเคือง ต่อความรู้สึกของผู้คนอยู่บ้างในเรื่องนี้ อาจารย์เหลิม ท่านก็พูดเอาไว้น่าคิด น่าฟัง อยู่พอสมควร คือสรุปว่า... ผมอยากจะบอกว่า นักศึกษาที่เขาเขียนรูปนี้ขึ้นมา เขาเขียนตามความคิดว่าอุลตราแมนเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเขา เขาเห็นความเป็นฮีโร่ เห็นถึงคุณงามความดี เห็นถึงการช่วยเหลือปกป้องรักษาโลก เด็กจึงแทนที่ใบหน้าด้วยอุลตราแมน แต่เศียรยังคงเป็นพระพุทธเจ้าอยู่ เพื่อบอกถึงคุณงามความดี เพื่อสื่อไปถึงคนรุ่นใหม่เหมือนเขา โดยที่ไม่ได้เอาเศียรไปใส่กับซาตาน หรือตัวละครในหนังที่ชั่วร้าย แต่นำไปใส่กับตัวละครที่ดีที่สุด ที่มีคุณธรรม ศีลธรรม คอยปกป้องรักษาโลก ดังนั้น...การไปมองว่าหลบหลู่ศาสนา จึงเป็นเรื่องบ้าบอ คอแตก และถึงขั้นให้เด็กต้องไปกราบไหว้ขอโทษ ก็ยิ่งทำให้เด็กสั่นไหว ส่งผลถึงเด็กทั่วประเทศ เพราะต่อไปถ้าผู้ใหญ่ด่าเขาก็จะไม่กล้าทำอะไรอีก แล้วหันไปลอกเลียนแบบ...

                                                                     -----------------------------------------------------

                อันนี้นี่แหละ...ที่ต้องถือเป็นการมองแบบ ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ มองแบบพยายาม เข้าถึง และ เข้าใจ ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่สังคมบ้านเราพึงต้อง ยึดถือ ไว้เป็นมาตรฐาน หรือ  ยกระดับ ให้กลายเป็นมาตรฐาน แทนที่จะไปอาศัยเพียงแค่ อารมณ์-ความรู้สึก ที่อันที่จริงก็เป็นเรื่องประเภท เด็กๆ อีกนั่นแหละ มาใช้เป็นมาตรวัด ตัววัด เป็นตัวชี้ขาด วินิจฉัย เพราะ อารมณ์-ความรู้สึก ของผู้คนในยุคเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว กับ อารมณ์-ความรู้สึก ของผู้คนยุคนี้ สมัยนี้ ยังไงๆ...มันย่อมไม่เหมือนกัน หรือย่อมผิดแผก แตกต่างไปจากกันอยู่แล้วแน่ๆ แต่ภายใต้ความผิดแผก แตกต่าง ที่ว่านั้น...อาจยังพอสอดคล้อง กลมกลืน กันไปได้ ด้วยการอาศัยสิ่งที่เรียกว่า การ เข้าถึง และ เข้าใจ อันมีพื้นฐานแห่งความเมตตาและอุเบกขา เป็นองค์ประกอบนั่นเอง...

                                                                       --------------------------------------------------

                แน่ล่ะว่า...สำหรับเด็กยุคนี้ หรือยุคใหม่ๆ ที่แทบทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปแบบโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าสภาพแวดล้อมทางร่างกายและจิตใจ ที่ถูกระบบเศรษฐกิจ ความเป็นไปทางสังคม และ เทคโนโลยี มันรื้อทิ้งไปเป็นแถบๆ  ออกจะเป็นเด็กที่เข้าถึงได้ยาก และเข้าใจได้ยาก อยู่พอสมควร ไม่ต่างไปจาก กะปอมฮ่องกง หรือพวกเด็กๆ ฮ่องกง ที่กำลังสร้างความปวดเศียร เวียนเกล้า ให้กับชาวจีน ตลอดไปจน ความเป็นจีน จนมึนซ์ซ์ซ์กันไปเป็นแถบๆ แต่ยังไงก็เถอะ...สิ่งที่เรียกว่า เมตตา และ อุเบกขา ก็ยังคงมีความสำคัญ และย่อมเป็นสิ่งจำเป็น อยู่อีกนั่นเอง เพราะมันคือเครื่องมือที่จะนำไปสู่การ เข้าถึง-เข้าใจ กันในท้ายที่สุด ดังนั้น...สำหรับบรรดา กะปอมไทยๆ แล้ว คงต้องอาศัยแนวทางของ อาจารย์เหลิม นั่นแหละ มาใช้เป็น มาตรฐาน ในการชี้วัด ตัดสิน ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี อย่าถึงขั้นต้องออกอาการ แค้นจัด-กัดดะ-ฝังเขี้ยวจมน่อง แบบ ไทแรนโนซอรัส ไปในทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี...

                                                                               ----------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก H. Jackson Brown Jr. (อีกครั้ง...และอีกครั้ง)... Live so that when children think of fairness and integrity, they think of you.- จงดำเนินชีวิตให้แบบอย่างแก่พวกเด็กๆ จนเมื่อเขานึกถึงความซื่อสัตย์ ยุติธรรม พวกเขาจะนึกถึงคุณ...

                                                                                 -------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"