'มอริส เค'เผยชีวิตสุดทรหด โดนทำร้ายตกตึกแล้วกระทืบซ้ำ!


เพิ่มเพื่อน    

 

           นักแสดงดัง มอริส เค มาเปลือยชีวิตสุดทรหด ถูกบูลลี่ ทำร้าย โดนเตะตกจากชั้น 2 ในบ้านอุปถัมภ์ เอาขี้หมาใส่น้ำให้คนในบ้านกินแก้แค้น รวมถึงการที่คบนางแบบสาวนานกว่า 10 ปี ทั้งที่ชอบผู้ชาย ผ่านรายการ “เรื่องลับมาก (NO CENSOR)”
           "วีรกรรมตอนเด็กแสบสุดๆเคยเอาไม้เสียบแก้มเพื่อนจริง แต่ผมไม่ได้เอาไม้ไล่แทง ณ ตอนนั้นตอนประถม เราโดนเพื่อนแซว เพื่อนเข้ามาจะต่อย แต่ขณะนั้นเรากำลังกินปลาหมึกย่าง เกิดการสู้กับเพื่อนขณะถือไม้ปลาหมึกย่างพอแยกกัน ไม้ปลาหมึกย่างก็ไปอยู่ที่แก้มเพื่อน หลังจากนั้นเราก็โดนเยอะมาก โดนทั้งครูตี ที่บ้านตี โดนประณามหยามเหยียดหนักมาก โดนครูที่โรงเรียนบูลลี่จนเป็นแผลในใจ เกิดจากกรณีนี้แหละ และครูโกรธมาก ครูบอกว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะเป็นพันธุกรรม อาจด้วยครูโกรธมาก เราเป็นคนมีเรื่องกับเพื่อนแทบทุกวัน เพื่อนชอบล้อ แกล้ง แหย่ เราก็ปกป้องตัวเองไม่อยากให้ใครมาว่าเรา
          เพื่อนว่าทั้งไอ้ดำ ไอ้ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ ที่เจ็บกว่านั้นคือแม่เป็นโสเภณี โอ้โห หรือแม้แต่ที่เราโดนเรียกบ่อยๆคือข้าวนอกนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราโกรธมาก โกรธเขาและโกรธพ่อแม่เราด้วย ทำไมทำให้เราต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่เราต้องทำตัวไม่อ่อนแอ ตอนแรกเราพยายามหนีแต่ไม่รอด เราโดนตลอด ตอนหลังเราต้องทำตัวกร่าง ทำตัวใหญ่เพื่อปกป้องไม่ให้ใครมาล้อ ใครมาล้อเราต่อย ใครมาล้อเราก็ทำร้ายร่างกาย เพื่อไม่ให้เขามายุ่งกับเรา โดนมองเป็นอันธพาลเลย
          ก็เป็นปมในใจเรื่องผิว เพราะเราโดนว่าเยอะมาก จนเรารู้สึกว่าเราก็ไม่อยากโดนล้อ ไม่อยากแตกต่าง ไม่อยากให้ใครล้อเรา วันนั้นสิ่งหนึ่งเรารู้ว่าสิ่งที่จะทำให้เราไม่แตกต่างคือเราต้องเหมือนเขา เรากลับบ้านเห็นสก็อตไบรท์ขัดหม้อข้าว มันก็น่าจะขัดผิวเราให้ขาวได้ ขัดไปก็แสบมาก เลือดออกซิบๆ ตอนนั้นเป็นความรู้สึกไม่ไหวแล้ว

 

 

          เคยเอาขี้หมาผสมน้ำให้คนที่บ้านกินเพราะที่บ้านชอบใช้ความรุนแรง ใช้งานเราเยอะ บางทีเราก็ขี้เกียจ เวลาเราโดนตีมากๆ ทำอะไรเขาไม่ได้ หน้าที่เราทำหน้าที่เก็บขี้หมา กรอกน้ำ กวาดบ้าน วันนั้นโดนตีมากๆโดนทำร้ายมากๆ เราก็เก็บขี้หมาให้มือเลอะๆ แล้วเอามือนั้นไปกรอกน้ำแล้วใส่ให้เขากิน มันคงเป็นความแก้แค้นที่เราไม่รู้จะทำอะไรได้ แล้วก็เคยถูกเตะตกจากตึกสองชั้นแล้วโดนกระทืบซ้ำอีก คนนี้เขาเลี้ยงนก แล้วนกพิราบของเขาต้องกินข้าวตรงเวลา วันนั้นเขาบอกให้ผมให้อาหารนกตอน 5 โมงเย็น น้องชายเขาใช้ให้ผมทำงานจนปลีกตัวไม่ได้ เลยเวลามายี่สิบนาที ไม่ได้ให้ข้าวนก พอเขารู้ ก็เรียกผมไปกรงนกชั้นสอง เขาก็โมโห ตบตีผมจากตรงนั้น จนผมตกมาชั้นนึงก็คิดว่าจบแล้ว แต่เขาก็รีบลงมากระทืบและเตะซ้ำอยู่ตรงนั้น ผมไม่รู้จะไปไหน ไปไหนไม่ได้ เขาคือครอบครัวที่เอาผมไปเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เขาเลี้ยงเด็กอยู่ในบ้านประมาณ 7 คนได้ ต้องทนมา 17 ปี  กลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากๆ ตอนนั้นทำได้อย่างเดียวคืออดทน
          พอเราอายุ 17 เราไม่ได้เรียนหนังสือ เรามีเวลาว่างมาก เขาให้เราอยู่ในบ้านอย่างเดียว แล้วเรารู้สึกเราอยากมีคุณค่ามากกว่านี้ ตลอดเวลาที่อยู่กับเขาถามว่าเขาเลี้ยงเราดีไหม โอเค เรามีที่นอน เรามีอาหารการกิน แต่ความสุขทางใจเราไม่มี แล้วต้องโตไปเรื่อยๆ โดยเราไม่ได้เรียนหนังสือ เราอยากมีชีวิตที่ดี นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่ไหวแล้ว เราต้องการเรียนหนังสือ ก็ขอเขาเรียน เขาก็ไล่เราออกจากบ้าน เขาเลี้ยงเราเพื่อเป็นคนใช้ไหม ก็ใช่ แต่ทุกวันนี้คงไม่ทำแล้ว เพราะเขาแก่มากแล้ว

 

 

          พอเข้าวงการก็ดีขึ้น และคนไม่ค่อยรู้ว่าเราเคยมีแฟนเป็นผู้หญิง ตั้งแต่ผมเริ่มเข้าวงการ เรารู้จักกันตอนอายุ 24 ผมเข้าวงการแล้ว ตอนนั้นไม่ใช่ไม่รู้ตัว แต่รู้สึกดีจังที่มีคนสนใจเราและอยากคบเรา เรารู้สึกว่าผุ้ชายต้องมีแฟนเป็นผู้หญิง สังคมทำให้เราต้องคิดแบบนั้นเราก็คุยกัน ที่ชอบคือเขาลูกครึ่งเหมือนกัน เขาผิวสีเหมือนกัน เขาเป็นนางแบบที่อเมริกา ปีนึงหรือสองปีเขามาเมืองไทยที เราก็ติดต่อเรียนรู้กันไป 10 ปี 10 ปีทีรู้จักกันมา ความสัมพันธ์เหมือนแฟนทั่วไป
          ทะเลาะกับตัวเองบ่อยมาก เพราะสังคม ศาสนาที่นับถือเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เราก็พยายามทำให้ถูกต้อง เรามีแฟนเป็นผู้หญิง เราอยู่กับเขาเรามีความสุข แต่ถ้าเราได้อยู่กับผู้ชายเราจะอบอุ่นมากขึ้น จริงๆเขารู้ตั้งแต่คบแล้ว เราบอกว่าผมอยู่กับผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ คุณโอเคเปล่า เขาก็โอเค วันหนึ่งเราไปอี๋อ๋อกับผู้ชาย นางเห็นก็หน้าเหวี่ยงมา และจะกลับเลย เขาบอกเขาทนไม่ได้ เราก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องเคลียร์ ถ้าผมต้องแต่งกับคุณ เพราะเรามีแพลนจะแต่งงานกัน ถ้ายอมรับความจริงไม่ได้ อย่าอยู่เลย ผมไม่สามารถดูแลคุณได้ ให้มีความสุขได้ตลอด"

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม mor_ris_k

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"