คนไทยรวมพลังใจช่วยภัยนํ้าท่วม


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" นำทีมรัฐมนตรี ข้าราชการ พร้อม "บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" และศิลปิน ดารา รับสายบริจาคเงิน "ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ยอดทะลุ 263 ล้าน "นายกฯ" ประเดิมก้อนแรก 1 แสนบาท ขอบคุณทุกฝ่ายช่วย ปชช. ยัน รบ.จัดงบดูแลผู้ประสบอุทกภัยยึดตาม กม. เตรียมคิวลง จ.อุบลฯ อีกครั้ง ขอฝ่ายค้านอย่าโจมตี ระบุไม่ปิดกั้นทุกฝ่ายช่วยชาวบ้านเต็มที่ "หญิงหน่อย" เหน็บช่วยเหลือช้า ถามงบกลางไปไหนหมด

    ในช่วงค่ำวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้จัดรายการ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ถ่ายทอดสดผ่านช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30 ตั้งแต่เวลา 19.30-22.00 น. เพื่อเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    ก่อนหน้านั้น ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำนักนายกรัฐมนตรีได้มีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ผ่านรายการ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ร่วมบริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 100,000 บาท เพื่อเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยดังกล่าว
    ต่อมาเวลา 13.50 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยว่า ขั้นตอนการดำเนินการมี 3 ขั้นตอน คือ ก่อนเกิดอุทกภัย ระหว่างเกิด และการฟื้นฟูหลังจากนั้น ซึ่งรัฐบาลมีวงเงินที่สามารถใช้จ่ายได้ในส่วนของงบกลางในการช่วยเหลือเยียวยา ซึ่งจะนำมาใช้ในการฟื้นฟูเป็นหลัก สำหรับการช่วยเหลือในวันนี้ มีงบประมาณ 50 ล้านบาท ในทุกจังหวัด เพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วน เมื่อไม่พอก็ขอมาที่รัฐบาล โดยจะให้ไปเป็นก้อนๆ ก็ขอให้เข้าใจว่าการใช้งบมีขั้นตอนอยู่ ไม่ใช่ตนจะไม่ให้อะไรเลย ตนเข้าใจในกฎหมายดี ในส่วนของกระทรวงการคลัง ก็มีมาตรการช่วยเหลือทั้งการเยียวยาพืชผลทางการเกษตร ไร่นาเสียหาย ปศุสัตว์ ประมง
    "วันนี้ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน ไม่ว่าภาคธุรกิจ รวมถึงนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดง ที่เข้าไปช่วยกันทำงาน มันทำให้ผมมีความสุข ที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมทำงานกับรัฐบาล ซึ่งในรายการ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” เปิดรับบริจาคช่วยผู้ประสบอุทกภัย ผมจะไปร่วมรับมอบ เพื่อนำเงินเหล่านี้ไปสมทบทุนการช่วยเหลือน้ำท่วม เงินส่วนนี้เพื่อนำมาดูแลประชาชนเพิ่มเติม นอกจากในส่วนที่สามารถใช้จ่ายได้ตามกฎหมาย แต่บางอย่างมันใช้ไม่ได้ ใช้เงินบริจาคมาเสริมให้ รัฐบาลมีการจัดสรรงบฯ อย่างนี้ ไม่ใช่ไม่ให้อะไรเลย เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    ถามว่า มีการวิจารณ์รัฐบาลคิดช้าในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คิดล่วงหน้ามาตลอด ตั้งแต่ก่อนน้ำท่วมที่ต้องมีการป้องกันอะไรต่างๆ ซึ่งเราไม่ได้คาดการณ์ว่าฝนจะตกถึง 500 มิลลิเมตร ทุกคนต้องฟังตรงนี้ด้วยว่าขีดความสามารถในการรองรับน้ำของประเทศไทยสามารถรับได้ประมาณ 200 มิลลิเมตรเท่านั้น ปีหนึ่งตกประมาณ 1,000 มิลิเมตร แต่ครั้งนี้ 5 วัน 500 มิลลิเมตร ก็ต้องแก้ไขตามสถานการณ์ เพราะฉะนั้นไม่ได้คิดช้า ช่วงแรกได้วางวิธีการป้องกัน ช่วงนี้เรื่องการดูแลจนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้
งบน้ำท่วมต้องตามกติกา
    นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน ตนก็ได้ลงไปแล้ว ได้เห็นสภาพ นึกภาพออกตลอด และมีการรายงานผ่านระบบออนไลน์เข้ามาตลอด ซึ่งอยู่ในกรอบการทำงานของเราอยู่แล้ว หลังจากที่มอบภารกิจลงไป ตนมีหน้าที่ในการติดตามงบประมาณของจังหวัดพอหรือไม่ ไม่พอก็ขอขึ้นมา รัฐบาลก็พร้อมจะดูแล แต่ต้องให้ในสิ่งที่ถูกต้องตามกฎและระเบียบ จะไปแจกกันเลย อะไรเลย คงไม่ได้เวลานี้ เพราะมันผิดกติกาตรงนั้น การมีเม็ดเงินเท่าไหร่ก็ตาม ต้องระวังเรื่องการใช้จ่าย เพราะต้องมีการตรวจสอบภายหลังทุกที
    ถามว่า มีการมองว่าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเป็นการแย่งชิงพื้นที่ของพรรคการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของพรรครัฐบาลเป็นหน้าที่ที่จะต้องลงไปอยู่แล้ว โดยลงไปในพื้นที่ที่รับผิดชอบด้วย ซึ่งได้มีการแบ่งความรับความรับผิดชอบให้รองนายกฯ รัฐมนตรี  รับผิดชอบ เป็นภาคและกลุ่มจังหวัดไป แต่ในส่วนของฝ่ายค้าน ก็เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ตนไม่อยากไปทะเลาะ แต่ขอให้เข้าใจว่าการช่วยเหลือส่วนใหญ่ต้องมาจากรัฐบาล การจะช่วยเล็กๆ น้อยๆ ตรงนั้นตรงนี้ก็เป็นเรื่องของเขา ถ้าจะโจมตีในภาพใหญ่มันก็ลำบากที่จะมองกันแบบนั้น
    ถามว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยจะร่วมจัดงานเลี้ยง โดยอ้างว่าเพื่อระดมทุนนำเงินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทราบเบื้องตนว่าเขาต้องการนำเงินมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งตนยินดี  ไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรือพรรคการเมืองใดก็ตาม ถ้าทำเพื่อช่วยประชาชนก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น แต่อย่าบิดเบือนให้ร้ายซึ่งกันและกันเลย ไม่เกิดประโยชน์
    นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรีย้ำให้ ครม.ลงพื้นที่และดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลด้วย เพราะอาจจะกลายเป็นว่ารัฐบาลไม่ได้ทำอะไร ทั้งที่เราทำงานในการทุกวัน  
    ถามว่า นายกฯ จะลงพื้นที่ไปติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานีอีกรอบหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า นายกฯ ลงพื้นที่แน่นอน แต่ตนยังไม่ทราบกำหนดการของนายกฯ
    นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดังและอาสากู้ภัย ได้โทรศัพท์แจ้งว่ายินดีและสะดวกที่จะเดินทางมาร่วมงาน "ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม" ของรัฐบาลใน เวลา 19.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ ช่อง 9 โดยได้หาไฟต์เที่ยวบินจะกลับมาได้ทัน เพื่อให้เห็นว่าตนเองไม่ได้มีปัญหากับรัฐบาล และเราทุกคนร่วมใจกันช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม อย่างไรก็ตาม ตนได้รายงานให้นายกฯทราบถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว
    นางนฤมลยังกล่าวว่า ในการประชุม ครม. นายกฯ สั่งการในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ โดยกำชับว่าให้กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการเป็นเจ้าภาพ ในการหารือมาตรการเยียวยาที่เป็นแพ็กเกจพิเศษเพิ่มออกมา โดยในอดีตเคยมีการดำเนินการมาแล้ว ซึ่งจะนำมาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันต่อไป
    "ในที่ประชุม ครม. นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาศ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แจ้งให้ทราบว่าขอเลื่อนการประชุม ครม.นอกสถานที่อย่างเป็นทางการออกไปก่อน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงสถานการณ์อุทกภัย ที่แต่เดิมกำหนดจะประชุมระหว่างวันที่ 7-8 ตุลาคม 62 ที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ยังคงเป็นพื้นที่ใกล้เคียง จ.กาญจนบุรี ซึ่งขอดูอีกครั้งว่าเป็นพื้นที่ใด รอให้สถานการณ์อุทกภัยกลับสู่สภาพปกติก่อน" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงงานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลในวันปิดสมัยการประชุมสภาที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 ก.ย.ว่า ให้เลื่อนไปก่อนเนื่องจากมีเรื่องน้ำท่วม โดยรัฐมนตรีและ ส.ส.ทุกคน โดยเฉพาะของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะต้องลงพื้นที่ ซึ่งได้กำชับไปแล้วตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
    "เจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วนก็ลงพื้นที่ โดยเฉพาะทหารจำนวน 4,000 คนก็ลงไป เพื่อทำงานให้กับประชาชน ไม่ใช่ว่าไม่ทำ เขาทำทุกอย่าง ในส่วนของ ปภ.ก็ลงไป" พล.อ.ประวิตรกล่าว
    ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ในพื้นที่ภาคอีสานยังคงมีน้ำท่วมหนัก 4 จังหวัด ได้แก่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และร้อยเอ็ด คาดว่าหากไม่มีฝนตกเพิ่มในระยะเวลาอันใกล้นี้ ช่วงปลายเดือนระดับน้ำจะลดลง โดยในพื้นที่ที่น้ำลดลงแล้วนั้น ได้มีการระดมจิตอาสา ประชาชน และหน่วยราชการ ช่วยกันทำความสะอาด วางกระสอบทรายเพื่อป้องกันและเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ เพื่อรับมือหากมีฝนตก คาดว่าจะช่วยให้น้ำไม่เข้าไปในพื้นที่ที่แห้ง และถูกทำความสะอาดแล้ว เราจะพยายามรักษาพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อให้พร้อมสำหรับการฟื้นฟู
เงินบริจาครัฐบาลทะลุ
    พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินการดูแลพี่น้องประชาชน ตนจะไม่ให้ข้าราชการแก้ตัว เพราะหน้าที่ของข้าราชการต้องตอบสนองประชาชนให้ได้มากที่สุด เท่าที่ได้ติดตามการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ได้มีการแบ่งพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้ปลัดอำเภอลงไปดูแลเรื่องการกินการอยู่ การส่งอาหารไปยังประชาชนที่ยังไม่ยอมย้ายออก รวมถึงการสัญจร ตนได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดไปว่าขอให้ปรับแผนให้ดี การดูแลให้ลงรายละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง 
    "ถ้ามีปัญหาอะไรต้องพยายามสอบถามประชาชน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้รับเรื่องไว้แล้ว ดังนั้นเราไม่ต้องหาข้อแก้ตัว หากมีคนเล็ดลอดหรือไม่ได้รับการดูแล ทางพื้นที่ก็ต้องมีแผนในการดำเนินการ ส่วนอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องสุขา ขณะนี้มีการระดมรถสุขาเคลื่อนที่มาจากหลายจังหวัด เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นขอยืนยันว่าทุกคนตั้งใจทำงาน อาจมีหลุดหูหลุดตาไปบ้าง แต่ก็พยายามจะทำให้ดีที่สุด" รมว.มหาดไทยกล่าว
    ที่โรงแรมเดอะสุโกศล เวลา 17.30 น. พรรคภูมิใจไทย เป็นเจ้าภาพจัดงาน "เพื่อนกันตลอดไป ร่วมน้ำใจ สู้ภัย น้ำท่วม" เพื่อระดมทุนช่วยผู้ประสบอุทกภัยภาคอีสาน โดยจะมีการส่งมอบเงินจำนวน 11.2 ล้านบาท ต่อนายกรัฐมนตรี พรรคละ 5.6 ล้านบาท และเป็นการกระชับมิตรระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ 
    กระทั่งเวลา 20.00 น. พล.อ.ประยุทธ์นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดารา นักร้อง นักแสดง รวมถึงนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดังและอาสากู้ภัย ร่วมรับมอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ผ่านรายการพิเศษ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ซึ่งจัดโดยสำนักนายกรัฐมนตรี, อสมท และกรมประชาสัมพันธ์ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย โดยนายกฯ พร้อม ครม.ร่วมรับบริจาคเงินด้วยตนเอง และร่วมรับโทรศัพท์หมายเลขพิเศษ จำนวน 30 คู่สาย โทร. 0-2354-0101 ณ ห้องส่ง 5 อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บมจ.อสมท เพื่อนำเงินสมทบเข้า “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี” บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริจาคเมื่อเวลา 22.00 น. เบื้องต้นจำนวน 263,000,000 บาท และมีผู้โทรศัพท์มาบริจาคอย่างต่อเนื่อง
    จากนั้นเวลา 20.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเปิดรายการพิเศษ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ว่าพี่น้องประชาชนที่รักทั้งหลาย จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ จากผลกระทบของพายุโซนร้อนโพดุล และพายุโซนร้อนคาจิกิ ส่งผลให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั้งในด้านที่อยู่อาศัย การดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ รัฐบาลและทุกภาคส่วนไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ระดมสรรพกำลังความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็วที่สุด
     ทั้งนี้ ตนได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิด ได้มีการรายงาน หารือ สั่งการ รวมทั้งปรับแผนการรับมือ ช่วยเหลือและเยียวยา
อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณน้ำอาจทรงตัวและเริ่มลดระดับลงในบางพื้นที่ แต่ทุกหน่วยงานยังคงต้องเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป ขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร จิตอาสา และพี่น้องประชาชนทุกคน รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทางในการดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้ก้าวพ้นวิกฤติภัยธรรมชาติในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน โดยเพียงลำพังภาครัฐอาจไม่สามารถทำงานได้ทันความต้องการของประชาชน รัฐบาลจึงต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ จึงได้จัดรายการ “ร่วมใจ พี่น้องไทยช่วยภัยน้ำท่วม” ขึ้นในค่ำคืนนี้ และขอเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชน ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยทุกท่านสามารถร่วมบริจาคเงินเข้า “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี” โดยสามารถบริจาคผ่านทางรายการนี้ หรือจะบริจาคผ่านช่องทางปกติก็ได้เช่นเดียวกัน เพื่อให้ทุกท่านได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่ประสบภัย และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่ประสบภัยให้สามารถต่อสู้และยืนหยัดต่อไป
     ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พลังน้ำใจและความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนคนไทย ตลอดจนความช่วยเหลือของหน่วยงานทุกภาคส่วน จะเป็นกำลังใจสำคัญให้พี่น้องในพื้นที่ที่ประสบภัยสามารถผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ และกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง
     ด้านนายบิณฑ์ ซึ่งเดินทางมาร่วมรายการพิเศษ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี ด้วยสายการบินนกแอร์ ซึ่งให้บริการฟรีทั้งหมด เพียงแต่ห่วงภารกิจที่จะต้องแจกของให้กับประชาชน เป็นจังหวะพอดีที่นายเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ มากรุงเทพฯ จึงขอให้มาช่วยรับโทรศัพท์ แต่นายเอกพันธ์ติดถ่ายละครทำให้ไม่ว่าง ตนจึงคิดว่าน่าจะลงมา เพราะมีอะไรหลายอย่าง และเพื่อให้เห็นว่าตนไม่มีอะไร อยากมาช่วยประชาชนจริงๆ เมื่อถามว่ายืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้บังคับให้มาใช่หรือไม่ 
    "คนอย่างผม ไม่มีใครมาบังคับผมได้ ผมมาด้วยใจ ผมอยากมาช่วยส่วนรวมจริงๆ ไม่ได้มีอะไรกับใคร ไม่มีใครมาบังคับผมเลย" นายบิณฑ์กล่าว
    ถามว่า ขณะนี้มีกระแสดรามากับรัฐบาล อยากชี้แจงอย่างไร นายบิณฑ์กล่าวว่า สิ่งที่ตนทำอยู่เป็นอะไรที่บริสุทธิ์ใจมาก ตนกับนายกฯ หรือรัฐบาลไม่ได้มีอะไรเลย เพียงแต่ตนต้องการอยากสะท้อนภาพที่ได้ไปเห็นมา กับประชาชนที่อยู่ตรงนั้น และขอช่วยก่อน เพราะเห็นว่าถ้าเป็นระบบทางราชการอาจจะช้า เพราะต้องมีการตรวจสอบ มีเพียงความเห็นข้อเดียวที่พูดจริงๆ ว่าเงินที่แจกให้กับประชาชน 1,000 บาท เพื่อทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ตรงนั้นตนก็เห็นด้วย แต่ถ้านำมาให้กับประชาชนคนละ 1,000 บาท กับครอบครัวที่เดือดร้อน เชื่อว่าประชาชนจะดีใจมาก ตนจึงเดินทางกลับมากรุงเทพฯ เพื่อเบิกเงินส่วนตัวไปช่วยเหลือ ไม่ได้มีเจตนาอื่น แต่ถูกนำไปโยงไปเรื่องอื่น 
    "ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมเชียร์นายกฯ ลุงตู่มาตลอด ไม่มีอะไรเลยที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และไม่มีอะไรต้องเคลียร์ใจกับนายกฯ เมื่อเจอก็คงเข้าไปกราบ ซึ่งท่านก็รู้ว่าตนไม่มีเจตนาอะไรทั้งนั้น" นายบิณฑ์กล่าว
      วันเดียวกัน ที่บ้านคูเดื่อ เทศบาลเมืองแจระแม อ.เมืองฯ จ.อุบลราชธานี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย(พท.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ได้สอบถามถึงความยากลำบากในการดำเนินชีวิต สภาพความเสียหายของบ้านเรือน ประชาชนที่เจ็บป่วย รวมถึงได้สวมกอดและร่วมถ่ายภาพเพื่อให้กำลังใจผู้ประสบภัย
    จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์พร้อมคณะโดยสารเรือท้องแบนเข้าไปภายในตัวหมู่บ้าน ซึ่งมีประชาชน อาศัยอยู่กว่า 400 คน ตลอดเส้นทาง พบบ้านเรือนได้รับความเสียหาย พื้นที่ซึ่งอยู่ใกล้ลำน้ำมูล ถูกท่วมเป็นวงกว้างสูงหลายเมตร และได้มอบถุงยังชีพ ให้กับประชาชน ที่ถูกน้ำท่วมจนถึงชั้น 2 ของตัวบ้าน พร้อมสอบถามความต้องการที่จะให้หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รับปากจะนำข้อมูลไปสะท้อนถึงผู้มีอำนาจ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปตามความต้องการของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด ซึ่งระหว่างที่รอน้ำลด ขอให้รักษาสุขภาพ ระวังสัตว์มีพิษที่มากับน้ำ นอกจากนี้จากสภาพน้ำที่น้ำท่วมขังนานกว่า 10 วันเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งจะมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่
    ประธานยุทธศาสตร์พรรค พท.ยังเดินทางมาที่ศูนย์อพยพบ้านทัพไทย เพื่อมาเยี่ยมให้กำลังใจประชาชน ซึ่งจุดรวมพลดังกล่าวมีประชาชนนับพันคนอาศัยอยู่ เนื่องจากไม่สามารถพักในบ้านเรือนได้ตามปกติ โดยบอกกับประชาชนว่า พรรคเพื่อไทยจะไม่ทิ้ง จะต้องสู้ด้วยกัน ทำให้ประชาชนหลายคนถึงกับร่ำไห้
    ต่อมาคุณหญิงสุดารัตน์ได้นำลิงก์ข่าวกรณีนายกฯ จะช่วยรัฐบาลรับโทรศัพท์ บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมกับโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า "ช่วยเหลือก็ชักช้า พอจะมาก็ขอบริจาค งบกลางที่เก็บไว้ หายไปไหนหมดคะ นายกฯ ต้องจัดลำดับความสำคัญของการใช้งบให้ถูกต้องค่ะ พวกของที่ซื้อมาโชว์วันเด็กปีละครั้งและเอาออกมาวิ่งบนถนนเพื่อปล้นประชาธิปไตยอะ เลิกซื้อเหอะ แม่ขอร้อง".
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"