นายกฯประชุม ฝุ่นจิ๋วลามทั่ว


เพิ่มเพื่อน    


    บิ๊กตู่นั่งไม่ติด เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ผู้ว่าฯ 16 จังหวัดถกปัญหาฝุ่นจิ๋ว เผยกรุงเทพฯ และปริมณฑลค่าฝุ่นพีเอ็ม 2.5 เกินมาตรฐานขยายเป็น 33 พื้นที่
    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 กันยายนนี้ ที่สถานีท่าพระ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะเดินทางมาเป็นประธานพิธีเปิดให้บริการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค ณ สถานีท่าพระ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. เขต 22 คลองสาน ธนบุรี บางกอกใหญ่ พรรคอนาคตใหม่ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อร้องทุกข์กรณีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่อยู่อาศัยใกล้เคียงกับพื้นที่ก่อสร้าง รวมทั้งประชาชนผู้ที่สัญจรไปมา ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองที่พุ่งกระจายจากการจัดการพื้นที่ก่อสร้างไม่ดีพอ ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ปัญหาสภาพการจราจรติดขัดจากการวางเครื่องจักรกีดขวาง รวมทั้งมีการก่อสร้างในเวลากลางคืน ซึ่งระดับเสียงดังจากกิจกรรมก่อสร้างและเครื่องจักร รบกวนการพักผ่อนของคนในชุมชนใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่ง
    ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut chan-o-cha นายกฯ ได้โพสต์ข้อความถึงค่าฝุ่นละออง PM 2.5 กลับมาเกินมาตรฐานอีกครั้ง ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลว่า "เช้าวันนี้ หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 อยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐานครับ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนที่ได้เตรียมไว้อย่างเร่งด่วน และขอความร่วมมือสถานที่ก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม ลดการระบายฝุ่นและมลพิษทางอากาศในช่วงนี้ สำหรับพี่น้องประชาชนที่มีความจำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอกก็ขอให้สวมหน้ากากอนามัยด้วยครับ"
    ต่อมาในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ประชุมแก้ปัญหาเป็นการด่วน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นและหมอกควันรวม 16 จังหวัด
    ภายหลังการประชุม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า นายกฯ ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคม ให้ลดการใช้พาหนะที่ใช้น้ำมันดีเซลให้มาก เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 มาจากการเผาไหม้ของน้ำมันดีเซลเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น กระทรวงคมนาคมต้องไปตรวจสอบว่ารถยนต์แต่ละคันผ่านการตรวจสภาพรถยนต์มาอย่างไร หากพบว่าเขม่าสีดำเกินมาตรฐานต้องจับกุมและหาทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงอื่นๆ
    นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลชาวบ้าน และประกาศระดับของฝุ่นให้ชาวบ้านรับทราบตลอดเวลา หากพบว่าเกินเกณฑ์มาตรฐานต้องกำชับให้ระมัดระวังการใช้ชีวิตนอกที่อยู่อาศัย และหากเป็นไปได้จะใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรคพร้อมนำหน้ากากไปดูแลชาวบ้านในพื้นที่ที่มีปัญหา
    “หรือต่อไปหากพบว่ามีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน อาจต้องสนับสนุนหรือรณรงค์ให้คนทำงานอยู่ที่บ้าน โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย ในเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป เราก็ต้องปรับไปด้วย และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงขนาดป้องกันไม่ได้ แต่เราต้องมีวิธีรับมือ” นายอนุทินกล่าว
    นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพมหานคร พบปริมาณฝุ่นละออง PM 2.5 ตรวจวัดได้ระหว่าง 40-78 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์มาตรฐาน 33 สถานี (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) สาเหตุเนื่องจากสภาพอากาศ ที่กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า ช่วงเช้าลมสงบ ความชื้นสูง เกิดการผกผันกลับของอุณหภูมิในช่วงเช้า ประกอบกับระยะนี้มีฝนตกน้อยลง เป็นระยะที่กำลังเปลี่ยนฤดูกาล (transition) จึงทำให้ฝุ่นละอองสะสมเพิ่มขึ้น
    นายประลองย้ำว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 สูงเกินมาตรฐานดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งเตือนให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทางสุขภาพ ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ในพื้นที่ที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานานควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละออง รวมถึงป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นไปตามหลักการป้องกันไว้ก่อน
    "ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด บำรุงรักษาเครื่องยนต์ไม่ให้เกิดควันดำ ใช้ระบบขนส่งสาธารณะทดแทนการใช้รถส่วนบุคคล ตรวจสอบและไม่ใช้รถขนส่งสาธารณะที่มีควันดำ และขอความร่วมมือสถานที่ก่อสร้างและโรงงานอุตสาหกรรม ควบคุมและลดการระบายฝุ่นและมลพิษทางอากาศ"
    เว็บไซต์ airvisual.com รายงานสภาพปริมาณมลพิษทางอากาศโดยใช้หน่วย AQI ประมวลผล พบว่า เช้าวันจันทร์ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย อันดับมลพิษเลวร้ายมากยิ่งขึ้น โดยขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2 ของเมืองที่มีค่าปริมาณฝุ่น PM 2.5 มากที่สุด ซึ่งมีค่า AQI อยู่ที่ 175 ส่วนอันดับ 1 คือกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม 198
    กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล วันที่ 30 กันยายน 2562 เวลา 08.00 น. ตรวจวัดได้ระหว่าง 40-78 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินเกณฑ์มาตรฐาน 33 สถานี (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ เขตบางขุนเทียน เขตปทุมวัน เขตธนบุรี เขตวังทองหลาง เขตดินแดง เขตสัมพันธวงศ์ เขตพญาไท เขตบางรัก เขตสาทร เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตจตุจักร เขตคลองสาน เขตบางกอกน้อย เขตภาษีเจริญ เขตคลองเตย เขตบางซื่อ เขตหลักสี่ เขตบางเขน เขตบึงกุ่ม เขตบางพลัด และบริเวณถนนสิริธร/จังหวัดนนทบุรี บริเวณ อ.บางกรวย และ อ.ปากเกร็ด/จังหวัดปทุมธานี บริเวณ อ.คลองหลวง/จังหวัดสมุทรปราการ บริเวณ อ.พระประแดง และ อ.เมือง/จังหวัดสมุทรสาคร บริเวณ อ.กระทุ่มแบน และ อ.เมือง/จังหวัดนครปฐม บริเวณ อ.เมือง ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าเกือบทุกพื้นที่ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
    สำหรับพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงสุด ได้แก่ ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน 80, รองลงไปคือ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 72, ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สุมทรสาคร 71, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง 70.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"