ยื่นยุบอนค.ไมยั่บยั้งช่อ-เฮงซวย


เพิ่มเพื่อน    

 "หมอธี" บุก กกต.ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ โทษฐานไม่ยับยั้ง "คุณช่อ" ด่ารัฐธรรมนูญเฮงซวย เข้าข่ายกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 7 พรรคฝ่ายค้านเคลื่อนไหวถี่ยิบ "ธนาธร" ลั่นผมต้องการอำนาจเพื่อทำให้ความฝันของผมเป็นจริง "สุทิน" ปลุกผี อ้างแก้รธน.ต้องมีนองเลือด-รัฐประหาร

    เมื่อวันจันทร์ ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสัตวแพทย์ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้พิจารณาสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีที่ไม่ระงับยับยั้งการกระทำของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ปราศรัยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ตลาดสินค้าการเกษตร อ.เมืองฯ จ.มหาสารคาม ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เฮงซวยทุกมาตรา  โดยเห็นว่าหลังการปราศรัยของ น.ส.พรรณิการ์ พรรคอนาคตใหม่และกรรมการบริหาพรรคเพิกเฉย ไม่ได้มีการตำหนิหรือตักเตือน น.ส.พรรณิการ์ ทั้งที่รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ผ่านการประชามติ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้มีผลบังคับใช้ 
    การกระทำของ น.ส.พรรณิการ์ จึงเข้าข่ายดูหมิ่นรัฐธรรมนูญ และเมื่อพรรคไม่มีการยับยั้ง ก็เท่ากับเข้าข่ายกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงขอให้ กกต.พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพร้อมตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค
     “น.ส.พรรณิการ์จะมาจาบจ้วงสถาบันฯ โดยด่ารัฐธรรมนูญไม่ได้ ตีกระทบชิ่งไม่ได้ ประชาชนชาวไทยเขาไม่โง่ อยากวิงวอนให้นักศึกษา นิสิต อาจารย์ และประชาชนคนรุ่นใหม่ทั้งประเทศอย่าได้ตกเป็นเครื่องมือของคนเลว และพรรคการเมืองเลวระยำอย่างนี้  จึงขอให้ กกต.พิจารณาเสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ในฐานะที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และหมิ่นรัฐธรรมนูญ ผมมาด้วยจิตใจบริสุทธิ์ เพื่อจะยับยั้งการกระทำของบุคคลและพรรคการเมืองที่ทำชั่วร้าย ทำร้ายประเทศ ไม่ให้ไปจ้างล็อบบี้ยิสต์มาก่นด่าประเทศตัวเอง ชังชาติตัวเอง ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าคนขายชาติ ดังนั้นในฐานะสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และคนไทย จึงขอยื่นให้ กกต.สั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ในฐานะความผิดร้ายดังกล่าว  " นายสัตวแพทย์ธีทัชฐ์กล่าว
    ที่พรรคเพื่อไทย ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน 7 พรรค ได้ร่วมกันประชุมเพื่อสรุปแนวทางการทำงานในนาม "ฝ่ายค้านพบประชาชน" โดยนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินกิจกรรมของพรรคฝ่ายค้าน จากเดิมที่จะเป็นการจัดเวทีเสวนาในเชิงวิชาการ มาเป็นการจัดเวทีปราศรัย ซึ่งอาจจะมีขึ้นในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ที่ กทม. นอกจากนี้ จะมีการจัดทำรายการฝ่ายค้านพบประชาชน เผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทาง จะทำเป็นคลิปวิดีโอยาวประมาณ 5-7 นาที ซึ่งจะมีการเชิญวิทยากรจากแต่ละพรรคฝ่ายค้านมาแสดงความคิดเห็น ทั้งในเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สำหรับความถี่ของการเผยแพร่ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มออกอากาศได้ในช่วงเดือน ต.ค. 
         นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ที่ประชุมยังมีความเห็นร่วมกันว่าการขับเคลื่อนการทำงานของฝ่ายค้านจากนี้ไปจะแบ่งการดำเนินการเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 สร้างการรับรู้ของประชาชนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา ซึ่งฝ่ายค้านได้ดำเนินการไปแล้ว ได้รับการตอบรับจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี ซึ่งฝ่ายค้านได้สร้างการรับรู้นั้นได้แล้ว 
ปราศรัยใหญ่ปลาย พ.ย.
    ระยะที่ 2 สร้างความเข้าใจแก่ปัญหาประชาชน โดยจะนำเสนอว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหาและมีความสัมพันธ์กับปัญหาปากท้องอย่างไร ฝ่ายค้านจะนำเสนอรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ 
    และระยะที่ 3 การสร้างฉันทามติจากทุกภาคส่วน โดยจะต้องเป็นรูปธรรม เพื่อให้เห็นว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ที่จะเน้นการทำเวทีกลุ่มย่อยแบบเจาะจง และมุ่งไปยังกลุ่มอาชีพต่างๆ นักวิชาการ อุตสาหกรรม และภาคสื่อสารมวลชน เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดจากรัฐธรรมนูญ และเวทีปราศรัยใหญ่จะเกิดขึ้นปลายเดือน พ.ย. จากเดิมที่เป็นเวทีเสวนาวิชาการ
      ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะอาศัยแต่ฝ่ายค้านฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ต้องอาศัยพลังจากภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งจะเริ่มต้นอย่างเข้มข้นในเดือน พ.ย. โดยหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทุกพรรคจะขึ้นเวทีพร้อมกัน ยืนยันว่าการทำเวทีปราศรัยนั้นจะไม่ได้เป็นการปลุกระดมมวลชน แต่เป็นเพราะเห็นว่าการมีเวทีปราศรัยเหมาะกับคนไทย และมีความคุ้นเคยมากกว่า  
    ที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ มีการจัดเวทีสาธารณะเรื่อง "การปฏิรูปสังคม เศรษฐกิจ การเมืองไทย กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย" (ครั้งที่ 2) จัดโดยคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ร่วมกับ 30 องค์กรประชาธิปไตย โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และนายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.การต่างประเทศ ร่วมเสวนา
    นายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐธรรมนูญ 60 สร้างองค์กรขึ้นมาเพื่อครอบอำนาจ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการไว้ นั่นคือ คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งสามารถชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้ ดังนั้นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะทำอะไรตามใจไม่ได้ ขณะที่ในฝ่ายนิติบัญญัตินั้นก็มีสมาชิกวุฒิสภาขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเราต่อสู้กันกับเรื่องนี้มาตั้งเท่าไร แต่สุดท้ายรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็นำเรื่องนี้กลับมาใช้เหมือนเดิม ในส่วนของฝ่ายตุลาการนั้น องค์กรอิสระที่มีอยู่นั้น ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลย โดยที่กรรมการขององค์กรเหล่านี้ล้วนแต่งตั้งมาจาก คสช.
    เขาบอกว่า ตอนนี้ในสังคมมีดีเบตที่ใหญ่มาก 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องเศรษฐกิจกับการแก้รัฐธรรมนูญ อย่างที่มีคนบอกว่าให้สนใจปากท้องประชาชนดีกว่าไหม ก่อนจะมาสนใจแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งครึ่งในประโยคนั้นเป็นเรื่องจริงที่ว่าประชาชนจะอดตาย แต่ยืนยันว่า สอง อย่างนั้นทำควบคู่กันได้ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญสามารถทำได้โดยฝ่ายนิติบัญญัติ 
ผมต้องการอำนาจ
    “ผมมีความฝัน และผมต้องการอำนาจเพื่อทำให้ความฝันของผมเป็นจริง อย่างเรื่องการปฏิรูประบบราชการรวมศูนย์ การปฏิรูปกองทัพ สิ่งสำคัญคือเราไม่มีกฎเกณฑ์ที่บอกว่าอำนาจดังกล่าวนั้นจะได้มาอย่างไร หากผมแพ้ในเกม ผมจะรณรงค์ตามกติกาต่อ แต่รัฐธรรมนูญฉบับ 60 เป็นกติกาที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวันแพ้ มีแต่ต้องสร้างกติกาใหม่เท่านั้นที่จะทำให้สังคมเดินหน้าอย่างมีพลวัตและสันติได้” 
    นายธนาธรกล่าวว่า หากจะเดินตาม ม.166 มี 2 ทางคือ 1.กดดัน พล.อ.ประยุทธ์ หรือเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ก่อนจะดำเนินการต่อในมาตรา 256 หลังทำประชามติแล้ว เพื่อนำมาบอก ส.ว.ว่าคุณไม่ควรทัดทานประชามติของประชาชน 
    ขณะที่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า แม้เราจะรู้ว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหามากมาย แต่ประชาชนก็จะถามว่า ทำไมเราต้องแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้ต้องการให้แก้ ซึ่งเราต้องยอมรับว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนใหญ่ แต่อำนาจอธิปไตยของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นแค่คนกลุ่มเดียว
    “ผมเห็นว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดคืออันตรายจากการพัฒนา ผมเคยนั่งตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ผมคิดว่าความยุติธรรมต้องไม่มีคำว่าพิเศษ แต่ต้องขึ้นกับข้อเท็จจริงในเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างที่ประเทศออสเตรเลีย แต่ประเทศออสเตรเลียมีรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2443 โดยที่ไม่เคยแก้เลย เพราะเขาให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่ว่าใครก็จะสามารถแก้ได้” พ.ต.อ.ทวีกล่าว
    ด้านนายสุทินกล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญต่อจากนี้ ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้คนยอมรับมากที่สุด และต้องมีส่วนท้ายที่ระบุว่า ต้องป้องกันไม่ให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญ จากที่หารือร่วมกับ 7 พรรคฝ่ายค้าน เราเสนอวิธีแก้ โดยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษา เพื่อเป็นกลยุทธ์ให้พรรคการเมืองทุกพรรคมาร่วมเข้าใจกันก่อนว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหา และเราต้องแก้ ซึ่งวันเปิดสภาวันแรก ญัตตินี้จะถูกนำขึ้นมาอภิปราย เมื่อทุกพรรคการเมืองเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว หากถึงวันโหวต ใครเบี้ยวก็ขอให้ระวังตัว เพราะคุณจะกลายเป็นผู้ต้องหาในสังคม
    “วิธีการแก้รัฐธรรมนูญนั้นยากมาก ผมวิตกว่าวิธีการเดียวที่จะแก้ได้คือต้องมีทหารออกมายึดอำนาจอีก ผมคิดว่าหากจะแก้ได้ก็คงต้องมีการนองเลือด ไม่ก็มีการยึดอำนาจ แต่เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิด หากประชาชนร่วมสนใจแล้วเข้ามาขับเคลื่อนไปพร้อมกัน” นายสุทินระบุ
    นายกษิตระบุว่า วิธีการแก้รัฐธรรมนูญ ต้องมาจากภาคประชาชนนอกรัฐสภา ในการยกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ พรรคการเมืองใดที่ต้องการเป็นประชาธิปไตย 100% ต้องมาร่วมด้วย 86 ปีที่ผ่านมา เราถูกขโมยประชาธิปไตย เริ่มตั้งแต่คณะราษฎร มาถึงกองทัพการเมือง พรรคการเมืองสามานย์ หากอยากจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญได้ เราต้องแก้ปัญหา องค์กรต่างๆ ที่ครอบรัฐธรรมนูญไว้ เพราะในเมื่อองค์กรเหล่านี้เป็นกำหนดแนวนโยบาย แล้วเราจะมีพรรคการเมืองไปทำไม ขณะที่องค์กรภาคประชาชนของอาเซียนที่มาดูงานได้มีข้อเสนอแก่รัฐบาล ได้แก่ 1.แก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ 2.ยกเลิกคำสั่ง คสช. 3.ขอให้รัฐอย่าหาเรื่องนักเคลื่อนไหวแบบพวกเรา เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่เข้มแข็งต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"