“ธนาธร” พ้อ เพิ่งรู้ว่าตัวเองเลว ตอนตั้งพรรคการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

 

จากนั้น เวลา 15.30 น. นายธนาธร จงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดกิจกรรม ”มาสิครับผมจะเล่าให้ฟัง” โดยเป็นการพูดคุยระหว่างนายธนาธรและประชาชน โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาร่วมรับฟังบริเวณที่ทำการพรรค โดยนายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า ตอนแรกก็นับอยู่ว่าตน และสมาชิกคนอื่นๆในพรรคมีคดีเท่าไร แต่นับไปนับมาตอนนี้เลิกนับไปแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ คุณลองคิดดูว่ามีพรรคการเมืองมา 1 พรรค ขณะที่ กรรมการบริหารพรรคทั้งหมดไม่เคยมีคดีมาก่อนไม่ว่าทางแพ่งหรืออาญา แต่พอก่อตั้งมา 1 ปีกลับมีกว่า 20 คดี

 

“ผมเพิ่งรู้ว่าเป็นคนเลวแค่ไหนก็ตอนตั้งพรรคนี่ละ แต่ผมคิดว่าคนที่อยู่ที่นี่น่าจะเข้าใจ เพราะสิ่งที่เราพยายามทำคือการท้าทายอำนาจ และระบอบที่ไมเป็นธรรม ฉะนั้นไม่แปลกใจที่ระบอบนี้พยายามจะล้มเรา เพราะหมายความว่าการมีเราอยู่ทำให้พวกเขาสั่นคลอน และจำเป็นต้องจัดการกับเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทุกคนดีที่เกิดขึ้นเกิดจากแรงจูงใจที่จะทำลายกันทางการเมือง มากกว่าที่จะอาผิดตามตัวบทกฎหมาย”

 

นายธนาธร กล่าวถึงกรณีคดีเงินกู้ ว่า เงินกู้ไม่ใช่รายได้ แต่มันอยู่งบดุล กำไร-ขาดทุน ถ้าคุณตีความแบบนี้ว่าผิด หมายความว่าคุณกำลังพังกฎหมายทั้งหมดเลยนะ แต่เรื่องนี้ผมยักไหล่เฉยๆ เพราะคนทั้งโลกเขาไม่ได้มีมาตรฐานแบบนั้น เช่นเดียวกับกรณีหุ้นวี-ลักส์ ซึ่งความสมบูรณ์ของการทำธุรกรรม คือการแลกเปลี่ยนเงินกับใบหุ้น กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่เรื่องจะไปแจ้งกระทรวงพาณิชย์เท่าไร นั้นเป็นคนละเรื่อง หากใช้มาตรฐานแบบนั้น แสดงคว่าในประเทศที่ผ่านมาผิดหมดเลย หากจะเล่นงานตนด้วยวิธีนี้ หมายคำว่าจะเอาธนาธรเป็นมาตรฐานใหม่เลยนะ อย่างไรก็ตาม หากตีความตามตัวบทกฎหมายตนคิดว่าไม่มีใครเอาผิดเราได้

 

“เรื่องกระบวนการยุติธรรม ตอนนี้ไม่ใช่มี 1 หรือ 2 มาตรฐาน แต่มันไม่มีมาตรฐานอะไรเลย อย่างผมโดนแบนอยู่คนเดียว จาก ส.ส.กว่า 60 คน ที่มีปัญหาเรื่องเดียวกัน ทุกคนก็น่าจะเข้าใจ”นายธนาธร กล่าว

 

นายธนาธร กล่าวต่อว่า การสร้างปีศาจ หรือศัตรูสมมติขึ้นมาเป็นวิธีทางของการดำรงอยู่ของเผด็จการมาอย่างช้านาน วันที่ 6 ต.ค. ยังเป็นวันครบรอบเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 ย้อนหลังไป 43 ปีที่แล้ว วันนี้เป็นหนึ่งในวันที่น่าเศร้าใจที่สุดในประวัติชาติไทย มีคนถูกฆ่าตายอย่างโหดร้าย มีคนถูกไล่ยิง จากเหตุการณ์ขับไล่ทรราชย์ 16 ตุลาคม 2516 ที่ทำให้เกิดการตื่นตัวทางการเมือง ทำให้มีการเรียกร้องสิทธิของชาวนา แรงงาน นักศึกษา เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมเป็นธรรม และประชาธิปไตย กลายเป็นกระแสหลักของสังคม แต่สิ่งเหล่านี้ดันไปสั่นคลอนผลประโยชน์ของ กลุ่มชนชนชั้นนำในสังคมไทย ขณะที่เรื่องที่ช้โจมตีฝ่ายตรงข้าม ก็เป็นข้อหาเดียวกันปัจจุบัน อย่าง แบ่งแยกชาติ,ล้มล้างสถาบัน,เป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งกระบวนการที่เกิดไม่ต่างกันเลย คือการจัดตั้งมวลชนมาเผชิญหน้ากัน เป็นเหตุผลให้มีการรัฐประหาร รวมทั้งเป็นการใช้สื่อทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม

 

“ผมไปดูรายงานฉบับหนึ่งของสำนักข่าวประชาไท โดยหนังสือเรียนวิชาสังคม ของชั้น ป.1-ป.6 ว่าเขาเขียนเรื่องเหตุการณ์ 6 ตุลา ว่าไงบ้าง  17 ใน 23 เล่มไม่พูดถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เลยแม้แต่คำเดียว เหตุการณี้ถูกลบหายไปจากประวัติศาสตร์ ผมขอถามทุกท่านว่า เรื่องนี้เป็นควางจงใจของชนชั้นนำใช่หรือไม่ ส่วน 6 เล่นที่เหลือ เขียนอยู่นิดเดียว บางเล่มมีอยู่ 2 บรรทัด”

นายธนาธร กล่าวตอนท้ายว่า หนึ่งอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่วันตั้งพรรคถึงวันนี้คือ ความแน่วแน่ที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ระบบข้าราชการรวมศูนย์ กระบวนการยุติธรรมที่ไม่สามารถผดุงความยุติธรรมไว้ได้ และกลุ่มทุนผูกขาด ที่เป็นเสาค้ำความอยุติธรรมของสังคมไว้อยู่ เราไม่ใช่กลุ่มคนแรกที่เลือกเดินทางเส้นนี้  มีคนเลือกเดินตามเส้นทางนี้ก่อนปี 2475 ด้วยซ้ำ หากพวกท่านจำกบฎหมอเหล็ง ได้ ส่วนใหญ่ที่เลือกส้นทางเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในคุก ก็อยู่ต่างประเทศ การมารวมกันตรงนี้ครบรอบ 1 ปี ผมยืนยันกับทุกท่านว่า คดีที่ทุกท่านเห็นไม่ได้ทำให้คนในพรรคสั่นคลอนลงไป อุดมการณ์ต่างๆยังมันคงและหนักแน่น

 

“เราต้องตระหนักว่า เราไม่ต้องมีฮีโร่ ภารกิจนี้ใหญ่เกินไป ธนาธร หรือ ปิยบุตรไม่สามารถทำคนเดียวได้ แต่ทุกคนต้องทำไปด้วยกัน หากไม่เดินไปด้วยกัน เหตุการณ์ 6 ตุลา ก็จะต้องเกิดขึ้นอีกในประเทศไทย ถึงเวลาแล้วที่ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องให้เกิดขึ้น”

  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"