ด้วยความปรารถนาดีและเห็นใจ


เพิ่มเพื่อน    

 ถ้าจะว่ากันในแง่ความเป็นมนุษย์...คงต้องยอมรับเอาจริงๆนั่นแหละว่า ออกจะเป็นอะไรที่น่าเห็นอก เห็นใจ อยู่พอสมควรสำหรับวาสนาชะตากรรมคุณน้อง โรแบส ปิแอร์ ธนาธร ที่ดันถลำตัวเข้ามาตั้งพรรคการเมือง ตัดสินใจโดดเข้ามาเป็นหัวหน้า พรรค อนาคตใหม่ อันส่งผลให้ปัจจุบันและอนาคตของตัวเอง ออกจะไหม้เกรียมไปเป็นแถบๆ หรือทำให้ ผมเพิ่งรู้ว่าเป็นคนเลวแค่ไหนก็ตอนตั้งพรรคนี่เอง ดังที่คุณน้องท่านว่าเอาไว้นั่นแหละ...

                                                           ---------------------------------------------------------

                คือถ้าหากยังหลบๆ ซ่อนๆ แอบจิต ต่อไปเรื่อยๆ...จะเอาเงินไปช่วยพรรคพวกเพื่อนฝูง ออกหนังสือโน่น หนังสือนี่ หรือแม้แต่เข้าไปถือหุ้นใหญ่ กำหนดทิศทางของสื่อ บางสื่อ ให้เป็นไปตามแนวคิดที่ตัวเองปรารถนาและต้องการ คงไม่น่าจะมีใครคิดจะ ไปตามล้าง ตามเช็ด ให้ต้องเสียแรงอกเอาเลยแม้แต่น้อย ยังสามารถดำรงตนเป็นฝ่ายก้าวหน้า หรือ ฝ่ายซ้าย ไปพร้อมๆ กับการเล่นบทเป็น นายทุน ในบางวาระ บางโอกาส เช่นการเล่นงานม็อบกรรมกรไทยซัมมิตที่เป็นลูกจ้างของตัวเอง เป็นต้น หรือมีโอกาสได้ทั้งเงิน ได้ทั้งกล่อง ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกอะไร แบบไหน และตอนไหน...

                                                             -----------------------------------------------------------

                ยิ่งอายุ อานาม เพียงแค่ 40 ต้นๆ...เงินที่มีอยู่เป็นร้อยล้าน พันล้าน นอกจากจะใช้ไม่หมดแล้ว ยังสามารถเอาไปทำอะไรเพื่อตัวเองและผู้อื่นได้อีกเยอะแยะมากมาย จะเที่ยวรอบโลกซัก 400-500 รอบ ก็ยังสบายๆ จะควักไปบริจาคให้กับผู้ที่มีแนวคิด แนวทางที่ตัวเองเห็นควรด้วย ก็ไม่ถึงกับด้วนอะไรกันมากมาย แต่โดยบุคลิกลักษณะของคุณน้อง ธนาธร ท่านคงคล้ายๆ กับคุณน้า ทักษิณ นั่นแหละ คือพอมีเงิน-มีทองแล้วออกจะร้อนๆ ยิ่งเมื่อมาคบหาสมาคมกับพวกนักคิด นักวิชาการ ปัญญาชน ประเภทที่ออกไปทาง ร้อนวิชา ทั้งหลาย ท่านก็เลยต้องเดินตามรอยทักษิณ ตาดูดาว-เท้าติดดิน ชนิดหัวไม่ถึงฟ้า เท้าไม่ถึงดิน จนตราบเท่าทุกวันนี้...

                                                                ------------------------------------------------------------

                อันนี้นี่เอง...ที่มันทำให้ช่วงชีวิตที่น่าจะอยู่กันแบบสบายๆ เลยกลายเป็นช่วงชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยาก ลำบาก อันเนื่องมาจากแรงกดดันทางการเมือง ที่โหมกระหน่ำเข้ามาเป็นสายๆ แม้มีคนรัก คนชื่นชม มากซะยิ่งกว่าผืนหนังนับล้านๆ ผืน แต่ย่อมหนีไม่พ้นต้องเจอกับคนชัง คนแช่งชักหักกระดูก ไม่น้อยไปกว่าผืนเสื่อนับเป็นล้านๆ ผืนเช่นเดียวกัน อันถือเป็นสิ่งปกติธรรมดาของการเมือง หรืออาจถือเป็น ธรรมชาติทางการเมือง ก็ว่าได้ ที่ไม่ว่าใครก็ตาม คงต้องเจอกับลักษณะอาการเช่นนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น บางรายถึงขั้นต้องเอาชีวิต เลือดเนื้อ ตัวเอง หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง ญาติสนิท มิตรสหาย ไปจนถึงครอบครัวเข้าไปแลก โดยไม่ได้รับสิ่งที่ตัวเองปรารถนาและต้องการตอบแทนกลับมาเลยแม้แต่น้อย มีแต่เสีย...กับ...เสีย...แพ้...กับ...แพ้ ไปตลอดทั่วทั้งชีวิตเอาเลยก็ยังมี...

                                                                    ----------------------------------------------------------

                เส้นทางของการเมือง หรือธรรมชาติทางการเมือง...มันจึงออกจะเป็นอะไรที่โหดร้าย อำมหิต อยู่พอสมควร ไม่ใช่เส้นทางของนักปักดอกไม้ หรือเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เป็นเส้นทางที่ต้องอาศัยความบึกบึน ความอดทน อดกลั้น และความมีวุฒิภาวะ ฯลฯ ชนิดต้อง ตกผลึก เอาจริงๆ ระดับไม่ว่าทุกข์ยาก ลำบาก ไปถึงขั้นไหน ก็ไม่สามารถปริปาก บ่นระบายใดๆ ได้เลย ซึ่งเท่าที่คุณน้อง ธนาธร ท่านได้เจอมา คือเจอกับ คดี ประมาณ 20 คดี ภายใน 1 ปี ยังต้องถือว่าเล็กๆ น้อยๆ หรือชิวๆ (ชิลๆ) เอามากๆ เพราะในเส้นทางเบื้องหน้า หรือในอนาคตใหม่ โอกาสที่จะ อนาคตไหม้ ยิ่งกว่านี้ยังมีอยู่อีกมาก...

                                                                     ------------------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยความเห็นอก เห็นใจ ในฐานะความเป็นมนุษย์ด้วยกัน ก็คงต้องขออนุญาต กฤษณาสอนน้อง เอาไว้มั่งเล็กๆ น้อยๆ โดยเฉพาะต่อพฤติกรรมและการกระทำในแง่ที่ส่งผลให้เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง มันต้องกลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ หรือการ หาเหาใส่หัว นั่นแหละ คงต้องหาทางเพลาๆ เอาไว้มั่ง เพราะแค่การตัดสินใจโดดเข้าสู่แวดวงการเมือง ก็ถือเป็นลงทุนสร้าง ฟาร์มเหา หรือเพาะเหาบนหัวกบาลตัวเองอยู่แล้วอย่างมิอาจปฏิเสธได้ แต่ถ้าหากยังดันเล่นการเมืองแบบโฉ่งๆ ฉ่างๆ  แบบเอามันซ์ซ์ซ์เข้าว่า ไม่ได้คิดหน้า-คิดหลังอะไรให้ถ้วนถี่ เอาแค่ภาพ แค่เสียง แค่คะแนนนิยม เพียงลูกเดียว อันนี้...รับรองว่าโอกาสที่จะไหม้เกรียมไปทั้งแถบ ทั้งเนื้อ ทั้งตัว ภายในเวลาอันรวดเร็ว ยิ่งมีสูงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

                                                                     ----------------------------------------------------------

                อย่างเช่น...การโผล่ไปเกาะแขน เกาะขา อยู่กับกะปอมฮ่องกง อย่าง โจชัว หว่อง อันเป็นอะไรที่ออกจะธนาธร โหว่ เอามากๆ คือกลายเป็นการเปิดช่องโหว่ให้ผู้ที่เขาไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ความไม่มีสติยั้งคิด ของบรรดาม็อบฮ่องกง ที่ไม่เพียงแต่สร้างปัญหารัฐบาลฮ่องกง รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น แต่ยังสร้างความเจ็บปวด รวดร้าว ให้กับผู้ที่ยังตระหนักถึง ความเป็นจีน ไม่ว่าจะอยู่ในที่ไหนๆ จนทำให้แม้แต่ เสธ.ไพศาล เอง ท่านยัง เชียร์ ไม่ค่อยจะออก เรียกว่า...ไม่ได้คิดหน้า-คิดหลัง ว่าอะไรได้-อะไรเสีย อะไรคุ้มค่า-ไม่คุ้มค่า เอาแค่ให้ ฟ้ารักพ่อ เข้าไว้ ส่วนลุง-ป้า-น้า-อา ก็แล้วแต่เรื่องของมึง อะไรประมาณนั้น อันนี้นี่แหละ ที่เลยทำให้งานเข้าถึง 20 คดีภายในช่วงเวลา 1 ปีเท่านั้น คือถ้ารักจะหาเหาใส่หัวตัวเอง อย่างน้อยก็น่าจะคัดพันธุ์เหาเอาไว้มั่ง ไม่ใช่มั่วไปในทุกเรื่อง ทุกราว จนอาจต้องไหม้เกรียมไปก่อนเวลาอันควร...

                                                                     ------------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Japanese proverb... The wise man does not speak of all he does, but he does nothing that he cannot speak of. – คนฉลาดจะไม่พูดถึงทุกสิ่งที่เขาทำ แต่เขาจะไม่ทำอะไรที่เขาพูดถึงไม่ได้...

                                                                     ------------------------------------------------------------ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"