ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป


เพิ่มเพื่อน    

      เห็นว่า กรมอุตุฯ ท่านได้ออกมาแจ้งข่าว ป่าวประกาศ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ว่าการมาถึงของฤดูหนาวบ้านเรา จะเริ่มเปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้ง นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยจะลากยาวไปถึงช่วงกลางๆ เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าโน่นเลย ชนิดทำท่าว่าน่าจะหนาวนาน หรืออาจหนาวมากกว่าปีก่อนๆ ระดับอุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ 20-21 องศาอะไรประมาณนั้น...

                                                            ------------------------------------------------------

      และภายใต้การเริ่มต้นของฤดูหนาว...ก็ถือเป็นจังหวะ เดียวกัน กับที่สภาผู้แทนราษฎรของบ้านเรา จะได้ฤกษ์ ได้เวลา เปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้ง อภิปรายและลงมติเห็นควรด้วย-ไม่เห็นควรด้วย ต่อ พ.ร.บ.งบประมาณปีพุทธศักราช 2563 ในวันที่ 17 ตุลาฯ หรือวันพฤหัสฯ ที่จะถึงนี้ ซึ่งโดยลักษณะอุณหภูมิตามคำพยากรณ์อากาศ ของบรรดา เซียนๆ แห่ง กรมนอนอุตุ ทั้งหลาย ดูๆ จะเห็นพ้อง ต้องกัน ไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่น่าจะถึงกับ หนาวว์ว์ว์ แต่น่าจะออกไปทาง แฉะ ซะล่ะมากกว่า คืออาจเปรอะเปื้อน เลอะเทอะ เพราะถูกน้ำลายกระเซ็นซัด สาดใส่ ไปตามมี-ตามเกิด ตามครรลองโดยปกติของ เวทีรัฐสภา...

                                                               -------------------------------------------------------

      คือการนำเอาอาวุธนานาชนิด...ไม่ว่าหมัด-เท้า-เข่า-ศอก ส้นมือ ส้นตีน มาสาดใส่กันในเวทีชนิดนี้ แม้ว่าออกจะน่าเบื่อ น่าทุเรศ เพียงใดก็ตามที แต่ต้องถือเป็นครรลองโดยปกติ เป็นหนทางโดยปกติ ที่ไม่เพียงแต่จะมิได้นำมาซึ่ง อันตราย หรือ โทษ ใดๆ ต่อความเป็นชาติ บ้านเมืองแล้ว ยังอาจนำมาซึ่ง ประโยชน์ นำมาซึ่งการตรวจสอบ ถ่วงรั้ง หรือแม้แต่นิรมิตสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ ให้กับผู้ซึ่งมีบทบาท อำนาจ ในการใช้เงิน-ใช้ทอง ไม่ให้ ชิม-ช้อป-ใช้ ชนิดทะรูดทะราดมากมายเกินไปนัก การลุกขึ้นมาสาดแข้ง สาดขา สาดสากกะเบือบินใส่กันและกัน ภายใน เวทีรัฐสภา จึงถือเป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญ ในองค์ประกอบแห่งความเป็น ประชาธิปไตย ที่มิอาจปฏิเสธได้...

                                                                ------------------------------------------------------

      โดยถ้าหากบรรดาผู้ซึ่งเกิดอาการเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน ระหว่างกันและกันทั้งหลาย...จะหันมาให้ความสำคัญกับเวทีดังกล่าวให้มากๆ เข้าไว้ ไม่คิดหันไปอาศัยเวทีอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามครรลองโดยปกติของระบอประชาธิปไตย ไม่ได้คิดจะปั่นกระแส สร้างกระแส เพื่อนำไปสู่ การลุกฮือ  ของมวลชนครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะโดยอาศัยความเป็นนักการเมือง พรรคการเมือง หรือโดยอาศัย วิชามาร ในรูปหนึ่ง รูปใด ก็แล้วแต่ โอกาสที่ชาติบ้านเมือง ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา จะพอ อยู่ๆ กันไป ก็น่าจะมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเท่านั้น...

                                                                   ------------------------------------------------------

      คือถึงแม้ว่าจะไม่เป็นไปตามที่พึงปรารถนาและต้องการ ไม่ได้ตอบสนองโลกธรรมตามที่ตัวเองชอบใจ ถูกใจ มากมายซักเท่าไหร่นัก แต่ก็แค่ใช้ความอดทน อดกลั้น รอไปอีกแค่ประมาณ 4 ปีเท่านั้นเอง ก็น่าที่จะสามารถโค่นล้ม ทำลาย ขุดรากและถอนโคน กันได้มั่ง เรียกว่า...ถ้าหากยังไม่ถึงกับมีอะไรถึงขั้นเลวสุดๆ ร้ายสุดๆ ชนิดรอแม้แต่วันเดียวก็ยังรอไม่ได้ การปล่อยให้ครรลองโดยปกติมันเดินของมันต่อไป ทำหน้าที่ของมันต่อไป ย่อมต้องถือเป็น ขันติธรรม ชนิดหนึ่ง ที่บรรดานักการเมือง พรรคการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยพึงมี พึงยึดมั่น ถือมั่น เอาไว้นั่นแหละดี...

                                                                   ---------------------------------------------------------

      ยิ่งถ้าหากต้องเจอกับรัฐบาลที่เพิ่งแปลงสภาพจาก เผด็จการ มาเป็น ประชาธิปไตย แบบหมาดๆ...การหันไปอาศัยเวทีอื่นๆ ที่ไม่ใช่ เวทีรัฐสภา น่าจะยิ่งไม่ฉลาด หรือไม่เข้าท่า ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น เผลอๆ...อาจต้อง พาคนไปตาย กันอีกมากมาย เยอะแยะ เหมือนอย่างที่เคยตายๆ กันมาแล้ว แต่สุดท้าย...ก็หนีไม่พ้น วงจรอุบาทว์ กันไปซักกะที เพราะภายใต้เวทีรัฐสภานี่แหละ ถ้าหากบรรดานักการเมืองและพรรคการเมือง เล่นเป็น เล่นไปตามความเชี่ยวชาญ เชี่ยวกรำ และความชำนาญพิเศษของความเป็น  นักการเมือง อันเป็นคุณลักษณะพิเศษที่หาใครลอกเลียนได้ยากซ์ซ์ซ์มาก บรรดาเผด็จการ หรืออดีตเผด็จการ ที่เคยเชี่ยวชาญเพียงแค่ ถือปืน...แบกปูน...ไปโบกตึก มาโดยตลอด จะไปเหลืออะไร???

                                                                    -----------------------------------------------------------

      ด้วยคุณลักษณะพิเศษแบบชนิด...เกล็ดต้องแตกลายงาพอๆ กับกระเบื้องราชวงศ์ถัง ต้องมีปีก มีหาง มีเขี้ยวติดสปริงไฮดรอลิก พร้อมจะยืด จะหด เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แถมเผลอๆ...อาจพ่นไฟได้อีกด้วยต่างหาก ถ้านำเอาคุณลักษณะพิเศษ หรือความสามารถพิเศษเหล่านี้ ไปใช้ให้ถูกที่ ถูกทาง ถูกจังหวะ ไม่ว่า ทหาร หรือ อดีตทหาร รายไหนก็รายนั้น โอกาสที่จะ ไปไม่เป็น ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอๆ เพราะโดยประวัติศาสตร์การเมืองฉบับไทยๆเท่าที่ผ่านมา ก็ล้วนแต่ ตกม้าตาย ไปแล้วด้วยกันทั้งสิ้น เท่าที่พออยู่รอด ปลอดภัย เห็นจะมีแต่ ป๋าเปรม รายเดียวเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น...ก็ยังหวิดอ้วกแตก อ้วกแตน ในช่วงระยะเวลาแค่เพียง 8 ปีเท่านั้นเอง...

                                                                  --------------------------------------------------------------

      โดยเฉพาะการเมืองแบบไทยๆ...ที่ยังไงๆ มันคงต้องเป็นไปในแนว ลั้ลลา-โพลิติก อย่างมิอาจปฏิเสธได้ คือการเมืองที่ไม่ได้เน้นหนักในเรื่องการปะทะ ขัดแย้ง กันอย่างตรงไป-ตรงมา ชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ แต่หนักไปทาง ลั้ลลา แบบค่อยๆ สอด ค่อยๆ แทรกให้เกิดความเสียวซ่านและซึมกระทือ แล้วค่อยเกาะกิน ดูดสมอง กันในภายหลัง อะไรประมาณนั้น อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องเก็บมาคิดเป็นการบ้าน มาใช้ปรับยุทธศาสตร์ ปรับกระบวนทัศน์ กันแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป อย่าไปไล่ถีบ ไล่ทุบ ไล่บี้ จนถึงขั้นต้อง จนตรอก เพราะถึงจังหวะนั้นเมื่อไหร่ ยังไงๆ ก็ย่อมต้อง เสร็จทหาร ซะทุกทีไป เอวัง...ก็มีด้วยประการละฉะนี้...แล...

                                                                 ----------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้  จาก Chinese proverb... The silkworm weaves its cocoon and stay inside, therefore it is imprisoned; the spider weaves its web and stat outside, therefore it is free. – ตัวไหมชักใยไหมแล้วอยู่ในรังไข่ จึงถูกจองจำ แมงมุมชักใยแล้วอยู่ภายนอก จึงเป็นอิสระ...

                                                                 ------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"