‘ธนาธร’ฮึดโต้ขาลง โบ้ยไปถามปชช.ในตลาดพปชร.เย้ยเสียขวัญหนัก


เพิ่มเพื่อน    

  “ประยุทธ์” ชี้ผลเลือกตั้งซ่อมนครปฐมตัดสินเรตติ้งรัฐบาลไม่ได้ “เสี่ยหนู” เผยเหตุเผดิมชัยคัมแบ็กเพราะไม่ทิ้งประชาชน “เด็ก พปชร.” สบช่องรุมอัดอนาคตใหม่เสียขวัญแพ้ภัยตนเอง อัดอย่าขี้แพ้ชวนตี “ธนาธร” ยังเพ้อไม่เลิก เราจะต่อสู้เผด็จการ-อำนาจไม่เป็นธรรม กาลเวลาเหมือนไฟที่จะตีดาบไม่ให้มีสนิม พร้อมทวงเก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์จากจำนวน ส.ส.พึงมี นายกฯ ลั่นพร้อมรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

    เมื่อวันพฤหัสบดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 5 จังหวัดนครปฐม ที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้รับชัยชนะว่า ในฐานะเป็นนายกฯ และหัวหน้ารัฐบาล โดยได้ทำงานร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องแสดงความยินดีกับพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง ถือเป็นความไว้วางใจของประชาชนในพื้นที่ และไม่สามารถก้าวล่วงได้ในส่วนนี้ โดยขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับการเลือกตั้ง ถือเป็นการตัดสินจากประชาชน และเป็นกระบวนการประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
    ถามว่าผลการเลือกตั้งสะท้อนถึงความนิยมในรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงหลายอย่างด้วยกัน คิดว่าประชาชนเรียนรู้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่าง อย่าเอาแค่การเลือกตั้งครั้งนี้ครั้งเดียวมาเป็นเกณฑ์ตัดสินอะไรเลย และอยู่ที่ว่าเราจะทำอะไรให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นความต้องการของประชาชน ซึ่งรัฐบาลก็มีหน้าที่ของรัฐบาล
    เมื่อถามว่าเป็นเพราะกระแสของรัฐบาลดีขึ้น จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลชนะการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า แล้วมันไม่ดีหรือ รัฐบาลมีเสถียรภาพมันไม่ดีอย่างไร ถ้ามันดีก็จบได้แล้ว อย่าไปยึดโยงอย่างอื่น
    ถามถึงผลการเลือกตั้งสะท้อนกระแสของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิมด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธไม่ตอบคำถาม พร้อมระบุว่าไม่ไปก้าวล่วงพรรคไหนทั้งสิ้น
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวในเรื่องนี้ว่า ก็ดี ซึ่งก็แล้วแต่พื้นที่ ส่วนที่มองว่าอาจเป็นเพราะผลงานของรัฐบาลนั้น มองว่าทุกพรรคการเมืองก็ร่วมมือกันทำงานให้กับประชาชน โดยทุกภาคก็มีความตั้งใจทำงานให้กับประชาชน
    เมื่อถามว่าสะท้อนเรตติ้งของรัฐบาลว่าดีขึ้นหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็แล้วแต่จะคิด ถ้าคิดว่าดีก็ดี แต่ถ้าคิดว่าไม่ดีก็ไม่ดี ซึ่งรัฐบาลก็พยายามทำงานให้ประชาชน เมื่อถามอีกว่า ที่ จ.ขอนแก่น หากต้องเลือกตั้งใหม่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบทันทีว่า "ลงสิ"
    ถามต่อว่าจะไม่แบ่งให้พรรคร่วมเลยหรือ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า พรรคร่วมเราก็ทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ก็ได้ใครจะเป็นก็ได้ แต่พรรค พปชร.ก็อยากได้ที่ที่ทางภาคอีสานเพิ่มขึ้น
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ได้แสดงความยินดีกับนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ชทพ.ไปแล้ว ส่วนการที่รัฐบาลได้เสียงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เสียง จะทำให้มีความมั่นคงเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น มั่นคงหรือไม่มั่นคงมันอยู่ที่การทำงาน 
เสี่ยหนูเมินวิเคราะห์
“อย่าไปวิเคราะห์เลย ทุกคนก็ต้องต่อสู้กันให้ดีที่สุด พรรคชาติไทยพัฒนา นายวราวุธก็บอกตลอดว่าพี่งานนี้แพ้ไม่ได้ เป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของเจ้าถิ่น ส่วนอนาคตใหม่เห็นข่าวนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ลงพื้นที่กินนอนที่นั่น ทุกคนแสดงความสามารถสุดๆ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ไปช่วยปราศรัยไม่รู้กี่รอบ จะเห็นว่าทุกคนทุ่มสรรพกำลังทุกอย่าง แต่ที่สุดแล้วก็ต้องยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชน เห็นหรือยังประชาชนใหญ่ที่สุด” นายอนุทินตอบถึงข้อถามให้วิเคราะห์ผลเลือกตั้ง 
    เมื่อถามว่า มองได้หรือไม่ว่ากระแสของพรรค อนค.ไม่ได้แรงเหมือนตอนเลือกตั้งใหญ่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้นเลย อะไรที่มองแล้วมีทุกข์ก็อย่าไปมอง มองเรื่องดีๆ ดีกว่า พรรค อนค.เขาเคยชนะ แต่เที่ยวนี้คะแนนหายไปหมื่นกว่า หายไปไหนไปทำอะไรมาก็ไปแก้ไขตรงนั้น ส่วน ชทพ.ก็แสดงให้เห็นว่าหลังแพ้การเลือกตั้งครั้งก่อนนายเผดิมชัยก็ไม่ได้ทิ้งพื้นที่ เพราะถ้าเป็นผู้สมัครเมื่อแพ้แล้วทิ้งพื้นที่ก็คงไม่ได้กลับมาอีก ส่วนเรื่องนี้จะเป็นบทเรียนให้พรรค อนค.หรือไม่นั้น คงต้องถามพรรค อนค.
    “มันทำได้ตามกฎหมายหรือไม่ เราก็ไม่รู้จะเป็นวันพุธหรือวันอาทิตย์ แต่เมื่อเขากำหนดมาอย่างไร คนในพื้นที่ก็ต้องไปเลือกตั้ง อย่างผมถ้าอยู่นครปฐม ถึงวันไหนก็ต้องไปเลือก ไม่เช่นนั้นก็ถูกแบน” นายอนุทินกล่าวตอบข้อถามที่ว่าพรรค อนค.มองว่าที่แพ้เลือกตั้งเพราะกำหนดให้หย่อนบัตรวันพุธ
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า ต้องแสดงความยินดีกับนายเผดิมชัยที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรค อนค.แล้วว่า ส.ส.ต้องยึดโยงกับประชาชน โดยเฉพาะ ส.ส.เขตที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนตลอดเวลา ซึ่งตระกูลสะสมทรัพย์มีศักยภาพ ทำงานให้กับประชาชนมายาวนาน ไม่เคยทิ้งประชาชน อีกทั้งพรรค ชทพ.ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ประชาชนจึงลงคะแนนให้ เพราะมองว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง และมีผลงานมากมายที่เข้าถึงความต้องการของประชาชน
    “พรรคอนาคตใหม่คงเสียขวัญไม่น้อย เพราะมั่นใจว่าจะชนะแน่นอน แกนนำพรรคลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก พยายามชูประเด็นหาเสียงว่าเป็นศึกศักดิ์ศรีระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาล จะโค่นรัฐบาลให้ได้ หวังดิสเครดิตรัฐบาล แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะวันนี้ประชาชนกำลังเคลือบแคลงสงสัย และภายในพรรคเองก็มีปัญหาต่างๆ มากมาย จนมี ส.ส.หลายคนเริ่มอึดอัด โดยเฉพาะการรวบอำนาจไว้คนเดียว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายธนาธรเท่านั้น นอกจากนี้ พรรคอนาคตใหม่ยังทำการเมืองที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน มุ่งเน้นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเดียว ไม่เสนอนโยบายที่เป็นรูปธรรมต่อประชาชน ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงมีสัญญาณหลายๆ อย่างที่ประชาชนสะท้อนผ่านคะแนนเสียงที่ออกมา” นายธนกรระบุ
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า ทุกฝ่ายต้องมีสปิริตยอมรับผลการเลือกตั้งที่ออกมา ซึ่งคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าพรรค อนค.ที่ไม่สามารถรักษาที่นั่ง ส.ส.เอาไว้ได้ต้องหยิบยกเหตุผลเรื่องของกำหนดวันเลือกตั้งมาเป็นอุปสรรค กล่าวอ้างถึงเหตุผลต่างๆ นานาที่แพ้การเลือกตั้ง  ซึ่งการกระทำเช่นนั้น อาจทำให้พรรค อนค.ถูกมองว่าเป็นพวกขี้แพ้ชวนตี แต่ควรนำผลการเลือกตั้งที่ปรากกฏออกมาวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนจุดแข็งของพรรค ทบทวนว่าเหตุใดจึงพ่ายแพ้มากกว่า
อัดอย่าขี้แพ้ชวนตี
    “เข้าใจว่าช่วงนี้พรรคอนาคตใหม่คงเสียขวัญอย่างหนัก เพราะหลายประเด็นที่เข้ามาเป็นลบกับพรรค ไม่ว่าจะเป็นอนาคตพรรคและอนาคตของนายธนาธร ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยชี้ขาดสมาชิกภาพในวันที่ 20 พ.ย.นี้ ยิ่งมาแพ้การเลือกตั้งอีก ก็ยิ่งซ้ำเติมให้เกิดความหวั่นไหว” น.ส.ทิพานันกล่าว และว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. เคยระบุว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เหมือนเป็นการออกเสียงประชามติว่าเอาหรือไม่เอารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเป็นเช่นนี้ ย่อมสะท้อนว่าประชาชนยังสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ให้บริหารประเทศต่อไป
    ส่วนนายธนาธรกล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นผลการเลือกตั้งที่นครปฐม หรือกรณี ส.ส.พรรคหลายคนไม่ปฏิบัติตามมติของพรรค ขอเรียนว่าสถานการณ์และกาลเวลาเหมือนไฟ เราจะต่อสู้กับเผด็จการหรืออำนาจที่ไม่เป็นธรรม ดาบนั้นต้องไม่มีสนิม ดังนั้นเมื่อผ่านสถานการณ์ผ่านเวลา ไฟเหล่านี้จะเอาสนิมออกจากดาบเอง เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า 28,000 เสียงที่นครปฐมเป็นเหล็กเนื้อดี เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า 70 ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่เป็นเนื้อดี การเดินทางและสถานการณ์จะทำให้เหล็กของเรากล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นมีแต่ความภาคภูมิใจที่ยังมีประชาชนยืนอยู่กับพรรคอนาคตใหม่กว่า 28,000 คน จึงไม่มีความกังวลใจอะไร เล็กเพื่อใหญ่ ล้มเพื่อลุก เราขอยืนยันจะทำงานทางการเมืองภายใต้ร่มของพรรคอนาคตใหม่ต่อไปให้มั่นคงและเเน่วแน่ 
    เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีแคมเปญเลือกตั้งซ่อมจะเป็นโดมิโนล้มเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำได้ ผ่านคำพูดที่ว่า "ทนลุงไม่ไหวให้เลือกอนาคตใหม่" แต่ผลออกมาวิเคราะห์แคมเปญนี้อย่างไร นายธนาธรกล่าวว่า เราพ่ายแพ้ไปก็ยอมรับ ซึ่งพรรค ชทพ.ทำงานได้เต็มที่ ก็ต้องขอเเสดงความยินดีกับพรรค ชทพ.ด้วย 
    ถามย้ำว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้สะท้อนถึงความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ที่มีความนิยมมากขึ้นหรือไม่ นายธนาธรตอบว่า วันนี้ถ้าลองไปเดินตลาดหรือเช็กความนิยมของประชาชน คำถามนี้ก็คงตอบได้ไม่ยาก ซึ่งความพ่ายแพ้ครั้งนี้พรรคเองก็ได้ประเมิน โดยทีมรณรงค์การเลือกตั้งคงสรุปผลและส่งมาเป็นคำชี้แจง ข้อเสนอปรับปรุงการทำงานของพรรคเพื่อให้พรรคเข้มแข็งต่อไป ทั้งนี้ในฐานะหัวหน้าพรรค ยังไม่ได้สรุปว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้เกิดขึ้นจากอะไร แต่ก็ผิดหวังกับผลที่ออกมา
    เมื่อถามว่าเป็นขาลงของพรรค อนค.หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ยังมองไม่เห็นว่าเป็นขาลง และเราก็ไม่ได้ตกใจ อย่าลืมว่าพรรคเข้ามาด้วยระยะเวลาที่สั้นขนาดนี้ ทำให้เราไม่สามารถคัดกรองบุคลากรที่มีความคิดความฝันเหมือนกับพรรค ดังนั้น เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คนที่จะเดินไปต่อกับพรรค ถือเป็นเหล็กเนื้อดีที่ไม่มีสนิม ต่อให้เขาซื้อพวกเราทั้งหมด แต่เขาซื้อนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กับซื้อตนเองไม่ได้ แม้ว่าจะเหลือแค่เราสองคน เราก็จะเดินหน้าต่อ และทำงานการเมือง เพื่อให้ได้สังคมตามที่เราฝันไว้
ทอนทวงเก้าอี้ปาร์ตี้ลิสต์!
นายธนาธรยังกล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (3) ระบุว่าให้นำจำนวน ส.ส.ที่พรรคการเมืองพึงมีพึงได้ลบด้วย ส.ส.แบบแบ่งเขตของพรรค ที่เหลือจะเป็นจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งการเลือกตั้งที่นครปฐม ไม่ได้นำคะแนนมารวม เพราะไม่ใช่เกิดจากการทุจริต ดังนั้นจึงใช้กระดานเดิมในการคำนวณ ส.ส.พึงมี ซึ่งพรรคจะมี ส.ส.ทั้งสิ้น 81 คน แต่ปัจจุบันพรรคกลับมี ส.ส.เพียง 80 คน ดังนั้นจึงอยากฝากนักกฎหมายมหาชนทั่วประเทศ ช่วยไตร่ตรองดูว่านายมานพ คีรีภูวดล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคลำดับที่ 53 จะได้เป็น ส.ส.หรือไม่ เพราะบางพรรคมีจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อมากกว่าจำนวน ส.ส.พึงมี
     เมื่อถามว่า จากการที่โหวตพระราชกำหนดอัตรากำลังพลฯ และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณฯ เห็นว่าเหล็กที่เป็นสนิมภายในพรรคมีจำนวนเท่าไร นายธนาธรกล่าวว่า พรรคมีการตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวภาคภูมิใจในสมาชิกของพรรค เรายืนยันมาตลอดว่าสมาชิกเป็นเจ้าของพรรค และการที่พรรคยึดโยงกับสมาชิกได้เเสดงออกแล้วเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าสมาชิกมีสิทธิ์มีเสียง มีความฝันเหมือนกับพรรค คอยอุดหนุนและสนับสนุนการตัดสินใจให้ ส.ส.ของพรรคได้ไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนที่สมาชิกหลายคนออกมาโพสต์ว่าพรรคมีการแบ่งชนชั้นนั้นก็ไม่จริง เพราะเวลาเดียวกันสมาชิกอีกหลายคนยืนยันไม่ใช่
        นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ผลคะแนนเลือกตั้งซ่อมที่ออกมารัฐบาลไม่สามารถทึกทักเอาเองได้เลยว่าเป็นเพราะประชาชนชื่นชอบในผลงานของรัฐบาล เพราะคะแนนของพรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรคก็แตกต่างกันมาก ถ้าชอบรัฐบาลคะแนนของพรรคร่วมที่ออกมาต้องใกล้เคียงกันมากกว่านี้ 
    นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กระบุในเรื่องนี้ว่า ใครได้รับเลือกตั้งรู้สึกธรรมดา แต่คะแนนคราวนี้สัมผัสได้ว่าเยาวชนไทยหูตาสว่างขึ้นมากแล้ว 
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.จังหวัดราชบุรี พรรค พปชร. โพสต์สั้นๆ ว่า ถ้าช่อไม่ไปหาเสียง คะแนนจะได้เยอะกว่านี้ใช่ไหมคะพี่น้อง เลือกตั้งวันพุธ..กรรม
    ขณะที่นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง โพสต์เฟซบุ๊กในลักษณะตั้งคำถามว่า ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง จ.นครปฐมของพรรค อนค. ติ่งส้มจะทำอย่างไร, ศาลรัฐธรรมนูญจะพิพากษาคดีของธนาธรในเดือนหน้า ติ่งส้มจะทำอย่างไร และหากพรรค อนค.ถูกยุบ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อาจดับสูญ ส.ส.เขตอาจย้ายไปพรรคอื่น ติ่งส้มจะทำอย่างไร? คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ติ่งส้มต้องคิด เตรียมการรับมือ ไม่ใช่เก่งแต่บนคีย์บอร์ด
พร้อมรับศึกอภิปราย
    วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงกลางเดือน ธ.ค.ว่า เป็นธรรมดาของระบบสภา ที่ใน 1 ปีสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ 1 ครั้ง ก็ว่ากันไป ซึ่งพร้อม และได้เตรียมข้อมูลทั้งหมดอยู่แล้ว และหน่วยงานต่างๆ เตรียมไว้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายค้านเขาจะอภิปรายอย่างไร ดังนั้นต้องเตรียมข้อมูลว่าเราทำอะไรไปแล้วอย่างไร ความบริสุทธิ์และสิ่งต่างๆ ที่ตั้งกติกากฎเกณฑ์มากมายก็สามารถตอบได้ ซึ่งประชาชนจะเป็นคนตัดสิน และขึ้นอยู่กับการลงมติ
    “ไม่เร็วมั้ง เป็นไปตามกติกา 1 ปีไง 1 ปีอภิปรายได้ 1 ครั้ง ถ้าไม่ยื่นตอนนี้แล้วจะไปยื่นตอนไหน ก็ต้องไปปีหน้า นี่เป็นหลักการของประชาธิปไตยไม่ใช่หรือ” พล.อ.ประยุทธ์ตอบถึงข้อถามว่าการเปิดอภิปรายเร็วไปไหม
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกระแสข่าวผลักดันให้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ขึ้นเป็นนายกฯ คนต่อไปว่า ก็พูดกันไป สื่อไปถาม พล.อ.ประวิตร ท่านก็ตอบว่ามั้ง สื่อก็นำไปพาดหัวกันทุกวัน ความจริง พล.อ.ประวิตรท่านไม่ได้พูดเช่นนั้น แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามเขาก็ต้องตอบ ถ้าไม่ตอบก็จะไปโกรธเขาอีก เรื่องนี้อย่าไปสานต่อเลย อีกทั้ง พล.อ.อภิรัชต์เขาก็ตอบแล้วว่าความตั้งใจเขามีอย่างไร แล้วการเป็นนายกฯ มันเป็นได้ง่ายนักหรืออย่างไร ใครจะมาเป็นมันไม่ง่ายนักหรอก 
    นายอนุทินกล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเช่นกันว่า สิทธิตามรัฐธรรมนูญไม่มีไวหรือไม่ไว เราเป็นรัฐบาลก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบตลอดเวลา เมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ถ้าฝ่ายค้านไม่ยื่นเขาก็เสียสิทธิ ถ้าเราเป็นฝ่ายค้านเราก็ยื่นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันเป็นสิทธิ อย่างน้อยเป็นโอกาสให้เขาได้ตรวจสอบ ได้นำข้อมูลต่างๆ มาแถลงต่อสภา ประชาชนจะได้ยินด้วย รัฐบาลก็ต้องขยันทำงาน ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"