บิ๊กตู่:ถ้าไปก็ต้องไป พร้อมเจอ‘เสรีพิศุทธ์’แจงกมธ.


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" ส่ายหน้าปม "เสรีพิศุทธ์" เชิญแจง กมธ. ลั่นถ้าจำเป็นไปก็ต้องไป ประธาน กมธ.ป.ป.ช.อัด "ดิสทัต" เสียมารยาท ไม่รู้หน้าที่มาถาม กมธ.เเทนนายกฯ ยันใช้อำนาจมาตรา 129 ขีดเส้น "ประยุทธ์-ประวิตร" ต้องมาชี้แจง 6 พ.ย.นี้อีกครั้ง  พร้อมขอข้อมูล ป.ป.ช.สอบ "นาฬิกาหรูยืมเพื่อน" ศาลอาญาคดีทุจริตรับคดีฟ้อง 7 กกต.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบปล่อย "ประยุทธ์" เป็นแคนดิเดตนายกฯ นัดฟังคำสั่ง 3 ธ.ค.นี้ 

    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 30 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แนะว่าควรให้ความร่วมมือกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน โดยทันทีที่นายกฯ ได้ยินคำถามถึงกับส่ายหน้าแสดงความเบื่อหน่าย พร้อมกับกล่าวว่า "ถ้าไปก็ต้องไป" 
    เมื่อถามว่าได้หารือกับฝ่ายกฎหมายหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า "เอาเหอะน่า อะไรที่ทำได้ผมก็ทำอยู่แล้วแหละ ไม่ต้องกลัวหรอก ขอบคุณๆ ผมรับไว้พิจารณาอยู่แล้ว"
     นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกฯจะต้องไปชี้แจงต่อ กมธ.หรือไม่ ว่ามันมีคำตอบ แต่ตนไม่อยากตอบในขณะนี้ เพราะอยู่ระหว่างขั้นตอนที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ขอความชัดเจนจาก กมธ.ว่าจะเอาอย่างไร จะเอาอะไรกันแน่ เมื่อชัดเจนแล้วถึงให้นายกฯ ตัดสินใจอีกครั้ง เพราะหนังสือที่ กมธ.มีมา มีความไม่ชัดเจนบางอย่าง
     ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณและการเสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 อยู่ในอำนาจของ กมธ.ชุดนี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คงต้องถามทาง กมธ.หรือสภามากกว่า เพราะเหตุนี้รัฐบาลจึงสอบถามไปว่าตามข้อบังคับการประชุมสภา ที่บอกอำนาจหน้าที่ของ กมธ.แต่ละคณะ กมธ.ชุดนี้มีหน้าที่สอบถามเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งใครมองก็น่าสงสัยอยู่ แต่ถ้าเขายืนยันกลับมาอย่างไรจะได้พิจารณาอีกที 
    เมื่อถามว่า เบื้องต้นได้ทำหนังสือไว้ชี้แจงแล้วหรือยัง หรือรอหนังสือตอบจาก กมธ.ก่อน นายวิษณุกล่าวว่า เป็นเรื่องของ สลน. และคำตอบจาก กมธ.จะนำมาพิจารณาว่าจะไปหรือไม่ไป เป็นอย่างที่ประธานสภาฯ แนะนำ หลักคือให้ความร่วมมือ แต่การจะร่วมมือต้องเป็นอำนาจหน้าที่ความสะดวก และความเหมาะสม นำมาประกอบแล้วค่อยว่ากันไป ส่วนการมีหนังสือสอบถามก็เข้าสู่เขตของการให้ความร่วมมือ แต่ยังไม่ เพราะสิ่งที่ กมธ.ต้องการคือ ให้ไปชี้แจง เมื่อยังไม่ได้ไปชี้แจงก็ยังไม่ได้ให้ความร่วมมือ  
    ที่รัฐสภา เวลา 09.30 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ประธาน กมธ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ กล่าวถึงกรณีที่นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ส่งหนังสือกลับมาทวงถามถึงอำนาจของ กมธ. ในการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มาชี้แจงว่า เบื้องต้นยังไม่ได้เห็นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ได้รับทราบจากการรายงานแล้ว และยืนยันว่าเราใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 129 วรรค 4 ในการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจง ซึ่งการออกหนังสือเชิญนั้นเป็นมติคณะ กมธ.ไม่ใช่ความเห็นของประธาน กมธ.สภาฯ เพียงคนเดียว
    “เมื่อไปพิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 วรรค 4 จะพบว่าเป็นเรื่องของ กมธ.กับผู้ที่ถูกเชิญเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ 3 และบุคคลอื่น ไม่สามารถที่จะส่งหนังสือมาถามในลักษณะนี้ได้ เพราะเรื่องที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรีถามมา ก็เป็นเรื่องที่นายกฯ และรองนายกฯ ต้องเป็นผู้มาตอบเอง การที่บุคคลอื่นมาสอบถามแทนเป็นเรื่องที่เสียมารยาท ความรู้ก็มีการศึกษาก็มี แต่กลับไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว และยืนยันว่า กมธ.จะเชิญนายกฯ และรองนายกฯ มาชี้แจงในเรื่องนี้ให้ได้ และจะเชิญบุคคลอื่นด้วย
บี้"บิ๊กตู่-ป้อม"มาแจง6พ.ย.
    เมื่อถามถึงหนังสือเลขาธิการนายกฯ สอบถามว่าเหตุใดจึงมีปัญหาแค่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่มีปัญหาในร่าง พ.ร.บ.อื่น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวถามตนไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่ของเขา คนอื่นจะตอบได้เพียงแค่นายกฯ ไม่ว่างหรือติดภารกิจเท่านั้น พร้อมย้อนถามว่า "นายกฯ ใช้คนแบบนี้เหรอ ถึงว่าเจ๊งไปหมด"
     ถามว่าตามกฎหมายนายกฯ ไม่ต้องมาชี้แจงก็ได้ เพราะไม่ใช่ข้าราชการประจำ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ไม่มีข้อยกเว้น ให้ไปดูมาตรา 129 เขาใช้คำว่าเชิญบุคคลใด ยกเว้นเพียงผู้พิพากษาที่กำลังพิจารณาคดี
    ต่อมาเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แถลงภายหลังการประชุม กมธ.ว่า วันนี้ได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2563 แต่ปรากฏว่าไม่มาชี้แจง อย่างไรก็ตาม กมธ.ได้พิจารณาถึงกรณีนายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึง กมธ. เพื่อสอบถามถึงการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจง ซึ่งกมธ.มีมติไม่รับพิจารณาหนังสือดังกล่าว และยืนยันจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรมาชี้แจงต่อ กมธ. ในวันที่ 6 พ.ย.อีกครั้ง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรได้ทำหนังสือขอเลื่อนมายัง กมธ. โดยระบุว่า ติดภารกิจเร่งด่วน ไม่สามารถมาชี้แจงได้ พร้อมกับชี้แจงมาสั้นๆ แต่ กมธ.พิจารณาแล้วต้องการการมาชี้แจงของ พล.อ.ประวิตร ไม่ใช่เขียนมาสั้นๆ แค่ 3 บรรทัด
    เมื่อถามว่า การเสนอร่างงบประมาณฯ ปี 2563 เกี่ยวข้องกับการทุจริตอย่างไรจึงต้องเชิญ พล.อ.ประยุทธ์มาชี้แจง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ชี้แจงว่า ไม่ขออธิบายตรงนี้ แต่จะซักถามใน กมธ.เคยเห็นรัฐมนตรีติดคุก เพราะการทุจริตงบประมาณหรือไม่ จะโยงให้เห็นว่าทุจริตงบประมาณกันอย่างไร ส่วนจะมาหรือไม่เป็นเรื่องของทั้งสองคน นายกฯ ตัดพี่ตัดน้องกับตน แต่ตนยังไม่ตัด ก็เลยเรียกมาชี้แจงซักถามคุยกันฉันพี่น้อง
    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวด้วยว่า กมธ.ยังพิจารณากรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ยื่นเรื่องให้ กมธ.ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตรนั้น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 129 วรรค 4 ไม่ให้กมธ.ยุ่งกับองค์กรอิสระ ซึ่งเราก็ไม่ได้ยุ่ง แต่ กมธ.มีมติให้ทำหนังสือถึงเลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวมาศึกษา โดยให้ส่งต่อ กมธ.ภายในวันที่ 15 พ.ย.นี้ หลังจากนั้น กมธ.จะตั้งคณะทำงานตรวจสอบต่อไป เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความสงสัยในมติ ป.ป.ช. ทำให้เกิดบรรทัดฐานยืมเพื่อนไม่ต้องชี้แจง ผิดเพี้ยนไปหมด ส่วนความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบพล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ถูกร้องเรียนวางตัวใช้ตำแหน่งหน้าที่ไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง และกรณีความไม่โปร่งใสการจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม กรมประชาสัมพันธ์นั้น ขณะนี้ได้รับเอกสารต่างๆครบถ้วนแล้ว จะตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบต่อไป
    ด้านนายชวน หลีกภัย กล่าวถึงกรณีที่ปรากฏตามสื่อว่าตนตำหนิการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่ากรณีที่ดังกล่าวตนไม่ได้วิจารณ์หรือตำหนิใคร แต่ที่ให้สัมภาษณ์เป็นข้อแนะนำให้ทราบว่าผู้ที่จะเชิญใครมาชี้แจง ผู้ได้รับเชิญควรจะมา ส่วนผู้เชิญมาก็ต้องมีวุฒิภาวะพอที่จะให้เกียรติเขา ผมไม่ได้ไปวิจารณ์หรือว่าใคร     
ฝ่ายค้านตีปี๊บซักฟอก
    นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รองประธาน กมธ.พิจารณางบประมาณฯ ประจำปี 2563 เปิดเผยว่า การพิจารณางบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ตั้งงบไว้ 7.5 พันล้านบาท ยังคงมีข้อสงสัยในหลายประการที่ผู้แทนกระทรวงตอบคำถามของ กมธ.ไม่ชัดเจน โดย กมธ.ได้ตั้งข้อสังเกตกรณีสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ใช้งบ 203 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารที่ทำการคณะผู้แทนการค้าไทยถาวรประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญา ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่าคุ้มค่าหรือไม่  เนื่องจากงบประมาณปี 2563 เป็นงบประมาณขาดดุล และกู้เงินจากต่างประเทศมาทำงบประมาณเกือบ 5 แสนล้านบาท ซึ่งตนได้ขอสงวนคำแปรญัตติเอาไว้พูดกันในสภา ชาวบ้านจะตายอยู่แล้วยังจะใช้เงินแบบนี้อีก หากให้หนึ่งกระทรวง เกรงว่าในอนาคตจะมี อีกหลายหน่วยงานของบเพื่อซื้ออาคารเช่นเดียวกับกระทรวงพาณิชย์
    นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การประชุม กมธ.ป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางมาตามคำเชิญของ กมธ. โดยชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับกรณีการใช้งบประมาณจำนวน 15,800 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ซึ่งถือว่าชี้แจงได้ในระดับหนึ่ง และยืนยันว่าการใช้จ่ายงบโปร่งใส ไม่มีปัญหาคอร์รัปชัน ส่วนกรณีการใช้จ่ายงบประมาณ 15,800 ล้านบาท ที่มีปัญหาจ่ายเงินไม่เหมาะสมนั้นอ้างว่าเป็นเรื่องที่สำนักงบประมาณดำเนินการ ทางกระทรวงมหาดไทยแค่ทำเรื่องของบประมาณเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้กำหนดว่าจังหวัดไหนควรได้เท่าไหร่ รวมทั้งใกล้สิ้นปีต้องเร่งใช้จ่ายงบ กมธ.จะเร่งตรวจสอบการอย่างเข้มงวดต่อไป โดยเฉพาะโครงการถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ที่มหาดไทยมีการกันงบประมาณไว้หลายพันล้านบาท เพราะในความเป็นจริงถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ใช้งานไม่ได้และไม่เหมาะสมกับงบประมาณ
    “ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจกระทรวงมหาดไทย คงจะเป็นหนึ่งในกระทรวงที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายอย่างแน่นอน เพราะการใช้จ่ายงบประมาณหลายโครงการไม่โปร่งใส รวมทั้งการตอบคำถามกรรมาธิการเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณก็ยังไม่ชัดเจนในหลายประเด็น” นายวิสารกล่าว
    น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมนำมาสรุปหลังเปิดสมัยประชุมสภาสมัยสามัญวันที่ 1 พ.ย. ข่าวที่ออกมาว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งเป้าอภิปรายรัฐมนตรีคนนั้นคนนี้ จึงมีมูลความจริงเพียงแค่ส่วนเดียว ตอนนี้เรายังไม่ได้ล็อกเป้าที่ใครเป็นพิเศษ ทั้งนี้เรามีข้อมูลครบถ้วนชัดเจนพอสมควร แต่การจะตัดสินใจยื่นอภิปรายหรือไม่ และล็อกเป้ารัฐมนตรีคนใดเป็นพิเศษ ต้องขึ้นอยู่กับผลการประชุมของพรรคร่วมฝ่ายค้านหลังเปิดสมัยประชุมอีกครั้ง ถ้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในปีปฏิทินนี้ เรามีหมัดเด็ดแน่นอน 
    ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมโดยมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน โดยสั่งการให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเตรียมพร้อมชี้แจงงบประมาณประจำปี 2563 ต่อสภา ถึงความจำเป็นเหตุผลการใช้งบหรือกรรมาธิการทหารที่เกี่ยวข้อง และยืนยันว่าจะใช้กลไกสภาในการชี้แจงทำความเข้าใจกันถึงเหตุผลและความจำเป็นในการใช้งบของกระทรวงกลาโหม จะไม่พูดผ่านสื่อ เพราะจะเกิดการโต้ตอบกันไปมา และทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน วันนี้เป็นการใช้กลไกสำคัญในการพูดคุยทำความเข้าใจกันจะเป็นการตั้งข้อสังเกตการณ์ เหตุผลความจำเป็น ก็จะเป็นวิถีทางประชาธิปไตย
    เมื่อถามว่า กมธ.ทหารเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพไปชี้แจงเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ จะต้องไปหรือไม่ พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ต้องพิจารณาตรวจสอบในข้อกฎหมายและวิธีปฏิบัติ อันไหนที่เป็นข้อกฎหมายที่จำเป็นก็ต้องไป ส่วนไหนเกี่ยวข้องกับวิธีปฏิบัติที่ส่งตัวแทน
    มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เน้นย้ำในที่ประชุมสภากลาโหมโดยให้ ผบ.เหล่าทัพเตรียมพร้อมในการชี้แจงงบในส่วนของแต่ละเหล่าทัพ เพราะอาจจะโดนหนักหน่อย เนื่องจากตนเองเป็นนายกฯที่มาจากทหาร
"ธนาธร"นำสอบส.ส.กบฏ
    ด้าน น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของพรรค กรณีลงมติเห็นด้วยกับการลงมติรับหลักการวาระ 1 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 และลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ที่เป็นการโหวตสวนมติพรรค ซึ่งมี ส.ส.เข้าชี้แจงจำนวน 5 คน รวมถึง น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ จากทั้งหมด 9 คน
    น.ส.กวินนาถเปิดเผยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนค. เป็นผู้ซักถามด้วยตัวเอง ซึ่งตนได้ชี้แจงถึงเหตุผลในการลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ว่าเนื่องจากเป็นกฎหมายสำคัญที่มีผลต่อการจัดสรรงบประมาณในพื้นที่ และเห็นว่าเป็นเพียงการลงมติในชั้นรับหลักการเท่านั้น ยังต้องมีการปรับปรุงแก้ไขอีก จึงตั้งใจรับหลักการเพื่อให้มีการปรับปรุงแก้ไขต่อไป หากย้อนเวลาได้ คงไม่โหวตสวนมติพรรคในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เพราะขณะนี้ได้รับผลกระทบมาก และรู้สึกหนักใจ โดยเฉพาะท่าทีจากเพื่อน ส.ส.ในพรรคหลายคนที่เปลี่ยนไปมาก หมางเมินและบางคนไม่คุยด้วย เหมือนถูกแยกออกจากพรรค ทำให้รู้สึกกดดัน และอึดอัด
     "ขณะนี้ยังไม่ได้วางแผนไว้ว่าหากถูกขับออกจากพรรคจะย้ายไปอยู่พรรคใด และยังไม่มีพรรคใดติดต่อมาอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงแต่พูดคุยหยอกล้อกันเท่านั้น และไม่มั่นใจว่าจะถึงขั้นถูกขับออกจากพรรคหรือไม่ ตอนนี้ตอบอะไรไม่ได้ อ่านใจผู้บริหารพรรคไม่ออก" น.ส.กวินนาถกล่าว 
    ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.เขต 5 นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา เข้ารับหนังสือรับรองการเป็นสมาชิก ส.ส.ที่ชั้น 5 สำนักงาน กกต. 
    ขณะที่นายสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้รับหลักฐานสลิปโอนเงินของนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย โดยเป็นการทำธุรกรรมผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาสะพานใหม่ดอนเมือง โดยการฝากโอนเงินสดจำนวน 1,000,000 บาท ผ่านระบบบัญชีไปยังบัญชีออมทรัพย์ของหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2562 โดยไม่ทราบเหตุผลใดๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ จึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปร้องต่อ กกต. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและสอบสวน เพื่อตรวจสอบเส้นทางทางการเงินว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายและมีเหตุผลรองรับหรือไม่ โดยจะเดินทางไปยื่นเรื่องในวันที่ 31 ต.ค.62 เวลา 10.00 น.
    ด้านนายพิเชษฐให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอยู่ว่าเอกสารดังกล่าวหลุดออกมาได้อย่างไร เพราะเป็นบัญชีส่วนตัว และเงินไม่ได้ออกจากบัญชีตน แต่มีชื่อของตนนำเงินสดไปฝากเข้าบัญชีคนนี้ ซึ่งบังเอิญเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ตนจะให้ใครยืมเงินเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นเรื่องธรรมดา แต่สงสัยว่าเอกสารหลุดออกมาได้อย่างไร จึงต้องมีการตรวจสอบ และเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย.แล้ว 
    "คาดว่าอดีตเลขาฯ พรรคผมที่ถูกผมขับออกจากพรรคติดต่อไปยังนายศรีสุวรรณใช่หรือไม่ เพราะผมมีหลักฐานซึ่งเป็นไลน์ที่อดีตเลขาฯ ติดต่อพูดคุยกับนายศรีสุวรรณ และผมเองก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร มีปัญหาแต่กับอดีตเลขาฯ พรรคคนเดียว" นายพิเชษฐ กล่าว 
รับคดีปล่อย"บิ๊กตู่"ลงนายกฯ
     ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลได้อ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ (นางอุบลรัตน์ ลุยวิกัย ในขณะนั้น) วท. 12/ 2562 ศาลอุทธรณ์ที่มีคำวินิจฉัยลงวันที่ 4 ก.ย.2562 ในคดีหมายเลขดำที่ อท.54/2562 ที่นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กับพวกรวม 2 คนยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กับพวกซึ่งเป็น กกต.รวม 7 คน ขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง 7 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 43 พ.ร.ป.กกต.2560 มาตรา 29 ประกอบมาตรา 25 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 23 ประกอบมาตรา 149 และมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้ง 7 มีกำหนด 20 ปี
    ศาลชั้นต้นเห็นว่า กรณีมีปัญหาว่าคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบหรือไม่ จึงมีคำสั่งให้ส่งสำนวนมายังศาลอุทธรณ์ เพื่อให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ 2559 มาตรา 11 โดยในวันอ่านคำสั่งของประธานศาลอุทธรณ์ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ที่ 1 และเป็นตัวโจทก์ที่ 2 เดินทางมาศาล พร้อมกับทนายโจทก์ทั้งสอง
    พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้ง 7 จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 23 ประกอบมาตรา 149 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.2560 มาตรา 21 ประกอบ 22 และมาตรา 38 ไม่ตรวจคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐแจ้งว่าจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และร่วมกันออกประกาศ กกต.เรื่องการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้สภาพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกฯ ฉบับลงวันที่ 11 ก.พ.2562 ให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่พรรคพลังประชารัฐแจ้งว่าจะเสนอสภาพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกฯ ลำดับที่ 30 เพื่อให้เป็นคุณแก่พรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 มี.ค.2562 (เลือกตั้งล่วงหน้า) และในวันที่ 24 มี.ค.2562 (เลือกตั้งทั่วไป) ทั้งเมื่อนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบการคัดเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จำเลยทั้ง 7 ก็มิได้วินิจฉัยชี้ขาดข้อโต้แย้งดังกล่าว 
    ต่อมาเมื่อนายวิญญัติ ชาติมนตรี ยื่นหนังสือคัดค้านการประกาศรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ และขอให้เพิกถอนชื่อบุคคลดังกล่าว จำเลยทั้ง 7 ยังคงให้มีการประกาศ กกต. เรื่อง การแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกฯ อยู่ต่อไป เมื่อนายเรืองไกรยื่นหนังสือขอให้ กกต.วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ จำเลยทั้ง 7 ไม่ดำเนินการตามหน้าที่สั่งให้ระงับยับยั้งหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้การเลือกตั้งการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมายกับให้พล.อ.ประยุทธ์สามารถรณรงค์หาเสียงหรือขึ้นเวทีปราศรัยได้ ซึ่งความจริงในฐานะหัวหน้า คสช.เป็น “ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ไม่มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามการเป็นนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 และ พ.ร.ป.ด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 13, 44 การกระทำของจำเลยทั้ง 7 เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.กกต.มาตรา 5 ประกอบมาตรา 25 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 23 ประกอบมาตรา 144
    เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้ง 7 โดยจำเลยที่ 1 เป็นประธาน กกต.จำเลยที่ 2-7 เป็น กกต.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 23 ประกอบมาตรา 149 และ พ.ร.ป.กกต.2560 มาตรา 38 กำหนดว่าในการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยทั้ง 7 ให้ถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นคดีทุจริตและประพฤติมิชอบอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2555 มาตรา 3 วรรคหนึ่ง (1) วินิจฉัยว่าคดีนี้อยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จึงมีคำสั่งให้รับคดีไว้ตรวจฟ้องนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา (ในชั้นตรวจฟ้อง) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"