ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังกลายเป็นปัญหาการเมือง


เพิ่มเพื่อน    

                อันที่จริง...ย่อมเป็นที่รับรู้ รับทราบ กันโดยทั่วไป และออกจะเห็นพ้องต้องกันโดยเอกฉันท์ ไม่ว่าโดยทัศนะ มุมมอง ขององค์กร สถาบัน หรือสำนักใดๆ ก็แล้วแต่ ว่าภาวะความเป็นไปทางเศรษฐกิจไม่ว่าประเทศไหนต่อประเทศไหน ไปจนถึงระดับโลกทั้งโลกนับวัน...มีแต่จะ แย่...กับ...แย่ อย่างมิพึงต้องสงสัย และโดยมิอาจปฏิเสธได้เป็นอันขาด...

                                                                  ------------------------------------------------

                แต่สิ่งที่ยังไม่ถึงกับถนัดชัดเจนลงไปมากมายซักเท่าไหร่...ก็คืออาการ  แย่...กับ...แย่ ที่ว่า มันจะหนักหนา สาหัส อ้วกแตก อ้วกแตน รากเขียว รากเหลือง หรือ รากเลือด กันไปถึงขั้นไหน เพราะแต่ละประเทศไม่เพียงแต่จะมีกรรมวิธี ในการรับมือกับฉากสถานการณ์แต่ละรูป แต่ละแบบ ในลักษณะผิดแผกแตกต่างกันออกไป อีกทั้งโดยเงื่อนไข เหตุปัจจัย ของแต่ละประเทศ ย่อมต้องไม่เหมือนกันอยู่แล้วแน่ๆ การคาดคะเนถึงความหนักหน่วง รุนแรงของภาวะเศรษฐกิจ ไม่ว่าในระดับโลก หรือระดับประเทศก็แล้วแต่ เลยมีทั้งออกไปทางโลกสวย และโลกที่โหดร้ายอำมหิต มีทั้งแง่บวก แง่ลบ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใกล้เคียง โลกแห่งความเป็นจริง ได้มาก-น้อยไปกว่ากัน...

                                                                   ------------------------------------------------

                ประเภทที่หนักไปทาง ซาดิสต์ คือมองไปถึงขั้นเห็นภาวะถดถอย แพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลก หรือถอยกันในระดับย้อนกลับไปสู่สภาวะเดียวกันกับช่วงปี ค.ศ.2008 (วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์) หรือแม้แต่ ค.ศ.1930 (Great Depression) เห็นการแตกระเบิดของ มารดาแห่งฟองสบู่ เอาเลยถึงขั้นนั้น ฯลฯ ก็พอจะมีอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ แม้ว่าโดยส่วนใหญ่ยังคงออกไปทาง โรแมนติก คือยังคิดว่าลักษณะอาการดังกล่าวน่าจะเป็นภาวะแค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว เมื่อไหร่ที่อเมริกาหันมา จูบปาก กับจีน เลิกง่องๆ แง่งๆ กันในเรื่อง สงครามการค้า ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะเดินหน้า หรือน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...

                                                                   ---------------------------------------------------

                แม้ว่าการจูบปากกันระหว่างจีนกับอเมริกา...ออกจะเป็นอะไรที่ยากเอามากๆ โดยเฉพาะในแง่ของ  ยุทธศาสตร์ หรือในแง่ของจุดยืน ทัศนคติ และวิธีการในด้านความมั่นคงของแต่ละประเทศ ที่เป็นคนละเรื่อง คนละม้วน คนละเบอร์ มาโดยตลอด หรือหนักไปทางต่างฝ่ายต่างคิดจะฉวยโอกาส กระโดดกัดหู กันและกันซะล่ะมากกว่า แต่กระนั้น...ก็ยังทำให้พวก โลกสวย พยายามปลอบอก ปลอบใจ ตัวเอง ว่าภายในโลกอันกว้างขวาง ใหญ่โต เต็มไปด้วยพื้นที่ว่างอีกเป็นจำนวนเยอะแยะมากมาย น่าจะทำให้ อภิมหาอำนาจ ทั้งสองฝ่าย พอที่จะ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ได้บ้าง แบบที่พวกโลกสวยเมื่อยุคอดีตหลายต่อหลายพันปีที่แล้ว เคยหวังๆ ไว้ว่า โรม กับ คาร์เธจ น่าจะอยู่ร่วมกันได้สบายๆ ไม่ถึงกับต้องรบราฆ่าฟันกันใน สงครามปูนิก หรือ พิวนิก อะไรประมาณนั้น...

                                                                    -----------------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...การประเมินถึงผลกระทบความหนักหน่วง รุนแรง ทางเศรษฐกิจ ของแต่ละสำนัก แต่ละองค์กร จึงมีความหนัก-เบา ผิดแผกแตกต่างกันออกไป และทำให้ การตั้งรับ กับฉากสถานการณ์ในแต่ละรูปแต่ละแบบ มีทั้งอ่อนทั้งแก่ เข้มมาก-เข้มน้อย ไปตามลำดับ โดยไม่ว่าใครประเมินผิด-ประเมินถูก ใครมองโลกใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากหรือน้อยขนาดไหน แต่สิ่งที่น่าสนใจเอามากๆ โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ นี้ ก็คือการแปรรูป แปรร่าง การกลายรูป กลายร่าง ของปมปัญหาเศรษฐกิจ ที่มักนำไปสู่  ปรากฏการณ์ทางการเมือง อันน่าตกตะลึงพรึงเพริด ชนิดแทบไม่น่าเชื่อก็ยังต้องเชื่อกันจนได้...

                                                                 ----------------------------------------------------------

                นั่นก็คือ...ความรุนแรงของ การประท้วง ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลก ซึ่งมักมีจุดเริ่มต้นจาก ปัญหาเศรษฐกิจ ตั้งแต่ระดับเล็กๆ น้อยๆ ประเภทการขึ้นภาษี ขึ้นค่าบริการ การเพิ่มค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระกับผู้คนไม่ว่าส่วนมากหรือส่วนน้อย ไปจนถึงระดับที่ต่อให้พระนารายณ์อวตารมาจุติ ยังไงๆ ก็แก้แทบไม่ได้ เช่นสภาวะความเหลื่อมล้ำระหว่างความรวย-ความจน คนรวย-คนจน ที่เป็นปัญหาโลกแตกมาโดยตลอด ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนๆ ก็แล้วแต่ โอกาสที่จะบานปลาย ขยายตัว กลายไปเป็น ปัญหาทางการเมือง มันชักมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดทำให้แทบทั้งโลก ต้อง ตกอยู่ในเปลวเพลิง แห่งการประท้วงลุกลามไปทั่วทุกทวีปไปแล้วก็ว่าได้...

                                                                 ------------------------------------------------------

                อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา พึงต้องระมัดระวังเอาไว้มั่ง โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับข้อกล่าวหาในเรื่อง รวยกระจุก-จนกระจาย ตลอดช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งข้อกล่าวหาของบรรดาผู้ประสงค์จะกล่าวร้ายแต่ไม่ประสงค์จะออกนามอีกเป็นจำนวนไม่น้อย ที่กำลังส่งผลให้ปมประเด็นปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจ อาจไม่ใช่แค่เรื่อง ตัวเลข ล้วนๆ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับ อารมณ์-ความรู้สึก อย่างมิอาจแยกออกจากกันได้ง่ายๆ การหาทาง ตั้งรับ เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ ด้วยทัศนะ มุมมอง ที่ใกล้เคียงกับ โลกแห่งความเป็นจริง ชนิดมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ จึงถือเป็น โจทย์ ข้อใหญ่และสำคัญซะยิ่งกว่าเรื่องขี้หมูรา ขี้หมาแห้งทางการเมือง ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...

                                                                  ----------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Aesop’s Fable... A humble life with Peace and Quiet is better than a splendid one with danger and risk.- ชีวิตที่เรียบง่าย อ่อนน้อม เพียบพร้อมด้วยสุขสันติ ย่อมดีกว่าชีวิตที่หรูหรา แต่เต็มไปด้วยภยันตรายและความเสี่ยง...

                                                                     ------------------------------------------------------ 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"