โชว์ยอดชิมช้อปใช้วันหยุด คลังฟุ้งเงินสะพัดหมื่นล้าน


เพิ่มเพื่อน    

 "คลัง" โชว์ยอดชิมช้อปใช้ช่วงหยุดยาว 4 วัน ประชาชนใช้จ่ายคึกคัก เงินสะพัดหมื่นล้านบาท ด้านกรมบัญชีกลางเตรียมจับมือ ธ.กรุงไทย-ททท.จัดแคมเปญกระตุ้นท่องเที่ยวปลายปี สรรพากรวอนพ่อค้าแม่ค้าคลายกังวลถูกตรวจสอบบัญชีเพิ่ม "ธนกร" ดีดปาก "เจ๊หน่อย" ถ้าไม่พูดก็คงไม่มีใครว่า 
     นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยว่า ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 2-5 พ.ย.62 ติดต่อกัน 4 วัน เพื่อลดปัญหาการจราจรรองรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มีประชาชนออกมาใช้จ่ายเงินผ่านโครงการชิมช้อปใช้ 1 และ 2 จำนวนมาก  โดยข้อมูล ณ วันที่ 3 พ.ย.62 มียอดการใช้จ่ายรวม 10,667 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านชิม 1,460.1 ล้านบาท ร้านช้อป 6,171.7 ล้านบาท ร้านใช้ 141.7 ล้านบาท และร้านค้าทั่วไป 2,893.8 ล้านบาท
    "จากการลงพื้นที่ติดตามผลอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ พบว่าร้านค้ารายย่อยและวิสาหกิจชุมชนสามารถเพิ่มยอดขายได้อย่างน้อย 30% และบางพื้นที่ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 100% แสดงว่าเงินสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมชิมช้อปใช้แล้ว 180,000 ร้านค้า กระจายอยู่ 77 จังหวัดทั่วทั้งประเทศ" นายชาญกฤชกล่าว
    น.ส.วิลาวรรณ พยาน้อย รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางและธนาคารกรุงไทยจะร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญใหญ่โหมกระหน่ำลดราคา เพื่อดึงนักท่องเที่ยวออกไปเที่ยวช่วงปลายนี้ และกระตุ้นให้ผู้ได้รับสิทธิ์ชิมช้อปใช้นำเงินของตัวเองออกมาใช้จ่ายให้มากขึ้น ซึ่งจะมีการโครงการออกมาเร็วๆ นี้ โดยเป็นสิทธิเพิ่มเติมจากเดิมที่ให้เงินผ่านชิมช้อปใช้ วงเงิน  30,000 บาทแรกได้รับคืนเงินแคชแบ็ก 15% และหากซื้อเกิน 30,000-50,000 บาท ได้รับคืนเงินแคชแบ็ก 20% ของเงินใช้จ่ายแต่ไม่เกิน 8,500 บาท
     นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ได้สั่งการให้สรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ เร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ร้านค้า โรงแรม ร้านค้าโอทอปที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้ ว่าไม่ต้องกังวลจะถูกนำข้อมูลการค้าขายผ่านโครงการชิมช้อปใช้ไปเรียกเก็บภาษีเพิ่ม เพราะกรมฯ ยืนยันว่าจะไม่นำข้อมูลมาเรียกเก็บภาษีเพิ่มแน่นอน ดังนั้นให้ผู้ประกอบการมีความเข้าใจและเปิดรับชำระเงินจากกระเป๋า 2 ในโครงการด้วย
     ส่วนที่มีร้านค้าบางแห่งกลัวว่าหากรับเงินจากโครงการชิมช้อปใช้ โดยเฉพาะจากกระเป๋า 2 เข้ามามากๆ จะทำให้มียอดโอนเงินเข้าบัญชีเกิน 3,000 ครั้งต่อปี หรือมียอดรับโอนตั้งแต่ 400 ครั้ง และรวมเกิน 2 ล้านบาท จนทำให้ถูกสรรพากรเข้ามาตรวจสอบบัญชีนั้น ขอยืนยันว่าร้านค้าจะยังไม่ถูกตรวจสอบเช่นกัน เพราะขณะนี้กฎหมายยังไม่ใช้และอยู่ระหว่างการจัดทำกฎหมายลูกอยู่ ซึ่งจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็วๆ นี้ จึงยังไม่มีผลให้เข้ามาตรวจสอบยอดโอนเงินในบัญชีได้
     โดยที่สำคัญในกรณีผู้ที่เป็นเจ้าภาพงานบุญกฐินและเจ้าภาพงานบุญทอดผ้าป่า รวมถึงผู้รับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่างๆ นั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากแม้จะมียอดโอนเงินเข้ามาเกินที่กำหนด แต่กรมสรรพากรจะไม่เรียกเก็บภาษีเพิ่มโดยทันที แต่จะมีการตรวจสอบเปรียบเทียบรายได้กับปีที่ผ่านมา รวมถึงความถี่ในการโอนแต่ละช่วงว่าสอดคล้องกับช่วงการรับบริจาคหรืองานบุญกฐินหรือไม่ ตลอดจนความเหมาะสมของยอดเงินด้วย เพื่อให้มีความเป็นธรรมมากที่สุด
    "ขอให้ประชาชนที่เป็นเจ้าภาพจัดงานกฐินงานบุญต่างๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องถูกเรียกเก็บภาษี  เนื่องจากมียอดธุรกรรมเกินกว่า 3,000 ครั้ง เพราะกรมฯ จะตรวจสอบข้อมูลและที่มาที่ไปของเงินหรือรายได้ที่รับ รวมถึงเรียกเข้ามาสอบถามในรายละเอียด ซึ่งไม่ได้หมายความว่าหากโอนเกินแล้วจะต้องเรียกเก็บภาษีเพิ่มทุกกรณี" นายเอกนิติกล่าว
    นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่าไม่เคยแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง มักอ้างนักการเมืองและผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไม่ค่อยดีนักเนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกจริงๆ ซึ่งทุกประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบหมด รัฐบาลจึงออกมาตรการต่างๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงให้เศรษฐกิจประคองไปได้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการชิมช้อปใช้ มาตรการประกันรายได้เกษตรกร การส่งเสริมการท่องเที่ยว 
    "ถ้าคุณหญิงสุดารัตน์ไม่พูดก็คงไม่มีใครว่า แต่ทางที่ดีหากมีข้อเสนอแนะอะไรดีๆ ก็น่าจะนำเสนอมา ไม่ใช่พูดไปเรื่อย เอาความสะใจไปวันๆ รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและตั้งใจทำงานเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ คุณหญิงสุดารัตน์ควรเอาเวลาไปช่วยดูแลพรรคเพื่อไทยบ้างดีกว่า เห็น ส.ส.หลายคนก็บ่นๆ อยู่"
    นายธนกรกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำงานเพื่อพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ที่สำคัญไม่เคยอุ้มนายทุนขนาดใหญ่หรือคนรวยตามที่คุณหญิงกล่าวหา ไม่เหมือนอดีตผู้นำบางคน ไปปราศรัยที่นครสวรรค์ แล้วบอกว่าจะช่วยจังหวัดที่เลือกพรรคของท่านก่อนเท่านั้น 
    เขากล่าวว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เอสเอ็มอี แรงงาน สิ่งเหล่าพี่น้องประชาชนทราบดี มีเพียงคุณหญิงสุดารัตน์ที่ไม่ยอมเปิดรับ อยากให้เปิดใจให้กว้าง ทำจิตใจให้สงบ  แล้วจะสัมผัสถึงความรักชาติรักประชาชนของ พล.อ.ประยุทธ์ คุณหญิงสุดารัตน์จะได้เข้าใจ มาช่วยกันเพื่อบ้านเมืองจะดีกว่า เพราะการเล่นเกมการเมืองมากจนเกินไปประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"