แพมมี่ สุธิดา นักแสดงสาวผู้รับบท "ใบข้าว" จากภาพยนตร์ไทบ้านเดอะซีรีส์ ที่ก่อนหน้านี้ได้ไปแจ้งความหลังตกเป็นเหยื่อแชร์แม่มณี สูญเงินกว่า 6 แสนบาท ล่าสุด เจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow พร้อมยืนยันว่าตนไม่ใช่แม่ข่ายของแม่มณีแน่นอน
          "คือเป็นคนอุดร แล้วแม่มณีก็เป็นคนอุดร แล้วมีช่วงหนึ่งเราไปงานวันเกิดเพื่อน แล้วก็ไปเจอกับแม่มณี ตอนนั้นเขาก็ชักชวนว่ามีการออมเงินนะ แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ทำ ตอนแรกไม่รู้จัก ก็เลยไม่คิดจะไปลงทุนอะไรตรงนั้น แต่เราก็ไปศึกษา เขามีรถสปอร์ตนะ มีห้างทอง มีบ้านอยู่ที่อุดร แล้วก็ที่กรุงเทพฯ มันก็สร้างความน่าเชื่อถือ เขาก็บอกว่าเขาทำรายการ ซุปตาร์พาเลาะ แล้วก็จะทำหนังของ GMM25 เราก็ศึกษาประมาณ 3 เดือน แต่สุดท้ายลงทุนเพราะเพื่อน ก็คือเพื่อนได้เงิน ได้กำไรกันเยอะ เพื่อนลงกันตั้งแต่แรกๆ เขาก็ได้กำไรมาหลายคน เราก็ดูความเป็นไปได้ก่อนอยู่แล้วเพื่อนได้กำไรเป็นแสน บางคน 6 แสน เป็นล้านก็มี คือเพื่อนลงทุนหลายงวด เขาก็มาบอกเราว่าเนี่ยมันได้ 93% นะ เราก็เลยเข้าไปศึกษาดู แล้วเราก็ลองดู เพราะว่าเห็นผลตอบแทนใครๆก็อยากได้ หนูก็รู้ว่าหนูมีความโลภเป็นของตัวเองด้วย

 

 

          ตอนแรกหนูก็คิดนะว่าเขาอาจจะเอาเงินของหลายๆคนมาหมุนกัน เรากะว่าจะเล่นจนเราได้กำไรมาในเดือนนี้เราอาจจะเลิกเล่น ตอนแรกลงไป 1 แสนบาท ยังไม่ได้เงินคืนเพราะยังไม่ถึงรอบ เราก็คิดอยู่แล้วว่าเราจะได้เงินคืนมา หน้าตาทางสังคม ที่เขาสร้างโปร์ไฟล์ขึ้นมา โปร์ไฟล์ดีใครๆก็อยากร่วมลงทุนด้วย เราไม่ได้ลงทุนกับแม่มณีโดยตรง แต่เรากับแฟนของแม่มณี คือเขาเคยเป็นนักร้องที่อุดร ก็ไม่ได้รู้จักสนิท รู้จักผ่านๆเพื่อน
          6 แสนนี่คือหนูจะแบ่งเงินเป็นสัดส่วน ด้วยภาระหน้าที่หนูเยอะด้วย แล้วเราทำงานมาตั้งแต่เด็กพอที่จะมีเงินเก็บบ้าง พอที่จะมาแบ่ง เราก็คิดว่าอันนี้ได้เงินมา 6 แสน ได้ดอกมา เราอาจจะเอาไปใช้จ่ายในการซื้อบ้านอะไรอย่างนี้
          แรกๆหนูไม่ได้คิดว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะว่าตอนแรกที่เขาอธิบายให้ฟังเป็นการออมเงิน มันไม่ใช่การกู้ด้วย เพราะว่าได้ 93% เป็นการออมเงิน 1 เดือน แต่ของหนูยังไม่ได้ พึ่งฝากเดือนแรกยังไม่ถึงวันที่นัดรับเงิน ก็เกิดเรื่องก่อน ใส่ไปแสน แล้วก็ใส่ไปแสน แล้วก็ใส่ไปแสนห้า ไม่มีคนชักชวน แต่ว่ามีเพื่อนที่ได้เขาก็ฝากแบบวันต่อวัน

 

 

          กว่าจะได้ 6 แสนมา หนูทำงานมาตั้งแต่ 16 ตอนนี้ 24 เริ่มเลยก็คือทำพิซซ่า สเวนเซ่น แล้วได้เข้าไปร้องเพลงเป็นวงดนตรีที่อุดร พอเริ่มมีคนติดตามในเฟซบุ๊กก็มีคนจ้างรีวิวบ้าง แล้วพอได้มาเล่นหนัง เขาก็มีการจ้างไปเล่นคอนเสิร์ตบ้าง
          พอเราได้ยินข่าวโกง เพื่อนคนที่เคยได้เงินบอกว่ามันเคยมี แกเคยล่าช้า แต่แกก็จ่ายนะ หนูเพิ่งแจ้งความ แล้วข่าวก็ดัง คนก็ด่าหนู ก็จะว่าหนูโลภ ทำไมไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่นประมาณนี้ ถ้าถามว่าจะได้เงินคืนไหมก็ 10 ใน 100 ถ้าได้ก็เป็นความโชคดีของเรา แต่ถ้าเกิดว่าไม่ได้ก็เดี๋ยวเราทำงานหาเอาใหม่ก็ได้ เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราผิดด้วยที่เอาความโลภมาบดบังทุกอย่างเลย ถามว่าทวงไหม เราก็ได้ทวงถามกับตัวแฟนเขาว่าจะได้คืนไหม อะไรอย่างนี้ เขาก็ไม่ตอบ เขาหายไป ตอนนั้นหนูคิดว่ายังไงเขาก็ต้องกลับมาอุดร เพราะพ่อ แม่เขาอยู่ที่นี่ ยังไงก็ต้องเจอกันบ้าง
          ถ้าเจอเขาจะบอกอะไรเขา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดยังไง ถ้ามันจะผิด มันก็ผิดที่เราด้วย แล้วก็ผิดที่เขาด้วย ที่เขามาโกง เพื่อนๆ คนเกือบครึ่งอุดร เล่นกันเยอะมาก 100-200 คน คือบางคนเขาก็เคยได้เงินแล้วบ้าง แต่ว่าเพื่อนที่แนะนำเราเขาก็จะจ่อยหน่อย จุดที่ต้องออกมาแจ้งความคือ จุดที่แกโดนจับแล้ว แล้ว DSI บอกว่าต้องมาแจ้งความถึงจะได้เงินคืน อาจจะไม่ได้ครบ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้

 

 

          ที่ออกมารายการในวันนี้เลย คืออยากจะมาเคลียร์ว่าเราไม่ใช่แม่ข่าย ถ้าเกิดเป็นแม่ข่ายเราจะกระตือรือร้นตั้งแต่แรกๆแล้ว แต่คราวนี้พอเราเป็นผู้เสียหายคนเดียว โดนด่าคนเดียว ก็เลยต้องออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าเราไม่ใช่แม่ข่ายนะ
          ความรู้สึกตอนนี้ ตอนไปแจ้งความข่าวลงเร็วมาก ภายใน 1 ชม. คนด่าเยอะมา ซึ่งเราไม่เคยโดนด่า เรารู้สึกว่าเราทำอะไรผิดเหรอ เราก็อยากได้อยากมีเหมือนคนอื่นเขาเหมือนกัน เราแค่ลองเสี่ยงดู ถ้ามันได้ก็โชคดีของเรา การลงทุนคือความเสี่ยง เพราะว่าหลายๆคนทำธุรกิจเขาก็เสี่ยงที่จะได้เงินคืนมาเหมือนกัน หนูก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ลองเสี่ยงดู ด้วยภาระหน้าที่หนูก็มีแม่ น้อง ที่ต้องดูแล ค่ารถ แล้วจะกู้บ้านด้วย หนูก็อยากจะขอโทษ ขอโอกาสในการทำงาน ขอโทษที่ทำผิดพลาดไป ที่เอาเงินไปลงทุนในส่วนนั้นเป็นตัวอย่างไม่ดี ถ้าผู้จัดหรือใครที่สนใจให้ไปทำงานก็สามารถเรียกได้"