ว่าด้วย 'ทางสายกลาง' (อีกครั้ง)


เพิ่มเพื่อน    

      คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ลักษณะอาการ สวิงไป-สวิงมา หรืออาการ สุดโต่ง ไปในด้านใด ด้านหนึ่งนั้น ไม่ว่าจะดีหรือเลว ถูกหรือผิด แต่ออกจะเป็นอะไรที่สอดคล้อง กลมกลืน ไปกับสภาวะความเป็นไปของสังคมแทบทุกๆ สังคม ไม่ว่าสังคมบ้านเรา หรือแม้แต่สังคมโลก เอาเลยก็ว่าได้...

                                                         -----------------------------------------------------

      อาจด้วยเหตุเพราะลักษณะอาการดังกล่าว...มันเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถจัดกลุ่ม จัดประเภท หรือจัด  category ไปตามการ ปรุงแต่ง ทางอารมณ์ ความรู้สึก หรือตาม รสนิยม ของผู้คนในแต่ละสังคมได้เป็นอย่างดี หรืออย่างถนัดชัดเจน ภายใต้สภาวะที่ทุกสิ่งทุกอย่าง...ถูกทำให้ย่อยแยก แตกกระจาย ออกไปเป็นกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ ประเภทนั้น ประเภทนี้ หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าโดยสภาวะแวดล้อมทางการเมืองและเศรษฐกิจ หรือด้วยอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช แห่งความก้าวหน้า ก้าวไกล ทาง เทคโนโลยี ทั้งหลาย การตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึก ของผู้คนในแต่ละกลุ่ม แต่ละประเภท ไปตาม อุปสงค์ หรือตามความปรารถนา ความต้องการ ของ ตลาด มันจึงทำให้หนีไม่พ้นต้องสวิงไป-สวิงมา หรือต้อง สุดโต่ง เข้าไว้...

                                                            --------------------------------------------------

      ต่างไปจากอาการแบบกลางๆ หรือแบบ มัชฌิมาปฏิปทา ที่จะจัดให้อยู่ในประเภทหนึ่ง ประเภทใด  กลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด ใน category แบบไหน หรือ tag ไหนๆ ก็คงไม่ถึงกับถนัดชัดเจนมากมายซักเท่าไหร่ อันทำให้บรรดาผู้ที่ยึดมั่น หรือพยายามยึดมั่นอยู่กับสิ่งเหล่านี้ จึงมีสิทธิ์ถูกกลืนหายไปกับ ข้อเท็จจริงทางสังคม กลายไปเป็น ผู้ไม่มีตัวตน เป็น โนบอดี้ ไม่มีโอกาสเป็น ซัมบอดี้ กับใครต่อใครเขาได้เลย ด้วยเหตุนี้...แม้แต่ผู้ที่เคยออกอาการกลางๆ เคยยึดมั่นอยู่ในแนว มัชฌิมาปฏิทา ซึ่งน่าจะมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะในสังคมไทยๆ ที่อยู่ภายใต้ ความเป็นไทย มาโดยตลอด เลยหนีไม่พ้นต้องปรับตัว ปรับสภาพ เพื่อให้สอดคล้อง กลมกลืน ไปกับ เป้าหมายทางการตลาด หรือ เป้าหมายผู้บริโภค จนสุดท้าย...เลยต้อง สุดโต่ง หรือต้อง สวิงไป-สวิงมา ในด้านใด ด้านหนึ่ง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...

                                                             ----------------------------------------------------

      ความเป็นไปในสังคมแต่ละสังคม ไม่ว่าบ้านไหน เมืองไหน...นับวันมันเลยเต็มไปด้วยภาพแห่งการปะทะ ขัดแย้ง ภาพแห่ง ความแตกต่าง ที่หนีไม่พ้นต้องนำไปสู่ ความแตกแยก กันจนได้ ของผู้ที่สวิงไป-สวิงมา หรือผู้ที่สุดโต่งไปคนละด้าน ไม่ว่าใครจะพยายามพูดถึง ความแตกต่างแต่ไม่แตกแยก ตามแบบฉบับนกแก้ว-นกขุนทองกันถึงขั้นไหน แต่คงยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ ที่จะช่วยลดอาการเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน อันเนื่องมาจากความแตกต่างที่ออกไปทางคนละเรื่อง คนละม้วน ที่แทบไม่เหลือจุดกลางๆ ใดๆ เอาไว้เลย ซึ่งค่อยๆ สั่งสมเพิ่มขึ้นๆ ทีละเล็กทีละน้อย จนสุดท้าย...ไม่ว่าใครก็เถอะ ย่อมไม่อาจกุมแข้ง กุมขา ไม่ให้กระตุกไป กระตุกมา ไม่ให้เกิดการยกระดับและพัฒนา ไปสู่การสาดแข้ง สาดขา สาดอาวุธใส่กันและกันแบบชนิดดอกต่อดอก...

                                                              ------------------------------------------------------

      แต่ก็นั่นแหละ...โดย ธรรมชาติ หรืออาจจะโดย ธรรมะ ก็ว่าได้ อะไรก็ตามที่เป็นไปในแนวกลางๆ หรือเป็นไปตามแนวทาง มัชฌิมาปฏิปทา นั้น ย่อมถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ว่าจะในทาง โลกย์ หรือทาง ธรรม อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย เพราะแม้กระทั่ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ได้ชื่อว่ารู้แจ้ง และผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นพระศาสดาของบรรดา ชาวพุทธ ทั้งหลาย ท่านยังต้องย้ำแล้ว ย้ำอีก ให้ มัชฌิมาปฏิทา หรือให้ยึดมั่นใน ทางสายกลาง เข้าไว้ เพราะไม่ว่า ลูกตุ้มนาฬิกา มันจะเหวี่ยงซ้าย เหวี่ยงขวา ไปในจังหวะใด หรือในสภาวะใดก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว...มันย่อมหนีไม่พ้นต้องกลับมาสู่ จุดสมดุลแห่งความเป็นธรรมชาติ หรือกลับมาอยู่ในจุดกลางๆ กันจนได้...นั่นแล...

                                                                -----------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...บรรดาผู้ที่ยังคงยึดมั่นอยู่ในแนวกลางๆ ในแนว มัชฌิมาปฏิปทา ก็อย่าถึงกับต้องไปวูบวาบ หวั่นไหว ว่าตัวเองอาจต้องถูกกลืนหายไปกับข้อเท็จจริงทางสังคม ต้องกลายเป็น โนบอดี้ เอาง่ายๆ จนต้องหันไปสวิงขวา-สวิงซ้าย ต้องโดดเข้าไปเข้ากลุ่ม รวมกลุ่ม กับบรรดาพวก สุดโต่ง ในแต่ละด้าน ต้องลดระดับ คุณภาพ และ คุณธรรม ของตัวเอง เพียงเพื่อให้สอดคล้อง กลมกลืน ไปกับ อุปสงค์ กับความปรารถนา ความต้องการ ของ ตลาด ที่นับวันมีแต่จะหยาบๆ สากๆ ไร้ความประณีต ความละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

                                                                   ---------------------------------------------------

      เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว...การปะทะ ขัดแย้ง ระหว่างพวกที่ สวิง ไปในคนละด้าน สุดโต่งไปคนละด้าน มันกำลังกลายเป็น ข้อเท็จจริงทางสังคม ที่มิอาจปฏิเสธได้ยิ่งขึ้นทุกที โดยไม่ว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายแพ้ ฝ่ายชนะ แต่โอกาสที่จะ กรอบเป็นข้าวเกรียบ ไปด้วยกันทั้งคู่ ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ๆ เพราะชัยชนะ ที่อุบัติขึ้นมาท่ามกลางซากปรักหักพังของสังคม หรือของประเทศชาติ บ้านเมืองนั้น มันคือชัยชนะที่จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ไปด้วยกันทุกฝ่ายนั่นเอง และผู้ที่จะเยียวยา ผู้ที่จะฟื้นคืนสภาพความเป็นไปตาม ปกติ ของสังคม ให้หวนคืนกลับมาได้บ้าง ก็คือบรรดาผู้ที่ยึดมั่นอยู่ในแนวกลางๆ หรือผู้ที่ยึดมั่นอยู่ในความเป็น มัชฌิมาปฏิปทา ทั้งหลาย...นั่นแล...

                                                                     ----------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก คำขวัญวันแม่ (2559) โดย “พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”... “สอนให้ลูกทั้งหลายเดินสายกลาง-ทำทุกอย่างพอดีมีเหตุผล-ประกอบด้วยคุณธรรมนำทางตน-ย่อมได้ผลดีพอต่อบ้านเมือง...”

                                                                      ------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"