จับ'ชัยวัฒน์'ฆ่าบิลลี่ แจ้ง8ข้อหาหนักรวมพวก4ราย/ดีเอ็นเอมัดแน่น!


เพิ่มเพื่อน    


    ศาลอนุมัติหมายจับ "ชัยวัฒน์" พร้อมพวกรวม 4 รายคดีอุ้มฆ่าบิลลี่ แจ้ง 8 ข้อหาหนัก  "อธิบดีดีเอสไอ" เตรียมทีมเข้าจับกุม "อดีต หน.อุทยานฯ แก่งกระจาน" ลั่นไม่หนี พร้อมสู้ตามกระบวนการยุติธรรม "บิ๊กตู่" ย้ำทุกอย่างเป็นไปตาม กม.ไม่มีใครช่วยได้ "ปลัด ทส." ยังไม่สั่งย้ายบอกให้ทำงานตามหน้าที่ต่อ "เมียบิลลี่" ขอ "รมว.ยธ." ให้ "รองฯ กรวัชร์" คุมคดีให้ถึงที่สุด "ผอ.นิติวิทยาศาสตร์" เผยข่าวดีสกัดสารพันธุกรรมดีเอ็นเอชิ้นกระดูกที่งมได้เทียบกับแม่บิลลี่เพียงพอรอลุ้นผลเร็วนี้
    ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 11 พ.ย. เวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกประชุมพนักงานสอบสวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี รักจงเจริญ  หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อพิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคดีที่รวบรวมได้  
    มีรายงานว่า ในที่ประชุมได้มีมติมอบหมายให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อขออนุมัติหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวก รวม 4 ราย ในคดีดังกล่าว
    ต่อมา พ.ต.อ.ไพสิฐให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในช่วงบ่ายศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อนุมัติหมายจับนายชัยวัฒน์ และพวก รวม 4 ราย ในหลายข้อหา ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด โดยดีเอสไอจะเร่งประชุมหารือคณะพนักงานสอบสวนเพื่อเตรียมชุดจับกุม อย่างไรก็ตาม หากจะมามอบตัวดีเอสไอก็พร้อมดำเนินการตามขั้นตอนและให้ความเป็นธรรม
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้อนุมัติหมายจับนายชัยวัฒน์  เป็นผู้ต้องหาที่ 1, นายบุญแทน บุษราคำ ผู้ต้องหาที่ 2 และนายธนเสฏฐ์ หรือนายไพฑูรย์ แช่มเทศ ผู้ต้องหาที่ 3 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต  ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น, ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดติดตัวไปด้วยเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 289 (4)(7), 309, 310, 33, 340, 340 ตรี  ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 50 ทวิ 
    และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น, ร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 147, 148 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 172
    นอกจากนี้ได้ออกหมายจับนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่ 4 เนื่องจากไม่ได้เป็นข้าราชการ  จึงถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้การสนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าว
'ชัยวัฒน์' ลั่นไม่หนี
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนศาลอนุมัติหมายจับนั้นนายชัยวัฒน์ได้มารอต้อนรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางตรวจเยี่ยมอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี และมอบนโยบายการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ การเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควัน การบริหารจัดการน้ำ และมาตรการรองรับภัยแล้ง ซึ่งมีนายวราวุธ ศิลปอาชา  รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า  และพันธุ์พืชให้การต้อนรับ โดยนายชัยวัฒน์ยังมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่อื่นๆ ตามปกติ  
    นายชัยวัฒน์กล่าวว่า เรื่องหมายจับเห็นมีเพียงข่าวออกมา แต่เป็นจังหวะที่ตนมารับผู้ใหญ่ ไม่ได้หนีไปไหนตามที่มีกระแสข่าว เพราะตนก็มีที่ทำงานเป็นหลักแหล่ง ที่จริงใช้การออกหมายเรียกก็ได้แล้ว  แต่เมื่อออกหมายจับแล้วก็ยินดีจะไปให้ความร่วมมือ
    นายชัยวัฒน์กล่าวว่า เราเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ต้องทำตามกระบวนการยุติธรรมเช่นเดียวกับการที่เอาคนอื่นเข้ากระบวนการยุติธรรม ก็จะได้รู้ว่าใครผิดหรือใครถูกในเรื่องคดีทรัพยากรธรรมชาติ ยืนยันว่าทุกอย่างทำไปตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมาย ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง ไม่มีปัญหา แต่อย่าสร้างกระแสทุกวัน เพราะรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่และสถาบันก็จะเสื่อมไปด้วย เพราะจริงเท็จอย่างไรก็ยังไม่รู้ และใครผิดหรือถูกก็ยังไม่รู้ แล้วจะมาบอกว่าใครผิดใครถูกก็ไม่ใช่
    "ผมไม่อยากเห็นกระบวนการยุติธรรมที่ออกข่าวรายวัน ทุกอย่างก็ว่าไปตามขั้นตอน เมื่อเขาออกหมายจับเราก็พร้อมไปให้ความร่วมมือ และต้องรอดูว่าศาลจะออกหมายจับหรือไม่ ผมไม่ได้กังวลเพราะบอกแล้วว่าไม่ได้ทำและไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่รู้เรื่อง ผมสงสารเจ้าหน้าที่ของผม เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกคนทำตามหน้าที่ วันนี้มีกระแสอย่างนี้ก็อยากให้สังคมเข้าใจว่าพวกผมไม่ได้หนีไปไหน และขอให้ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม หลักฐานชัดเจนแค่ไหนก็ให้ว่าไปตามนั้น ไม่อยากให้มีอะไรที่เป็นเท็จ หรือถูกสร้างขึ้นมา" นายชัยวัฒน์กล่าว
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวเรื่องหมายจับนายชัยวัฒน์ระหว่างลงพื้นที่ จ.ราชบุรีว่า ได้รับรายงานแล้ว เรื่องคดีก็ว่ากันไป
    "ผมไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แม้นายชัยวัฒน์จะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงก็ตาม ยืนยันไม่มีใครช่วยใครได้ แม้จะรู้จักกับใครหรือจะมาบอกว่ารู้จักกับผมก็ตาม ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า กระทรวงจะต้องรอคำสั่งศาลว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร ซึ่งน้อมรับคำสั่งศาล ส่วนคดีก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย นายชัยวัฒน์ก็ต้องไปสู้คดีในชั้นศาล 
    "หากศาลมีคำตัดสินอย่างไรก็น้อมรับ ไม่ปกป้องคนผิด ถ้ายังไม่มีคำตัดสินของศาลก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ยึดคำตัดสินของศาลเป็นหลัก" นายวราวุธกล่าว
    ส่วนนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ทางคดีก็คงต้องให้นายชัยวัฒน์และผู้ถูกออกหมายจับต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม เรื่องการทำงานก็จะยังให้ทำงานตามปกติ ไม่มีการย้ายใดๆ ทั้งสิ้น
    "กรณีที่นายชัยวัฒน์ถูกแจ้งความดำเนินคดีขณะปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานนั้น ผมจะเข้าไปดูรายละเอียดการทำงานในช่วงนั้นว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วค่อยมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยเรื่องนี้ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือเรื่องส่วนตัวที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติงานในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐขณะถูกกล่าวหา ซึ่งต้องแยกออกจากกัน" ปลัด ทส.กล่าว
หลักฐาน DSI มัดแน่น
    วันเดียวกัน นายสุรพงษ์ กองจันทึก ทนายความ ในฐานะประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม นำ น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยานายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอยเข้ายื่นหนังสือต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม หลังดีเอสไอขอศาลออกหมายจับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กับพวก รวม 4 ราย เพื่อขอให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รับผิดชอบสอบสวนคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อไป พร้อมเร่งรัดให้ออก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย  และออกมาตรการคุ้มครองปกป้องนักสิทธิมนุษยชน
    นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนขอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมเร่งดำเนินการใน 3 ประเด็น คือ ขอให้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้ พ.ต.ท.กรวัชร์เป็นหัวหน้าชุดสืบสวน หรือเป็นผู้รับผิดชอบทำคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อไป แม้ผู้ที่รับช่วงต่อจะมีความสามารถแต่ไม่เคยทำคดีนี้มาก่อน อาจต้องใช้เวลาศึกษาทำให้คดีมีความล่าช้าไม่ต่อเนื่อง, ขอให้นำร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหายเข้าสู่การประชุมของสภาผู้แทนราษฎร พร้อมให้เร่งตราเป็นกฎหมายโดยเร็ว และขอให้มีมาตรการป้องกันและคุ้มครองนักกิจกรรมเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยจัดทำข้อมูล white list เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล  เนื่องจากก่อนหน้านี้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเคยยกร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว แต่หลังจากมีการเปลี่ยนอธิบดีคนใหม่เรื่องก็เงียบหายไป จึงอยากให้เร่งดำเนินการ
    ถามถึงกรณีศาลอนุมัติออกหมายจับนายชัยวัฒน์และพวกแล้ว นายสุรพงษ์กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับยังไม่ใช่ผู้ที่กระทำความผิด เพียงแต่เป็นผู้ที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลที่สงสัย ก็ต้องเปิดโอกาสให้เขาชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
    ส่วน น.ส.พิณนภากล่าวว่า ดีใจที่ พ.ต.ท.กรวัชร์ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น แต่ชาวบ้านบางกลอยต้องการให้ พ.ต.ท.กรวัชร์ทำคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ต่อจนจบ จึงต้องการให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมมีคำสั่งให้ พ.ต.ท.กรวัชร์รับผิดชอบคดีดังกล่าวจนกว่าคดีความจะถึงที่สุด สำหรับตนหลังจากทราบว่าผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายบิลลี่ถูกออกหมายจับก็ไม่ได้ติดใจอะไร อยากให้เขารับสารภาพและออกมาขอโทษสังคม กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป เพราะเรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น หากเกิดกับครอบครัวของผู้ต้องหาเองจะรู้สึกอย่างไร คนที่กล้าทำความผิดก็ควรกล้าออกมายอมรับความผิดที่ตนเองทำ
    "อยู่ในหมู่บ้านบางครั้งก็กลัว บางครั้งก็ไม่กลัว เมื่อชาวบ้านถามว่าออกมาเรียกร้องสิทธิให้บิลลี่ ไม่กลัวถูกอุ้มหายหรือ ถูกถามแบบนี้ก็รู้สึกกลัว แต่ตอนนี้คดีมีความคืบหน้าก็ไม่กลัวแล้ว และดีใจที่ดีเอสไอทำให้คดีมีความคืบหน้า แตกต่างจากความรู้สึกเมื่อก่อนที่ไม่มีความหมายอะไรเลย ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะอนุมัติหมายจับหรือไม่ และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็เชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม" ภรรยานายบิลลี่กล่าว
    ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ขอยืนยันเรื่องใดที่ไม่ผิดกฎหมายก็จะทำให้ตามที่ร้องขอทั้งหมด และเชื่อว่า พ.ต.ท.กรวัชร์จะทำงานเสร็จทันตามที่รับปากไว้ 3 เดือน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 2 ธ.ค.นี้ โดยอาจจะเสร็จก่อนกำหนด และขณะนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ยังมีตำแหน่งเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ จึงจะขาดจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในช่วงนี้จึงยังดูแลคดีอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงขอให้สบายใจได้ 
    "คดีนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ไม่ใช่พนักงานสอบสวน แต่เป็นผู้บริหารทำหน้าที่กำกับดูแล เหมือนผมเป็นรัฐมนตรีก็แค่กำกับดูแล ไม่ได้ลงไปในรายละเอียด หรือชี้ให้ไปซ้ายไปขวา ขณะนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ทำงานเสร็จไปแล้ว 99 เปอร์เซ็นต์ คดีไปถึงขั้นขออนุมัติหมายจับจากศาลแล้ว" รมว.ยุติธรรมกล่าว
    ขณะที่ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวถึงการตรวจพิสูจน์หาสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอจากวัตถุพยานชิ้นกระดูก 8 ชิ้น ที่ดีเอสไองมขึ้นมาได้จากร่องน้ำลึกในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบเปรียบเทียบดีเอ็นเอชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งเป็นขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ยังตอบไม่ได้ว่าดีเอ็นเอที่พบจะเพียงพอและสามารถนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของนายบิลลี่ได้หรือไม่
    "เบื้องต้นบอกได้เพียงว่า วัตถุพยานสามารถสกัดสารพันธุกรรมได้มากกว่าชิ้นส่วนกะโหลกชิ้นแรก ที่นำไปตรวจสอบเปรียบเทียบไมโทรคอนเดรียตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ แม่ของนายบิลลี่" ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"