ดูหนังสั้น ‘พ่อกับลูกชาย’ ภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำปัญหาที่ดินไทย


เพิ่มเพื่อน    

ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยเป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนานหลายสิบปี  โดยเฉพาะปัญหาเรื่องที่ดินทำกินซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญของเกษตรกรไทย  แต่ที่ดินส่วนใหญ่ไปกระจุกอยู่ในมือของคนกลุ่มน้อย  ทำให้เกษตรกร  ชาวนา  ชาวไร่ที่ยากจน  ได้รวมตัวกันจัดตั้ง สหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2517  เพื่อเคลื่อนไหวให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา  โดยมีคำขวัญในการรณรงค์ต่อสู้ว่า  “ที่ดินต้องเป็นของผู้ถือคันไถ  กฎหมายต้องเป็นธรรม”

 

แต่จนถึงบัดนี้  เป็นเวลา 45 ปี  ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินก็ยังไม่คลี่คลายลงไป  ผู้นำชาวนา  ชาวไร่  และประชาชนที่ลุกขึ้นมาทวงถามเพื่อความเป็นธรรม  ถูกไล่ล่า  ฆ่าสังหาร  ตายไปไม่ต่ำกว่า 33 ราย   และมีคดีความที่คนยากคนจนต้องตกเป็นจำเลยเพราะดิ้นรนหาที่ดินทำกินเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองและครอบครัวขณะนี้ประมาณ  46,600  คดีทั่วประเทศ !!

 

ศิรวัฒน์  แดงซอน  ผู้จัดการโครงการส่งเสริมสิทธิชุมชนในที่ดินและทรัพยากร  องค์การแอ็คชั่นเอด อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)  บอกเล่าสถานการณ์และปัญหาสิทธิด้านที่ดินในประเทศว่า  มีคนไทยเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นที่เป็นเจ้าของที่ดิน โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาที่ดินซึ่งสำรวจในปี 2557 พบว่า  คนไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 60 มีที่ดินรวมกันเพียงร้อยละ 4.69 ต่อพื้นที่ทั้งหมด (ที่ดินรัฐ 190 ล้านไร่  ที่ดินเอกชน 130 ล้านไร่)  นอกจากนี้การสำรวจของกรมพัฒนาที่ดินในปี 2549  ยังพบที่ดินทิ้งร้างในประเทศไทยที่ไม่ทำประโยชน์รวมกันถึง 7.5 ล้านไร่ ซึ่งมากกว่าเนื้อที่ถือครองของคนไทยทั้งหมด

 

“ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาในระดับนโยบายทำให้สิทธิของชุมชนอ่อนแอลง ปล่อยให้ที่ดินทำกินของประชาชนในพื้นที่ห่าง ไกลมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ มีการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ และการให้สัมปทานเหมืองแร่ที่เพิ่มมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ส่งผลให้ทิศทางของการพัฒนาไม่แน่นอนและไม่ต่อเนื่อง การผลักดันขององค์กรภาคประชาสังคมและเครือข่ายภาคประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงมักหยุดชะงักลงเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่”  ศิริวัฒน์แจงถึงอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาที่ดินในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

 

โครงการส่งเสริมสิทธิชุมชนในที่ดินและทรัพยากร  เป็นการดำเนินงานร่วมกันระหว่างมูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ มูลนิธิชุมชนไท และองค์การแอ็คชั่นเอด อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ได้จัดให้มีการประกวดภาพยนตร์สั้นเพื่อนำเสนอและส่งเสริมการสร้างความตระหนักในประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดินต่อสาธารณชน  รวมทั้งเยาวชนและนักศึกษา  เปิดรับสมัครตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา  ในหัวข้อ ที่ดินคือชีวิต  แบ่งการประกวดเป็น 2 ประเภท  คือ 1.เยาวชนไม่เกิน 25 ปี   และ 2.บุคคลทั่วไป  ความยาว 10-15 นาที  โดยมีการประกาศผลรางวัลไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน  และนำผลงานมาฉายในงาน มหกรรมที่ดินคือชีวิต  ครั้งที่ 2’  จัดขึ้นที่หอประชุมศรีบูรพา  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เมื่อวันที่ 16-17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

“โครงการประกวดหนังสั้นเป็นช่องทางหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ต่างๆ ในชุมชน โดยเฉพาะปัญหาที่คนไร้ที่ดินทำกินต้องประสบ เพื่อสร้างความตระหนักในประเด็นที่เกี่ยวกับสิทธิในที่ดินต่อสาธารณชน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมสิทธิชุมชนในที่ดินและทรัพยากรของประเทศไทย  โดยจะนำผลงานที่ส่งเข้าประกวดและผลงานที่ได้รับรางวัลไปใช้เพื่อประชาสัมพันธ์และรณรงค์เรื่องการส่งเสริมสิทธิชุมชนในที่ดินและทรัพยากรของประเทศไทยต่อไป” ศิรวัฒน์กล่าว

 

คุยกับผู้ผลิตหนังสั้น ‘พ่อกับลูกชาย’            

การประกวดหนังสั้นหัวข้อ ที่ดินคือชีวิต ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก  มีผู้สนใจลงทะเบียนเพื่อประกวดจำนวน 19 ทีม  ส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 4 ทีม  และได้รับรางวัลชมเชยประเภทบุคคลทั่วไปเพียงรางวัลเดียว (เงินรางวัลชมเชยจำนวน 30,000 บาท)  ซึ่งอาจเป็นเพราะโจทย์ ที่ดินคือชีวิต เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจปัญหาเรื่องที่ดินที่ทำกินของเกษตรกรที่ยากไร้

             

แต่สำหรับ เชวง  ไชยวรรณ ผู้ผลิตสื่ออิสระ  เจ้าของรางวัลชมเชยการประกวดหนังสั้น ที่ดินคือชีวิต ครั้งแรก  ส่งผลงานเรื่อง พ่อกับลูกชาย ความยาว 13 นาทีเข้าประกวด เพราะเขาคลุกคลีอยู่กับปัญหาของกลุ่มคนที่ด้อยสิทธิ  ด้อยโอกาสมาตลอด โดยใช้ภาพเหตุการณ์จริงกรณีชาวบ้านแพะใต้  ตำบลหนองล่อง  อำเภอเวียงหนองล่อง    จังหวัดลำพูน  ที่ไร้ที่ดินทำกิน  และเข้าไปบุกเบิกที่ดินรกร้างเพื่อทำกิน  แต่โดนเจ้าของที่ดินเอกชนฟ้องร้องจนติดคุกในปี 2559-2560 ที่ผ่านมา  มานำเสนอเป็นหนังสั้นส่งเข้าประกวด

  เชวง  ไชยวรรณ  (กลาง)

 

เชวง  ไชยวรรณ  ปัจจุบันอายุ 41 ปี  พื้นเพเป็นคนอำนาจเจริญ  จบการศึกษาด้านอาชีวะที่จังหวัดยโสธร  จากนั้นจึงมาทำงานกับองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่  เรียนรู้การทำสื่อเพื่องานพัฒนาชุมชนที่ NGO แห่งนี้  เช่น  การเขียนบท  การถ่ายทำ  และตัดต่อ VDO.  และนำมาผลิตเป็นสื่อ VDO. เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนและชุมชนในการป้องกันยาเสพติด  การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม  ฯลฯ  จากนั้นจึงลาออกมาเพื่อเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่  เมื่อจบแล้วจึงออกมาเป็นผู้ผลิตสื่ออิสระอย่างเต็มตัว  เคยมีผลงานทางโทรทัศน์หลายช่อง  เช่น  ไทยพีบีเอส  ช่อง 5  NBT ฯลฯ

 

“ผมสนใจปัญหาสังคม  เรื่องราวของคนตัวเล็กตัวน้อยที่ถูกรังแกจากกฎหมายหรือจากรัฐ  เช่น  แรงงานพม่าในอำเภอพบพระ  จังหวัดตาก  ที่โดนจำกัดสิทธิต่างๆ ทั้งเรื่องค่าแรง การไม่มีสวัสดิการรักษาดูแลยามเจ็บป่วย  เรื่องความรุนแรงในสามจังหวัดภาคใต้ก็เคยทำ  คือผมอยากจะเล่าประเด็นปัญหาทางสังคมที่ผมสนใจผ่านหนังหรือสารคดี  เพราะถ้าเราไม่สนใจ  ไม่สื่อสารออกมา  ปัญหาต่างๆ เหล่านี้มันก็จะย้อนกลับมาหาเรา”  เชวงบอกเล่าความเป็นมาของตัวเอง

 

ส่วนหนังสั้นเรื่อง พ่อกับลูกชาย เชวงบอกว่า  เขาพักอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ไม่ไกลจากอำเภอเวียงหนองล่อง  จังหวัดลำพูน  สถานที่เกิดเหตุ  จึงได้รับรู้เรื่องราวของชาวบ้านตำบลหนองล่องที่เข้าไปบุกเบิกที่ดินทำกินในที่ดินที่ชาวบ้านเห็นว่าเป็นที่รกร้างและเคยเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์มาก่อนตั้งแต่ปี 2540 โดยเข้าไปทำกินในที่ดินประมาณคนละ 1 ไร่เศษ และต่อมาได้ถูกนายทุนฉ้อฉลเอาที่ดินสาธารณะไปออกเอกสารสิทธิจนนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวบ้านที่ยากไร้ในข้อหาบุกรุก  จำนวน 108 ราย  โดยศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง   แต่ในที่สุดศาลฎีกาได้พิพากษาในปี 2559  ให้จำคุกชาวบ้าน 10 รายๆ ละ 1 ปี  โดยชาวบ้านทั้ง 10 รายได้ทยอยพ้นโทษในช่วงกลางปี 2560

 

เชวงได้ถ่ายภาพเหตุการณ์จริงที่ พ่อ คือ นายโล้  ยาวิละ   ทำความสะอาดบ้านและเตรียมพิธีรับขวัญ ลูกชาย คือ  นายวัลลภ  ยาวิละ ที่กำลังจะพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดลำพูนในวันที่  30 มิถุนายน 2560  หลังจากติดคุกในคดีบุกรุกที่ดินนายทุนเป็นเวลา 1 ปี  หนังยังถ่ายทอดให้เห็นญาติของผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่เดินทางมารอรับผู้ที่กำลังจะพ้นโทษที่บริเวณหน้าเรือนจำ  จากนั้นพ่อจึงนำน้ำมนต์จากพระที่เตรียมมาให้ลูกชายอาบที่หน้าเรือนจำเพื่อล้างเคราะห์  แล้วทั้งหมดจึงพากันไปทำพิธีรับขวัญที่วัดแห่งหนึ่งในตำบล  ช่วงท้ายหนังได้ขึ้นตัวหนังสือบรรยายความเป็นมาของปัญหาที่ดินแปลงนี้

                                           

ฉากหนึ่งของหนังสั้นเรื่องนี้

 

“หนังเรื่องนี้ผมใช้เหตุการณ์จริง  ใช้เวลาถ่ายทำ 3 วัน  แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะไม่ได้เสนอทางออกของปัญหา  แต่ผมอยากจะสะท้อนหรือบันทึกเหตุการณ์เพื่อกระตุ้นหรือบอกสังคมให้รู้ว่ามันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น  คือคนตัวเล็กตัวน้อยมักจะถูกเอาเปรียบจากคนมีเงิน  คนที่รู้กฎหมาย  คนจนจึงต้องติดคุก  ส่วนคนรวยหนือนักการเมืองกลับครอบครองที่ดินป่าสงวนฯ  ที่สาธารณะได้เป็นพันๆ ไร่  โดยไม่มีใครไปทำอะไร”  เชวงกล่าวถึงธีมของหนังสั้นเรื่อง พ่อกับลูกชาย  (ผู้ที่สนใจชมหนังสั้นเรื่องนี้จะมีการฉายในงานของมูลนิธิหนังสั้นที่หอภาพยนต์แห่งชาติ ศาลายา ช่วงเดือนธันวาคม และจะอัปโหลดขึ้น YouTube เร็วๆ นี้)

 

45 ปีปัญหาที่ดินไทยและทางออก

หากจะนับเอาการเริ่มต้นของ สหพันธ์ชาวนาชาวไร่แห่งประเทศไทย’  ในปี 2517  เป็นปีแรกของการเรียกร้องต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดินทำกินของชาวนาชาวไร่ผู้ยากไร้  แต่โดยข้อเท็จจริงปัญหาความเหลื่อมล้ำในที่ดินของประเทศไทยมีมายาวนานกว่า 100 ปีแล้ว  แต่จนถึงบัดนี้ปัญหาก็ยังไม่คลี่คลายลงไป  ชาวบ้านยังถูกจับกุมคุมขังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนที่ดินทำกิน รวมทั้งการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานฯ ทับที่ดินที่ชาวบ้านอยู่อาศัยและทำกินมาก่อน  ทำให้มีชาวบ้านต้องคดีบุกรุกป่าและทำไม้สูงถึง 46,600 คดี  แยกเป็นพื้นที่กรมป่าไม้ ช่วงตุลาคม 2556 - กันยายน 2561 จำนวน 34,804 คดี  และพื้นที่กรมอุทยานแห่งชาติ  ช่วงตุลาคม 2556 - กันยายน  2562  จำนวน 11,796 คดี

ประกาศเจตนารมณ์ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา

 

อย่างไรก็ตาม  ในการจัดงาน มหกรรมที่ดินคือชีวิต  ครั้งที่ 2’  ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) เมื่อวันที่ 16-17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา  ในวันสุดท้ายของการจัดงานผู้เข้าร่วมงานกว่า 400 คนได้จัดตั้งขบวนและเดินเท้ามายังอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา  ถนนราชดำเนิน  เพื่อร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาที่ดินที่ทำกิน  โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า...

 

“เราจะเคลื่อนไหวผลักดันกลไกรัฐสภา  ฝ่ายนิติบัญญัติ  บริหาร และตุลาการ ในการบังคับใช้และปฏิรูปกฎหมาย บทบัญญัติต่างๆ เพื่อให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดิน  สร้างความเท่าเทียม และลดความเหลื่อมล้ำจนถึงที่สุด  ให้นำประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา กรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่ามาบังคับใช้อีกครั้งหนึ่ง  ให้แก้ไขกฎหมายป่าอนุรักษ์ และมติคณะรัฐมนตรีการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ เพื่อให้คนอยู่กับป่าได้” 

 

ขณะที่ เชวง  ไชยวรรณ บอกทิ้งท้ายว่า  “เมื่อดูข่าวนักการเมืองครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ในขณะนี้  แล้วย้อนมาดูหนังเรื่อง พ่อกับลูกชายก็จะสะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำ  ความไม่เป็นธรรมที่คนจนได้รับ  เพราะชาวบ้านเข้าไปบุกเบิกที่ดินทำกินเพียงคนละ 1 ไร่เศษ  แต่กลับถูกศาลจำคุกคนละ 1 ปี  ส่วนนักการเมืองก็ยังสุขสบายดี !!


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"