ครม.เศรษฐกิจไปไม่ถูก คิดหนักหามาตรการกระตุ้นศก.เพิ่ม


เพิ่มเพื่อน    

23 พ.ย.2562 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เลขานุการ คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7 ไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม เพราะที่ผ่านมาได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปหมดแล้ว ทั้งการกระตุ้นการบริโภค การท่องเที่ยว การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และการเร่งลงทุนโครงการขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ครม.เศรษฐกิจ อาจจะมีการพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในเดือนสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งต้องยอมรับว่าถึงมีมาตรการใหม่ออกมาก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2562 ขยายตัวได้ 3% ตามที่ ครม.เศรษฐกิจ ตั้งใจไว้ และการประชุม ครม.เศรษฐกิจครั้งต่อไปยังกำหนดไม่ได้ว่าจะมีการประชุมเมื่อไร เนื่องจากนายกรัฐมนตนรีจะต้องเดินทางไปภารกิจในต่างประเทศ

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า การประชุม ครม. เศรษฐกิจ ที่ตั้งขึ้นมา 3 เดือน ในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้น โดยที่ประชุมที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีการหารือกัน 3-4 เรื่องประกอบด้วย เรื่องแรก มีการรายงานภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ลดลง จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจปี 2562 จากเดิมที่จะขยายตัวได้ 2.8% เหลือ 2.6% ซึ่งได้มีการสั่งการให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจดูแลการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายขยายตัวให้ได้มากกว่าไตรมาส 3 ที่ขยายตัวได้ 2.4%

เรื่องที่สอง ครม.เศรษฐกิจมีการหารือเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณ โดยให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินลงทุนใน 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ให้ได้ 1.1 แสนล้านบาท และการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้าให้เบิกจ่ายให้ได้ 92.7%

เรื่องที่สาม มีการหารือเรื่องการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทยจีน ที่มีความล่าช้า โดยล่าสุดกระทรวงคมนาคมและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือกันให้มีการกู้เงินดอลลาร์เพื่อการก่อสร้างในโครงการนี้ เนื่องจากต้นทุนต่ำกว่าการกู้ในประเทศ และช่วยทำให้ค่าเงินบาทของไทยที่แข็งค่าอ่อนค่าลง

สำหรับเรื่้องสุดท้ายที่ ครม. เศรษฐกิจมีการหารือกัน คือการเร่งเบิกจ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้รายงานว่ามีการเร่งเบิกจ่ายในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 1 หมื่นล้านกว่าบาทแล้ว

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้รายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟไทยจีน หรือรถไฟความเร็วสูง ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน 179,413 ล้านบาท โดยเฉพาะในเรื่องของการจัดหาแหล่งเงินกู้ ซึ่งขณะนี้ยังติดปัญหาการเจรจากับจีนในสัญญาที่ 2.3 เป็นงานระบบ วงเงิน 50,633 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ จึงทำให้ไม่สามารถเสนอให้ ครม.พิจารณาเพื่อเซ็นสัญญาร่วมกันได้ โดยในส่วนนี้กำลังพิจารณาว่าจะใช้เงินกู้จากแหล่งใด ซึ่งฝ่ายไทยอยากกู้เป็นสกุลเงินบาท แต่ทางฝ่ายจีนต้องการให้ไทยกู้เป็นเงินหยวน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ครม.เศรษฐกิจต้องพิจารณามาตรการเพิ่มเติม สร้างความเข้มแข็ง การดูแลผู้มีรายได้น้อย หรือ ผู้มีรายได้ปานกลาง ซึ่งสังคมรอความหวังจากการทำงานของรัฐบาลและ ครม.เศรษฐกิจ สิ่งที่ต้องทำวันนี้ ต้องทำคู่ขนานกันไปทั้งเรื่องในปัจจุบัน ที่เป็นปัญหาความเดือดร้อน รวมถึงการสร้างอนาคตไปด้วยกัน ทั้งด้านการเกษตร การลงทุน และ อุตสาหกรรม รวมถึงการใช้จ่ายโครงการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และ การกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายระดับล่างให้มากที่สุด


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"