บิ๊กตู่โยนเผือกแบน3สาร


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ไม่ขัดข้องขยายเวลาแบนสารพิษ ชี้เป็นเรื่องคกก.วัตถุอันตราย แค่ขอต้องหาวิธีและมาตรการที่เหมาะสม "ประวิตร" ยันไร้ความขัดแย้ง เชื่อเดี๋ยวก็คุยกันได้ "อนุทิน" ข้องใจคกก.วัตถุอันตรายไม่รับรองมติแบน 3 สารเคมีเดิมก่อนลงมติใหม่ จี้ "สุริยะ" แจงเหตุผล ลั่นเอาแน่คืนกรมวิชาการเกษตร "มนัญญา" ครวญโดนหักหลัง "เฉลิมชัย" ปัด ก.เกษตรฯ ขอเลื่อนแบนสารพิษ โยนปลัดเกษตรฯ เสนอเอง 

    เมื่อวันที่ 28 พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงคณะกรรมการวัตถุอันตราย (คกก.วัตถุอันตราย) มีมติการขยายเวลาการแบนสารพิษออกไปอีก 6 เดือน ว่าตนไม่ได้ขัดข้องในเรื่องเหล่านี้ รวมทั้งเรื่องของการยกเลิกก็ไม่ได้ขัดแย้ง เพราะมองในแง่สุขภาพประชาชนและผู้บริโภค ซึ่งต้องมาดูรายละเอียดอีกที เมื่อ คกก.วัตถุอันตรายพิจารณาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น แต่ต้องหาวิธีการและมาตรการที่เหมาะสม 
    "จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนก็ว่ากันมา ผมไม่สามารถไปสั่งได้ ตรงนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการที่ทำงานมา และกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในการดำเนินการให้ได้ เพื่อลดความขัดแย้ง ลดปัญหาจากภาคเกษตรด้วย คงไม่ขัดแย้งในเรื่องนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นเดียวกันว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เป็นความขัดแย้ง แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการฯ เดี๋ยวก็คงคุยกันได้
    ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า มติของ คกก.วัตถุอันตรายต้องย้ำว่าให้รอนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะประธาน คกก.วัตถุอันตราย เป็นผู้แถลงอย่างเป็นทางการ แต่จากการได้รับรายงานจาก 2 คณะกรรมการที่เป็นตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข มารายงานให้ทราบ ว่ายังไม่มีการลงมติใดๆ อีกทั้งมติเดิมก็ยังมีการรับรอง แล้วจะอย่างไรต่อไป ดังนั้นต้องไปถามนายสุริยะ ซึ่งตนจะรอฟัง
    "เรายังยึดหลักของ สธ. คือเรื่องการดูแลสุขภาพของประชาชน ต่อให้ คกก.วัตถุอันตรายมีมติอย่างไรก็ตาม แต่กระทรวงยืนยันว่าไม่เห็นด้วย แต่ถ้ามติที่ประชุมออกมาอย่างไรเราก็เคารพ" นายอนุทินกล่าว
    ถามว่าตั้งแต่มีมติออกมาได้พูดคุยกับนายสุริยะแล้วหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ได้เจอกันนิดนึงที่สภา ก็ไม่มีอะไร เรื่องนี้อย่าเอาไปผูกกับการเมืองเป็นอันขาด คนละเรื่องกัน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของสุขภาพ เรื่องของสารพิษ และเป็นเรื่องของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งนายสุริยะแม้เป็นประธานกรรมการ แต่ก็เป็นหนึ่งเสียงในคณะกรรมการชุดนั้น เป็นผู้นำการประชุม ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะรัฐมนตรีไม่มีสิทธิ์ที่จะไปชี้นำหรือไปเปลี่ยนมติอะไรได้
    "วันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา คกก.วัตถุอันตรายลงมติเป็นเอกฉันท์ ให้แบน 3 สารนั้นในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ และกรมวิชาการเกษตรจะต้องทำเรื่องมาให้ที่ประชุมกรรมการลงนาม แต่ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีการทำเรื่องมาให้ประธานกรรมการลงนาม และการประชุมดำเนินต่อไปอย่างไรไม่ทราบ" นายอนุทินกล่าว
    ซักว่าที่กรมวิชาการเกษตรมีหนังสือตรงถึงที่ประชุมเลย ไม่ผ่านน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ตามสายงานถือว่าข้ามขั้นตอนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็เขาก็ข้ามขั้นตอนอย่างนี้มาตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นตนก็ต้องไปพูดคุยกันในพรรคภูมิใจไทยเราก่อน ในเมื่อควบคุมกันไม่ได้และปวดหัวกันอย่างนี้ ก็ต้องบอกว่าจะทู่ซี้คุมไปทำไม ก็ต้องเสนอไปถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ถ้าจะคืนก็ต้องทำหนังสือขอคืนด้วยเหตุผลอะไรบ้าง ก็ต้องเขียนลงไป จากนั้นต้องให้นายเฉลิมชัยพิจารณาว่าจะให้ดูต่อหรือจะเปลี่ยนกรม ในเมื่อรัฐมนตรีเปลี่ยนไม่ได้ ถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนกรม
    ส่วน น.ส.มนัญญายืนยันทำเต็มที่แล้ว หลังจากนี้ประชาชนต้องใช้ดุลพินิจพิจารณาว่าตนเป็นคนอย่างไร และไม่คิดว่าโดนหักหลังจากมติดังกล่าว ในฐานะที่กำกับดูแลกรมวิชาการเกษตร อยากให้ประชาชนได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แต่ตอนนี้เรื่องการแบน 3 สาร อยู่นอกเหนือหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งถ้าส่งคืนกรมวิชาการเกษตรอยากแลกดูแลกรมชลประทานมากกว่า
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกหลัง คกก.วัตถุอันตรายพลิกมติการแบน 3 สารพิษ ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ นายกสภาเภสัชกรรม หนึ่งใน คกก.วัตถุอันตราย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวประกาศขอลาออกจาก คกก.วัตถุอันตราย และขอแย้งการแถลงข่าวของประธาน คกก.วัตถุอันตราย 
    "1.ขอแย้งว่าไม่ได้มีการลงมติอย่างชัดเจน ว่าผู้ใดเห็นด้วยหรือไม่ในแต่ละประเด็น แต่เป็นภาวะจำยอมในการรับมติ จึงไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นมติเอกฉันท์ เพราะหากพิจารณาในการอภิปรายจะพบว่า ดิฉันยืนยันชัดเจนมาโดยตลอดในการแบนสารทั้งสาม และยืนยันให้คงมติวันที่ 22 ต.ค. และ 2.ขอแย้งการแถลงข่าวที่ว่า ไกลโฟเซตไม่เป็นอันตราย เพราะกรรมการรวมทั้งดิฉันได้อภิปรายถึงผลเสียต่อสุขภาพ และไม่สามารถจะจัดการความเสี่ยงต่อผู้บริโภค จนพบปนเปื้อนทั้งในสิ่งแวดล้อม ผัก ผลไม้ และน้ำนมแม่" ภญ.จิราพรระบุ 
    วันเดียวกัน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกันแถลงจุดยืน สธ.ต่อการแบน 3 สารเคมีทางการเกษตร 
    "จุดยืนของ สธ.ไม่เคยเปลี่ยนแปลงต่อการแบน 3 สาร ต่อจากนี้ไปจะเน้นการดูแลสุขภาพประชาชนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับเยาวชนรุ่นหลัง ทั้งจากพัฒนาการล่าช้า และโรคต่างๆ เช่น โรคสมองเสื่อม มะเร็ง" นพ.สุขุมกล่าว
    ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ให้เป็นมติของ คกก.วัตถุอันตราย ว่าอย่างไรตนพร้อมปฏิบัติตามนั้น ซึ่งการที่นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ไปเสนอขยายเวลาแบนสารออกไป ก็เป็นสิทธิของปลัดกระทรวงเกษตรฯ ตนไม่ก้าวก่าย ไม่เคยสั่งการ และไม่มีหนังสืออะไรทั้งสิ้นออกไปจาก รมว.เกษตรฯ
    “ไม่ได้คุยเรื่องขยายเวลาแบนสารกับปลัดกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งการตัดสินใจอย่างไร ผมไม่ไปก้าวก่าย ทุกอย่างเป็นเรื่อง คกก.วัตถุอันตราย ผมขอยืนยันอีกครั้งไม่มีการสั่งการ ไม่มีหนังสือใดๆทั้งสิ้น ถ้าใครมีให้เอาออกมา ผมชี้แจงไปแล้วก็ยังไม่มีก็ยังไม่จบ" รมว.เกษตรฯ กล่าว 
    ถามว่า ในการทำงานของ รมว.เกษตรฯ กับ รมช.เกษตรฯ อย่าง น.ส.มนัญญา จะเดินหน้ากันไปอย่างไร เมื่อเกิดรอยร้าวขึ้นแล้ว และจะแลกกรมวิชาการเกษตรกับกรมชลประทานหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าจะให้กรมวิชาการเกษตรมาดู ใครทราบก็ตอบให้ด้วย และรอยร้าวไม่มี ไม่ต้องเคลียร์ ย้ำว่าในการทำงานไม่มีรอยร้าว ยังนัดกินข้าวกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนัดกินกันตามปกติทั้งคณะอยู่แล้ว ไม่ใช่นัดกับนายอนุทินคนเดียว ส่วนกินเมื่อไหร่ไม่บอก เดี๋ยวเป็นประเด็นอีก
    ที่รัฐสภา นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ส.ส.กลุ่มตัวแทนเกษตรกร แถลงขอบคุณ คกก.วัตถุอันตราย ที่มีมติขยายแบนสารอันตราย 2 ชนิด และยกเลิกการแบนสารไกลโฟเซต ซึ่งเป็นเรื่องดีต่อเกษตรกร
    นายสัมฤทธิ์กล่าวว่า วันนี้คนกลุ่มหนึ่งคิดว่าเมื่อยกเลิกสารเคมี 3 ตัวดังกล่าวแล้วจะทำให้พวกเขาปลอดภัยจากการซื้อผักผลไม้ในตลาดมารับประทาน แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่ ยังมีการใช้สารเคมีตัวอื่นที่เรายังไม่ได้ยกเลิก 
    "เวลานี้อาจมีความเข้าใจผิดถึงการขยายเวลาแบนสารพิษ ไม่ใช่การตัดสินใจของนายสุริยะเพียงคนเดียวตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงนั้น เป็นมติจากคณะกรรมการฯ ซึ่งเป็นการพูดคุยและหารือกันของผู้เชี่ยวชาญจากทุกๆ ด้าน ที่ผ่านมานายสุริยะแสดงท่าทีเคียงข้างและยึดประโยชน์ของประชาชนมาตลอด ดังนั้นเชื่อว่าอีกไม่นานทุกฝ่ายจะหาทางออกเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกร และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน รวมทั้งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมหลายประเภท" ส.ส.พรรค พปชร.กล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"