'ออนไลน์'รุมสับ แนวคิด'พงศกร' เลิกเกณฑ์ทหาร


เพิ่มเพื่อน    


    วิษณุแจงยกเลิกเกณฑ์ทหารไม่ถึงขั้นรื้อรัฐธรรมนูญ แค่มาถกเหตุผลแก้พระราชบัญญัติพอ “พงศกร” ยันระบบรับสมัครไม่ทำให้อ่อนแอ โลกออนไลน์คุมสับส้มหวาน เพ้อเจ้อเรื่องฝึก 6 เดือนไปรบ นักวิชาการชี้กำลังทหารในมือทำให้เพื่อนบ้านเกรงใจไทย
    เมื่อวันที่ 29 พ.ย. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ที่อาจต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะระบุว่าการเกณฑ์ทหารเป็นหน้าที่ของชายไทย ว่าไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ แต่คงจะมีบางคนยกขึ้นมา เหมือนที่สื่อถาม แต่ไม่ไปถึงขั้นนั้น มันเป็นหน้าที่ แต่รัฐธรรมนูญไม่ได้ต้องการว่าทุกคนจะต้องเกณฑ์ เหมือนเช่นที่มีการระบุว่าทุกคนมีหน้าที่เสียภาษี เพราะใครที่อยู่ในเกณฑ์เสียภาษีก็ต้องเสีย ใครไม่อยู่เกณฑ์ก็ไม่ต้องเสีย
เมื่อถามว่า แสดงว่าจะแก้เฉพาะพระราชบัญญัติรับราชการทหารใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ ซึ่งต้องไปเถียงกันที่เหตุผล
    ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์เฟซบุ๊กสนับสนุนการเกณฑ์ทหารว่า การเป็นทหารเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคนต้องรับใช้ชาติ ข้อดี 1.ร่างกายแข็งแรง 2.หุ่นเท่ หล่อ สมาร์ท มี 6 แพ็ก 3.ไม่เป็นโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ หอบหืด และภูมิแพ้ 4.ตื่นเช้า มีวินัย และ 5.ทำอะไรทุกอย่างด้วยตนเอง เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด 
    ส่วน พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นตอบกลับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กรณีคัดค้านการเกณฑ์ทหารว่าเป็นการรณรงค์ที่ผิด ว่าขอเฉลยเพื่อนำเสนอนายกฯ ว่า อนค.ไม่ได้ยกเลิกทหารกองประจำการ แต่เราขยายเวลาฝึกและสร้างความชำนาญ รวมถึงมีทุนการศึกษาและสวัสดิการต่างๆ เพื่อให้มีจิตใจรุกรบ ไม่ใช่ฝึกเดือนเดียวแล้วทิ้งปืนหนีอย่างที่ท่านเกรง งบประมาณก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น โดยต้องกล้าลดขนาดกองทัพลงเพื่อไปเพิ่มเทคโนโลยีและอาวุธดีๆ มากขึ้น การรับราชการเป็นทหารอาชีพ มีการฝึกที่ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน มีมาตรฐานแบบสากล นำความภูมิใจและจิตใจรุกรบมากกว่าการบังคับไปเป็นทหารแน่นอน ซึ่งจากที่ได้เข้าไปฟังปลัดกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการเหล่าทัพในการแถลงป้องกันงบประมาณในคณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณ ทุกท่านก็พูดไปในทำนองเดียวกันนี้เช่นกัน เพียงแต่ยังไม่พูดถึงการรับสมัครแทนการเกณฑ์เท่านั้น
    “การเห็นว่าเกณฑ์ทหารและ รด. คือความเป็นธรรมนั้น โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วย และคิดว่าเป็นการแบ่งแยกกันระหว่างคนมีกับคนไม่มีด้วยซ้ำไป ยิ่งมองว่าเรียนวิชาทหารแล้วก็ไม่ต้องเป็นทหาร ยิ่งตอกย้ำเรื่องความเหลื่อมล้ำ และกองทัพจะอ่อนแอ เพราะการฝึกก็เพื่อให้ทุกคนรบได้จริง ไม่ใช่ให้ไม่ไปรบ ซึ่งการมีความแตกต่างในกองทัพมากเท่าไร ความอ่อนแอจะมากขึ้นตามมา ความสมัครใจจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ ยิ่งมีความเป็นทหารอาชีพ” พล.ท.พงศกรระบุ
    ขณะเดียวกันเพจ เสธ.Play ได้โพสต์ข้อความตอบโต้ พล.ท.พงศกรว่า กว่าจะฝึกทหารใหม่ให้สามารถทำการรบอยู่ในระดับที่ใช้งานได้ 1 ปีในการสร้างกำลังรบ ถามว่าพรรคอนาคตใหม่สามารถตรัสรู้ได้หรือว่าอีกหนึ่งปีข้างหน้าจะเกิดสงคราม ต้องเรียกระดมพลมาฝึกตอนนี้ สงครามยุคนี้ไม่ใช่สงครามสมัยอยุธยา เช่นสงครามอิรัก กองทัพสหรัฐอเมริกาเริ่มบุกวันที่ 20 มี.ค. ยึดกรุงแบกแดดได้ในวันที่ 9 เม.ย. ใช้เวลาแค่ 21 วันเท่านั้น ฉะนั้นลืมไปได้เลยเรื่องที่ว่ามีสงครามแล้วค่อยเรียกมาฝึก 6 เดือน ชาติล่มสลายก่อน           
    “ไม่อยากจะเชื่อว่านี่จะเป็นความคิดที่ผ่านออกมาจากทหารชั้นนายพล นี่อาจนับเป็นผลผลิตที่ล้มเหลวของกองทัพบก เป็นผลผลิตที่ล้มเหลวของสถาบันทางทหารทั้งหลายในประเทศไทย หรืออาจจะคลั่งผลประโยชน์ทางการเมืองจนลืมเลือนความเป็นทหารไปแล้วก็ไม่รู้ เลยต้องแกล้งทำเป็นลืม แล้วปล่อยให้นักการเมืองพยายามบอนไซกองทัพให้อ่อนแอแบบนี้”
    นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กในเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่า ประเทศของเราใช้วิธีการสมัครทหารมาหลายสิบปีแล้ว ไม่ใช่การบังคับใจกัน พอยอดการสมัครยังไม่พอถึงจะเกณฑ์ทหารเอาไปเพิ่มส่วนที่ขาด และการเรียน รด.นั้นคือการสมัครใจเป็นทหาร ดังนั้นแนวคิดเรื่องการเรียน รด.คือเส้นทางหนีทหารนั้นคงไม่ใช่สักเท่าไร
    นายภัทรโพสต์อีกว่า มีคนถามการเกณฑ์ทหารเมื่อมีสงครามแล้วค่อยเกณฑ์นั้นมีความเห็นอย่างไร ต้องตอบสั้นๆ ว่าบูลชิตมาก และยิ่งบูลชิตเพิ่มอีกหลายเท่าตัวถ้าคนพูดนั้นเคยเป็นทหารมาก่อน คิดหรือว่าการฝึกกำลังรบที่สามารถรบได้นั้นจะทำกันได้ภายใน 3 เดือน 6 เดือน ถ้าเรามีปัญหากับเพื่อนบ้าน ถึงเวลานั้นถ้าไม่มีกำลังของทหารราบที่รบเป็นและครองพื้นที่เป็นเข้ายันเอาไว้ในจำนวนที่มากพอ สามวันกรุงเทพฯ ก็ถูกยึดไปเรียบร้อยแล้ว และเรื่องนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น ครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน เรารบกับเวียดนามที่ชายแดนประเทศของเราเอง และเราไม่มีทางยันกองทัพที่มีกำลังพลมหาศาลของเวียดนามเอาไว้ได้เลย ถ้าไม่มีตัวช่วยมาทำให้เรารอดพ้นไปได้ บอกได้เลยว่าทั้งสถาบันและรัฐบาลทำงานกันหนักมากที่จะทำให้กองทัพที่ใหญ่กว่าเราเข้ามาเป็นตัวช่วยทำสงครามกับเวียดนามอีกฝั่งจนต้องถอนกำลังออกไปจากชายแดนประเทศไทย ไม่อย่างนั้นเราคงเป็นโดมิโนอีกตัวที่ล้มลงไปพร้อมกับลาวเละเขมรในเวลานั้น
    “รู้ไหมว่าเมื่อไม่ถึงสองปีที่ผ่านมา สิงคโปร์และมาเลย์ เอาทั้งเรือรบและเครื่องบินรบมายันกันในช่องแคบ และมีการใช้กำลังทหารยันกันเอาไว้อยู่หลายวันเลยทีเดียว อ่านข่าวต่างประเทศบ้างไหมว่ามีเหตุการณ์เรื่องแนวชายแดนของกลุ่มอาเซียนอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่กำลังทหารนั้นจะยันกันไว้เพื่อซื้อเวลาให้การทูตทำงานของตัวเองให้จบ เมื่อจบแล้วจะกอดกันจูบปากกันก็ถึงจะออกข่าวออกมา ถ้าติดตามอ่านข่าวต่างประเทศกันบ้างจะรู้ว่าการทูตนั้นจูบปากกันวันนี้ คืนนี้เอาทหารไปยันกันไว้นั้นมีอยู่บ่อยมาก ปีละหลายครั้ง”
    นายภัทรโพสต์อีกว่า การที่ประเทศรอบบ้านนั้นเกรงใจเรา เพราะกองทัพของเรานั้นเข้มแข็งระดับต้นๆ ของอาเซียน และรู้ไว้ด้วยว่า พม่า เวียดนาม มาเลย์ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มีเรือดำน้ำกันแล้วทั้งนั้น ไม่ต้องมาแซะไทยหรอก เพราะเรานั้นยังไม่มีเรือดำน้ำสักลำแม้จะสั่งซื้อไปแล้วก็ตาม เพราะสิ่งที่จะปราบเรือดำน้ำด้วยกันได้ที่ดีที่สุดคือเรือดำน้ำนั่นเอง กำลังทหารนั้นสำคัญในทุกมิติแม้กระทั่งเศรษฐกิจของประเทศจะไปได้ดีหรือไม่ คำพูดของเรามีน้ำหนักมากแค่ไหน ก็ต้องอยู่บนฐานของกำลังทหารที่มีอยู่ในมือให้เพื่อนบ้านเกรงใจเช่นกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"