กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

      สร้างผลงานทิ้งทวนปีสุดท้ายในการกุมบังเหียน ทัพสีกากี ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30  ก.ย.63 ได้อย่างสง่างาม บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพราะสามารถเข็นคำสั่งแต่งตั้งตำรวจระดับ สารวัตร (สว.) ถึง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) วาระประจำปี 2562 เกือบ 2,500 ตำแหน่ง ออกมาได้ตรงตามไทม์ไลน์ที่วางเอาไว้ คือ ระดับผู้กำกับการ (ผกก.) ถึง รอง ผบก.ต้องออกมาในวันที่  27 พ.ย. และระดับ สว. ถึงรองผู้กำกับการ (รอง ผกก.) ต้องออกมาในวันที่ 29 พ.ย. แล้วให้คำสั่งมีผลพร้อมกันวันที่ 13 ธ.ค. ทั้งหมดมารายงานตัวไม่เกิน 16 ธ.ค. ก็ออกตรงเป๊ะ! กลางดึกคืนวันที่ 27 พ.ย. เชื่อมต่อเช้าวันที่ 28 พ.ย. คำสั่งชุดใหญ่ๆ 4 คำสั่งก็ออกมาพร้อมกัน ได้แก่ คำสั่งที่ 674/2562 จำนวน  571 ราย, คำสั่งที่ 675/2562 จำนวน 661 ราย, คำสั่งที่ 676/2562 จำนวน 660 ราย และคำสั่งที่  677/2562 จำนวน 537 ราย รวมทั้งสิ้น 2,429 ตำแหน่ง เรียกเสียงเฮ! จากเหล่า สีกากี ทั่วหน้า เพราะก่อนหน้านี้ต่างหวั่นใจ เกรงคำสั่งจะเลื่อน จะขยายเวลาออกไปอีก ถึง ผบ.แป๊ะ จะไล่ไทม์ไลน์เอาไว้ แต่ก็น้อยคนนักที่เชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามวันเวลานั้น เพราะต่างรู้ดีว่า นักวิ่งตำรวจ ถ้าส่งแข่งโอลิมปิก ได้เหรียญทองไปแล้ว พอคำสั่งออกมาตรงตามกำหนดเป๊ะๆ บางคนถึงขนาดยกมือ...สาธุ ขอให้เป็นแบบนี้ทุกปีก็ดี ตำรวจจะได้มีขวัญกำลังใจทำงาน ๐

      ขนาด บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่มาคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเต็มตัวเป็นปีแรก ยังเอ่ย "การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.ถึง ผกก.เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ก.ตร.กำหนดเสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พ.ย. เป็นการแต่งตั้งเสร็จสิ้นก่อนกำหนด ไม่ทำให้เกิดปัญหาในการแต่งตั้งเหมือนที่ผ่านมา คำสั่งที่ออกเป็น 4 กลุ่มคือ   รอง ผบก.หมุนเวียน ผกก.เลื่อนขึ้นเป็นรอง ผบก. ผกก.หมุนเวียน และรอง ผกก.ขึ้นเป็น ผกก. ทั้งหมดรวมกัน 2,000 กว่าตำแหน่ง พิจารณาจากความเหมาะสม ความรู้ ความสามารถ และเยียวยาผู้ที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม การโยกย้ายที่ผิดฝาผิดตัวไม่ตรงความรู้ความสามารถ ให้ผู้ที่อันดับอาวุโสได้เลื่อนตำแหน่ง"

      แต่สิ่งที่ต้องชื่นชม ลุงตู่ คือนโยบายที่ได้มอบให้ ผบ.แป๊ะ หลังการแต่งตั้งไปแล้ว "จากนี้ได้กำชับในที่ประชุมหลังผ่าน 6 เดือนให้ประเมินประสิทธิภาพการทำงาน ดังนั้นการโยกย้ายจะย้ายได้อีกจะย้ายในทุก 6 เดือน ความรับผิดชอบผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นคือการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้อยู่ในกรอบการปฏิบัติที่สุจริต ผมเน้นย้ำเรื่องสุจริต แม้ข้าราชการตำรวจจะมีรายได้ที่น้อย แต่เมื่อสมัครเข้ามาแล้ว ต้องอุทิศกายและใจ สิ่งสำคัญจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อประเทศชาติ ฝากไปถึงตำรวจทุกคน ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือกัน" ยกมือเห็นด้วยทุกประการ แต่งตั้งไปแล้วต้องติดตามผล ไม่ใช่ส่งใครไปนั่งหัวหน้าหน่วย หัวหน้าโรงพัก แล้วก็ไม่ติดตามผลว่าทำงานได้ตามประสิทธิภาพหรือไม่ หากไม่มีประสิทธิภาพก็ต้องเปลี่ยน ก็ต้องย้าย ก็ต้องตรวจสอบกันทุกๆ 6 เดือน อย่าปล่อยให้ลากยาวๆ ไปเป็นปีๆ จนบางโรงพักแทบแตก เพราะ ผกก.บางคนแก้มตุ่ย รับแต่ตังค์ งานไม่สนใจ คนเป็นลูกน้องต้องทน คนที่รับกรรมคือ ประชาชน เจ้าของภาษีที่เสียไปเป็นเงินเดือนตำรวจ ไม่ได้รับการดูแล ไม่ได้รับการใส่ใจ แทนที่จะมารับใช้ประชาชนตามสโลแกนสวยหรู กลายมาเป็นรีดไถ ข่มเหงประชาชนแทน ๐ 

      นอกจากการจัดทำคำสั่งได้ตรงตามเวลาเป๊ะๆ แล้ว กฎเหล็ก ที่ ผบ.แป๊ะ วางเอาไว้ในข้อ 6 ที่ระบุ  "ข้าราชการตำรวจที่มีการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 ลง 22 ก.ค.58 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ ให้พิจารณาเสนอแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปดำรงตำแหน่งอื่นนอกพื้นที่ทุกราย" โรงพักที่เข้าข่ายต่างโดนกฎเหล็กดำเนินการหมด  พ.ต.อ.ธงชัย นุ้ยเจริญ ผกก.สภ.เมืองชุมพร ผกก.สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร หลังชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองบุกตรวจสถานบันเทิงในพื้นที่ 2 แห่ง พบเด็กอายุต่ำกว่า 15 และ 20 ปีเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล ผกก.สภ.คลองหลวง โดนย้ายไปเป็น ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บช.ภ.3 หลังมีกรณีประชาชนร้องเรียนขึ้นโรงพักแล้วไม่มีตำรวจรับแจ้งความ พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง ภูเก็ต ย้ายไปเป็น ผกก.สภ.เจาะไอร้อง นราธิวาส หลังมีปัญหาเรื่องสถานบริการในพื้นที่ ๐

      เสืออากาศ24/7 นายพลทัพฟ้าที่กำลังโลดแล่นอยู่ในโลกสื่อสังคมออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊ก Wassana  Nanuam เขียนบทความร้อนๆ ล่าสุดคือ log on ปม ยืดเวลา แบน พาราควอต อีก 6 เดือน ก่อนหน้านี้ทั้งเรื่องการยกเลิกเกณฑ์ทหาร และการพูดถึงบางประเทศที่ขายอาวุธโดยไม่ถ่ายทอดเทคโนโลยี ผู้ที่อ่านแล้วหลายๆ ตอนเดากันว่า บางประโยค-บางคำ คุ้นหูโดยเฉพาะคำสำคัญที่ว่า เม็ดเลือดขาว เรียกได้ว่านายพลทัพอากาศผู้นี้ ไม่ใช่นายพลที่อยู่ในกรุซึ่งมักนิยมขีดเขียนงานวิชาการ แต่น่าจะเป็นผู้มีบทบาทหน้าที่ในการบริหารงานภาครัฐในปัจจุบัน เมื่อมีการจับประเด็นเรื่อง "ญี่ปุ่น" หลายคนพานนึกไปถึงอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศท่านหนึ่ง ที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมแดนอาทิตย์อุทัย แต่บทบาทหน้าที่มีการจำกัดไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง จึงเชื่อว่า "งานร้อนๆ" แบบนี้คงไม่ได้มาจากนายพลคนดังกล่าวแน่นอน บางคนฟันธงว่าเป็น บิ๊กนัต-พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศคนปัจจุบัน  เพราะเป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 20 ของ บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก น่าจะมีการถกเรื่องการเมืองกันบ้าง แต่เมื่อดูจากภารกิจที่แน่นเอี้ยดแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ยาก ทำให้ปริศนาแห่งบทความร้อนจากแวดวงทหารหลายๆ ชิ้นจึงทยอยออกมาเรื่อยๆ ท่ามกลางการรุกของ "พรรคการเมือง" ที่ตรวจสอบทหารอย่างหนัก ๐

      ฮือฮาสำหรับข่าวการเตรียมยุบ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ทีมสุภาพบุรุษกงจักรของกองทัพบก ที่มีการปลุกปั้นรับการเปิดตัว "ไทยลีกอาชีพ" เมื่อหลายปีก่อน ช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเป็นผู้บัญชาการทหารบก เรียกได้ว่า สปอนเซอร์ ระดับตัวเป้ง "ทุนไทยระดับบิ๊กเนม" ที่สนับสนุนกิจกรรมมากันครบ แต่ยิ่งมีการลงทุน ซื้อตัว-จ้างโค้ชราคาแพง ดูเหมือนว่าผลงานไม่น่าพอใจ และในยุค พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็นผู้บัญชาการทหารบก ก็มีแนวคิดสร้างเอง-ทำเอง เฟ้นหาเด็กในค่ายทหารเข้า "อะเคเดมี" ที่กองทัพทำขึ้น และส่งให้ทีมของ ทบ.เรียกได้ว่าประหยัดได้มากและเป็นการสร้างคนในระยะยาว ข่าวการยุบที่ออกมาแบบ "ฟ้าแลบ" คงมีการคิดไว้นานแล้ว แต่เกิดขึ้นหลังแมตช์ที่อาร์มี่ ยูไนเต็ด พบกับ ไทยอาร์มฟอร์ซ (ทอ.) ว่ากันว่าในเกือบทุกครั้ง "บิ๊กตู่" ก็ส่งนายทหารระดับ พลตรี ใกล้ตัวไปสังเกตการณ์ แต่ครั้งนี้ดันไปเจอปรากฏการณ์ "แปลกแปร่ง" ในการวางตัวคนลงไปแข่ง ซึ่งอาจเป็นปมสำคัญในการส่งข้อมูลไปถึงบิ๊กตู่ แต่ที่แน่ๆ นายกฯ-ผบ.ทบ.ยุคนี้ไปถึงกันตลอด  จึงเป็นที่มาของคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร รองประธานสโมสรอาร์มี่ ยูไนเต็ด ที่ออกมาบอกว่าถึงเวลาต้องจัดการ และงัดเอาทีม ทบ.เอฟซี ที่กรมสวัสดิการทหารบกดูแลมาเสียบแทน หลังจากพบว่าการทำทีม อาร์มี่ ยูไนเต็ด ไม่ตอบโจทย์ ๐

      มากันเป็นทีมสำหรับคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ นำโดย พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ  หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข พร้อมด้วย นายฉัตรชัย บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ  นายธนากร บัวรัษฏ์ รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และ พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อแนะนำตัวและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประชาคมต่างประเทศและสื่อมวลชนในหัวข้อ "สนทนากับคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ : ความท้าทายและความคาดหวังต่อสันติภาพชายแดนใต้" ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) นอกจากนั้นยังเห็นทีม ตท.18 ทั้ง พล.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช ที่ปรึกษากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พล.อ.ธิวา เพ็ญเขตกรณ์ อดีตเจ้ากรมทหารมาร่วมทำงานด้วย เรียกได้ว่าเป็นการ "คิกออฟ" เริ่มงานแบบเป็นทีม แม้ในทางปฏิบัติได้ดำเนินการไปแล้ว โดยเฉพาะการประสานพูดคุยกับผู้อำนวยความสะดวกประเทศมาเลเซีย ถือเป็นการยืนยันความจริงจังของรัฐบาลไทยในการให้ความสำคัญกับการพูดคุยสันติสุข ไม่ใช่การลากยาวปัญหาให้ปล่อยไปตามสถานการณ์อย่างที่เมาธ์กัน ๐


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"