เคลียร์ใจปชป.ถอย 'ป้อม'ชี้เรื่องบุคคล'เทพไท'ย้ำโหวตสวนตามเดิม


เพิ่มเพื่อน    

     “บิ๊กตู่” ยังกั๊กไปร่วมวง 3 ธ.ค. ส่วน "ลุงป้อม" รีบแจงแค่หม่ำข้าวธรรมดา ชี้เคลียร์ใจหมดแล้วเป็นเพียงเรื่องบุคคลเท่านั้น “ประธานวิปรัฐบาล” ลั่นไม่ถอนญัตตินับคะแนนใหม่ เชื่อสภาไม่ล่มรอบ 3 แน่เพราะเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ทุกคน ประกาศไม่ไขก๊อกหากมีเหตุไม่คาดฝัน ส่วน “เทพไท” ย้ำลงมติหนุนตั้ง กมธ.วิสามัญมาตรา 44 ตามเดิม อ้างเป็นเรื่องอุดมการณ์มติวิปรัฐบาลจะปิดปากไม่ได้ “ฝ่ายค้าน” เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เคาะข้อบังคับ 85 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ยันไม่ลงคะแนนใหม่แน่
     เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานเปิดตัว เครือข่ายเพื่อความยั่งยืนประเทศไทย (Thailand Responsible Business Network: TRBN) ตอนหนึ่งว่า วันนี้กฎหมายอาจจะออกยากสักนิดเพราะต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ไม่มีปัญหาถ้าทุกคนเข้าใจในเป้าหมายของเราว่ากำลังจะร่วมมือทำอะไร เราจะต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียวคงไม่ได้แล้ว มันต้องเอาผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ หากเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย ทั้งวิธีคิด วิธีทำ จะแก้อะไรไม่ได้ จะชะงักที่เดิม และจะต่ำเตี้ยอยู่แบบนี้ ทั้งที่โอกาสเรามีมากมาย 
     “ขอฝากทุกคนที่เป็นคนไทยทั้งหมด ช่วยทำให้บ้านเมืองสงบสุข มีเสถียรภาพ สร้างความเชื่อมั่น  อะไรไม่ใช่ปัญหาหลักปัญหาใหญ่หยุดกันเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าอะไรไม่ได้ทั้งหมด ความขัดแย้งก็สูง ประชาชนก็ไม่เข้าใจ เดินอะไรไม่ได้สักอัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ได้อะไรมาก็ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์" นายกฯ กล่าวและว่า ตนเองไม่ใช่นักธุรกิจและไม่ใช่นักธุรกิจการเมือง เป็นนักปฏิบัติ ต้องช่วยทำตรงนี้ การเมืองก็เรื่องของการเมือง ก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันเท่านั้น เคารพซึ่งกันและกัน มันก็จบ ช่วยกันดึง ช่วยกันพา ช่วยกันนำไป เดี๋ยวมันก็ทำได้หมด เพราะทั้งหมดคือคนไทยทั้งสิ้น ถ้าเราไม่ร่วมมือในประเทศจะเกิดอะไรขึ้น แล้วต่างประเทศเขาจะไว้ใจหรือไม่ เราไม่มีความขัดแย้ง มีแต่ขัดแย้งกันเอง ต่างชาติเขาเห็นก็บอกว่าน่าเสียดายตรงนี้ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกันดึงเขากลับมา เอาประเทศชาติมาก่อน แล้วจะสู้กันอย่างไรก็ค่อยว่ากันต่อไป
     ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอบกรณีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลนัดพบปะหารือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้จะไปร่วมด้วยหรือไม่ว่า ขอดูก่อน กำลังดูอยู่ ส่วน  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นั้นไปอยู่แล้ว
     เมื่อถามย้ำว่าพรรคร่วมต้องการให้นายกฯ ไปด้วย พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "ถ้าผมไปก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรหรอกมั้ง ถ้าไปเยี่ยมไปอะไรหน่อยก็คงได้มั้ง” เมื่อถามอีกว่าตกลงจะไปใช่หรือไม่ นายกฯ  กล่าวว่า “ยังไม่รู้” และก่อนเดินขึ้นลิฟต์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ให้สื่อไปแทนฉัน”
ด้าน พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวเรื่องนี้ว่า เป็นการรับประทานอาหารร่วมกันธรรมดา ไม่ใช่เรื่องการกระชับความสัมพันธ์อะไร หรือต้องพูดคุยหารืออะไรร่วมกันเป็นพิเศษ เพราะนัดกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์  (ปชป.) นั้นก็พูดคุยกันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไร ส่วนการประชุมสภาในวันที่ 4 ธ.ค.นั้นเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
บิ๊กป้อมชี้แค่เรื่องบุคคล
     เมื่อถามว่าหลังจากพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานร่วมกันแล้ว สภาจะไม่ล่มเป็นครั้งที่ 3 ใช่หรือไม่  พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “สื่อคิดกันไป“ ถามย้ำว่ายังยืนยันความสัมพันธ์ในพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ว่าสามารถเคลียร์กันได้ ถ้าเกิดมีรอยร้าวในใจ พล.อ.ประวิตรสวนว่า “เอาน่า ไม่มีอะไร ทุกคนเข้าใจกัน  เป็นเรื่องของบุคคล”
เมื่อถามอีกว่าจะพูดคุยกับ ปชป.เรื่องการโหวตต่างๆ ที่มักสวนมติหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ต้อง เราคุยกันเรียบร้อยแล้ว ส่วนพรรค ปชป.พร้อมให้ความร่วมมือหรือไม่ก็เป็นเรื่องทางสภา สำหรับรัฐบาลไม่มีอะไร ทุกอย่างเรียบร้อย
     นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)  กล่าวว่า เบื้องต้นรับทราบว่าจะมีการรับประทานอาหารเย็นกันที่สโมสรราชพฤกษ์ โดยจะไปกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการพรรค ภท. 
     เมื่อถามว่าหลังจากหารือในวันที่ 3 ธ.ค.แล้วจะทำให้ประชุมสภาดีขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่าก็ดีมาตลอด ไม่เห็นมีอะไรไม่ดีเลย ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว และเมื่อถามว่านายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) โยนว่าที่สภาล่มเป็นปัญหาจากพรรค ปชป.จะทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลขึ้นหรือไม่ นายอนุทินตอบว่าไม่มีอะไร ไม่เห็นหรือว่ามีการจับไม้จับมือกัน อย่าทำให้มีเรื่องดีกว่า สื่อก็เหมือนกันยังไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง หาว่าถูกหักหลัง ถูกนู่นถูกนี่ ซึ่งมันไม่มีอะไร ทุกคนช่วยกันทำงาน
     ถามอีกว่าหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้วจะดีขึ้นหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มันดีอยู่แล้ว  ไม่มีอะไรไม่ดีเลย เมื่อถามย้ำว่ามันจะดีขึ้นใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ฮอลล์รสน้ำผึ้งผสมมะนาว  ชีวิตบางครั้งก็เปรี้ยวอย่างมะนาว บางครั้งก็หวานปานน้ำผึ้ง”
     ส่วนกลุ่มกิจสังคมใหม่นัดประชุมประจำสัปดาห์ ซึ่งนายชื่นชอบ คงอุดม เลขาธิการและโฆษกกลุ่มกล่าวว่า ได้หารือถึงปัญหาการประชุมสภาล่มซ้ำซาก โดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์เสนอให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบ แต่นายชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทให้ความเห็นว่า เป็นปัญหาการประสานงานของวิปทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน และญัตตินั้นไม่ได้ถูกเสนอโดยรัฐบาลอีกด้วย ดังนั้นวิปจึงควรรับผิดชอบ ไม่ใช่นายกฯ ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วย และนายชัชวาลล์ยังได้ชักชวนให้พรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทยเข้าร่วมทำงานเพื่อสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาล เพราะสถานการณ์ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ประเทศและพี่น้องประชาชน โดยในวันที่ 3 ธ.ค.แกนนำกลุ่มจะนำประเด็นต่างๆ ไปพูดคุยกับนายกฯ ในการร่วมรับประทานอาหารระหว่างพรรคร่วมที่สโมสรราชพฤกษ์ต่อไป
     ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวเรื่องนี้ว่าไม่แน่ใจว่าเคลียร์ใจกันได้หรือไม่ เพราะต้องไปดูว่าแผลที่เคยเกิดขึ้นเป็นแผลเล็กหรือแผลใหญ่ ในส่วนของพรรคฝ่ายค้านก็ขอเอาใจช่วย  อยากให้เขาเคลียร์กันได้ จะได้มีเสถียรภาพ
ล่มรอบ 3 ก็ไม่ลาออก
    ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 4 ธ.ค.นี้จะมีการถอนญัตติที่ขอให้นับคะแนนใหม่ เรื่องญัตติการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศ และคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 หรือไม่ว่า จะไม่มีการทบทวนมติเรื่องขอให้นับคะแนนใหม่ แต่ต้องหารือว่าจะทำอย่างไรให้องค์ประชุมวันที่ 4 ธ.ค.นี้ครบ เพื่อให้โหวตลงมติได้ ยืนยันว่าญัตติที่เสนอให้นับคะแนนใหม่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะข้อบังคับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในช่วงที่ผ่านมามีการใช้อยู่ตลอดและเขียนล้อตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นสิ่งที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาวินิจฉัยจึงถูกต้องแล้ว
    เมื่อถามว่านายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป.ระบุว่าอย่าโทษพรรค ปชป.พรรคเดียวที่โหวตสวนมติวิปรัฐบาล นายวิรัชกล่าวว่า ขอให้มาครบองค์ประชุมและมั่นใจว่าการประชุมสภาวันที่ 4 ธ.ค.นี้จะมีองค์ประชุมครบ 249 เสียง ซึ่งคาดว่ารัฐบาลจะมี ส.ส.มาร่วมประชุม 253 คน ขาดเพียงคนเดียวคือ นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ภท.ที่ป่วย
    เมื่อถามว่า หากองค์ประชุมล่มครั้งที่ 3 จะรับผิดชอบอย่างไร นายวิรัชกล่าวว่าต้องดูเหตุผลที่องค์ประชุมไม่ครบว่าเพราะอะไร เป็นหน้าที่ ส.ส.ทุกคนที่ต้องมาร่วมรับผิดชอบด้วยกัน ถ้าไม่ครบผู้ใหญ่ก็ต้องมีมาตรการออกมา แต่ยังไม่มีการพูดถึงว่าจะเป็นแบบใด สำหรับเหตุการณ์สภาล่มที่ผ่านมามี ส.ส.ของพรรค พปชร. 3 คนติดภารกิจไม่สามารถร่วมประชุมได้ ส่วนรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องมาร่วมประชุมในวันดังกล่าว
    ถามต่อถึงกรณีที่นายเทพไทให้พิจารณาตัวเองหากองค์ประชุมล่มครั้งที่ 3 นายวิรัชกล่าวว่าคงไม่ต้องพิจารณาตัวเอง ที่ผ่านมาสภาก็เคยล่ม ซึ่งสมัยพรรค ปชป.เป็นแกนนำรัฐบาล นายเทพไทก็โหวตตามมติวิปรัฐบาลทุกครั้ง
ส่วนนายเทพไทกล่าวว่า องค์ประชุมเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล และรัฐบาลก็ประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรค อยากให้ไปตรวจสอบรายชื่อ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลว่าสภาล่ม 2 ครั้งมี ส.ส.ของพรรคใดขาดการประชุมบ้าง ไม่ได้มีเฉพาะ ส.ส.ของ ปชป.เท่านั้น ส.ส.พปชร.ก็ขาดไปจำนวนหนึ่งด้วยไม่ใช่หรือ อย่าโยนความผิดมาให้กับ ปชป.พรรคเดียว
     นายเทพไทยังกล่าวถึงการโหวตลงมติในญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบของ ม.44 ว่านายวิรัชจะอ้างเอามติวิปรัฐบาลมาบังคับพรรคร่วมรัฐบาลให้ลงมติ ต้องพิจารณาว่ามติวิปรัฐบาลมีความถูกต้องชอบธรรม หรือขัดต่ออุดมการณ์ของพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ วิปรัฐบาลต้องเคารพเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ด้วย ไม่ควรใช้มติของวิปมาปิดปาก หรือมัดมือชกให้ลงมติตามความต้องการของวิปรัฐบาลทุกครั้ง
เทพไทยันโหวตตามเดิม
     "การลงมติญัตติตั้ง กมธ.วิสามัญของมาตรา 44 ในวันพุธนี้ ผมจะเข้าร่วมประชุมสภาแน่นอน ซึ่งการลงมติเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละบุคคล จะขอฟังเหตุผลคำชี้แจงจากวิปของพรรคก่อนว่าจะมีมติให้ ส.ส. 6 คนโหวตในทิศทางใด จะเป็นมติพรรคหรือมติวิปรัฐบาลเท่านั้น ถ้ามติพรรคให้ลงมติตามวิปรัฐบาลจริง  ก็จะถามในที่ประชุมพรรคว่าขัดต่ออุดมการณ์ข้อ 4 ของพรรคหรือไม่ ขอยืนยันว่าการลงมติในญัตติครั้งนี้ จะยึดหลักความถูกต้องและอุดมการณ์ของพรรคเป็นที่ตั้ง จนถึงวินาทีนี้ยังยืนยันความคิดเดิม เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.แน่นอน” 
     นายเทพไทกล่าวต่อว่า การประชุมสภาในวันพุธนี้จะล่มหรือไม่อยู่ที่ฝีมือของประธานวิปรัฐบาล ว่ามีความสามารถมากน้อยแค่ไหน ถ้าสภาล่มอีกก็ควรทบทวนบทบาทของตัวเองด้วย และถ้าหากในวันพุธนี้มีการระดมสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลจนครบองค์ประชุมแล้ว การลงมติในเรื่องนี้ฝ่ายรัฐบาลก็ชนะโหวตแน่นอน แม้ว่า ส.ส. 6 คนของพรรค ปชป.จะลงมติเหมือนเดิมก็ตาม
     ส่วนนายสุทินกล่าวถึงข้อเสนอให้ทบทวนแก้ข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 85 ว่าเป็นเรื่องที่ดี ข้อบังคับดังกล่าวเมื่อใช้ไปเราก็เห็นข้อบกพร่อง ซึ่งต่อไปควรให้นิยามให้ชัดเจน การจะนับคะแนนใหม่หรือการขอลงคะแนนใหม่ ซึ่งการจะขอนับคะแนนใหม่ต้องมาจากเรื่องอะไร ต้องเขียนให้ชัด ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาลยืนยันให้ลงคะแนนใหม่ในการประชุมวันที่ 4 ธ.ค.นั้น พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนำไปหารือกัน แต่พรรคเพื่อไทยยังยืนยันในจุดยืนเดิมจะไม่ลงคะแนนใหม่
     “ฝ่ายค้านเตรียมยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในเรื่องของข้อบังคับการประชุมสภาข้อ 85 ว่า เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากการขอนับคะแนนใหม่อาจกลายเป็นการลงคะแนนใหม่ได้ ซึ่งการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถสร้างบรรทัดฐานให้กับการลงมติในครั้งต่อไปได้” นายสุทินกล่าว
     นายสุทินยังกล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจช่วงต้นปี 2563 ว่าเป็นไปได้ เพราะตอนนี้เรามีข้อมูลใหม่เข้ามา โดยหากมีการอภิปรายในช่วงปลายเดือน ม.ค.63 ถือว่าเหมาะ เรามีข้อมูลเราพร้อมเพรียง ขอยืนยันว่าที่ยังไม่ยื่นอภิปรายไม่ใช่ฝ่ายค้านไม่มีข้อมูล หรือต้องการประวิงเวลาแต่อย่างใด
จี้สปิริตถอนญัตติ
     ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรค พท.กล่าวถึงเหตุการณ์สภาล่มหลังจากมีการลงมติตั้งคณะ กมธ.มาตรา 44 ว่า สะท้อนความอ่อนแอไร้เสถียรภาพของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งเป็นผลพวงของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีกติกาเลือกตั้งบิดเบี้ยว จนเกิดรัฐบาลผสมเกือบ 20 เสียง ขาดเอกภาพและเป็นช่องทางให้นักการเมืองไร้อุดมการณ์นำเก้าอี้ ส.ส.มาต่อรองผลประโยชน์ เวลาที่ไม่ได้รับผลประโยชน์ดังใจก็ป่วนหรือทำตัวเป็นงูเห่าเพื่อต่อรอง หากไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญการเมืองไทยก็จะมีสภาพเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ 
     “พรรคร่วมฝ่ายค้านที่วอล์กเอาต์จนองค์ประชุมไม่ครบ ไม่ใช่การป่วนสภา แต่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่มีการทำผิดข้อบังคับการประชุมสภา จึงขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนญัตตินับคะแนนใหม่ดังกล่าวออกไป เพื่อแสดงสปิริตทางการเมือง หรือหากจะยังคงมติเดิมไว้ก็ต้องทำให้ถูกต้องตามข้อบังคับ  คือต้องเป็นการนับใหม่จริงๆ ไม่ใช่ลงคะแนนครั้งใหม่ ไม่อย่างนั้นก็เท่ากับเป็นการโกงมติ”
     ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงญัตติเสนอตั้ง กมธ.มาตรา 44 หากไม่ผ่านการเสนอญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะยังทำไม่ได้ใช่หรือไม่ว่า "ใช่ อย่างไรก็ต้องตั้ง กมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" 
     นายวิษณุยังกล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาลต่อรัฐสภาในรอบ 6 เดือนว่า ตามหลักไม่มีการแถลงผลงานในรอบ 6 เดือนต่อรัฐสภา หากมีคงเป็นการแถลงกับสื่อเท่านั้น และในอดีตไม่เคยมีการทำ นอกจากจะครึ้มอกครึ้มใจปีละหน แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ ต้องรายงานการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติปีละครั้ง รายงานเรื่องการปฏิรูป 3 เดือนต่อครั้ง โดยทำกันมา 2-3 วงรอบแล้ว ซึ่งไม่มีที่ไหนกำหนดว่าจะต้องแถลงผลงานในรอบ 6 เดือน แต่อาจพิมพ์เป็นเล่มเผยแพร่เพื่อให้อ่านซึ่งว่าไปตามเรื่อง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"