11ธ.ค.62-นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (เลขานุการ รมว.ศธ.) กล่าวว่า ตามที่ตนได้รับมอบหมายจากนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ให้ดูแลเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ครู เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ประชุมหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และคณะชุมนุมสหกรณ์ครูไทย เนื่องจาก สพฐ. ถือว่าเป็นหน่วยงานที่มีผู้กู้ที่เป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัด สพฐ. กว่าร้อยละ 80 ได้มารายงานสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และในส่วนของ สกสค.ก็ได้มารายงานหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการโครงการสวัสดิการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) โครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรส (ช.พ.ส.) รวมถึงปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินครู ทั้งนี้สำหรับคณะชุมนุมสหกรณ์ครูไทย ที่ดูแลสหกรณ์ครูทั่วประเทศ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะชุมนุมฯ ทำข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้ครูที่ได้มีการตกผลึกความเห็นจากตัวแทนครูทั่วประเทศแล้ว และคณะทำงานของตนจะนำแนวทางนี้มาวิเคราะห์ เพื่อต่อยอดการดำเนินงาน

“ในสัปดาห์หน้า คณะทำงานของผมเตรียมที่จะหารือร่วมกับธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทย ในฐานะเจ้าหนี้ เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหา รวมถึงข้อเสนอในการช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงกรณีที่ศาลปกครองกลาง พิพากษาเรื่องการหักเงินเดือน เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อชำระหน้ีเงินกู้ ว่า เงินเดือนสุทธิหลังจากหักชำระหน้ีแล้วต้องเหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ซึ่งถือว่าเป็นข้อจำกัดสำหรับผู้ปล่อยเงินกู้ และจะทำให้เกิดหนี้เสียมากขึ้น เนื่องจากการดำเนินการตามคำสั่งศาลดังกล่าว จะทำให้ธนาคารไม่สามารถหักหนี้ได้โดยตรง ผู้กู้ต้องเป็นผู้ชำระเงินเอง ดังนั้นเรื่องที่จะต้องตามมา คือ วินัยทางการเงิน อย่างไรก็ตาม คณะทำงานก็จะยึดการดำเนินการตามกฎหมายแน่นอน ส่วนข้อมูลอื่นๆ ก็คงต้องมาดูในรายละเอียดว่าจะปรับปรุงแก้ไขได้อย่างไร”เลขานุการ รมว.ศธ.กล่าวและว่า ทั้งนี้สำหรับการอุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าว ศธ.คงจะไม่อุทธรณ์ แต่เท่าที่ตนทราบขณะนี้ก็มีหลายหน่วยงานที่อุทธรณ์คำสั่งศาลดังกล่าว