ทอนปลุกม็อบบีบศาล หวัง‘สาวกโซเชียล’สู้คดียุบบิ๊กตูซั่ดใช้เรื่องส่วนตัวป่วน


เพิ่มเพื่อน    

 

กกต.ส่งคำร้องยุบ อนค.ปมเงินกู้ "ธนาธร" ให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จับตาเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า ขณะที่ "พ่อฟ้า" ทนไม่ไหวแล้ว ปลุกสาวกลุกขึ้นสู้ที่สกายวอล์กปทุมวัน 17.00 น. วันเสาร์นี้ เปิดไต๋ไปร่วมกิจกรรมวิงไล่ลุงด้วย จัดประชุม ส.ส.ส้มหวานพร้อมยืนสู้กับพรรค "ปิยบุตร" ขู่ฟ้องกลับ กกต.ผิด ม.157 "ช่อ" เผยหากถูกยุบ ส.ส.อนค.มีที่อยู่แน่นอน อ้างการประท้วงเป็นสิทธิ ไม่ได้ขออนุญาตชุมนุม "บิ๊กตู่" ย้อนถามสมควรหรือไม่เอาปัญหาส่วนตัวมาปลุกม็อบ ย้ำต้องทำตามกฎหมาย พรรคร่วมรัฐบาลเตือนอย่าปลุกม็อบลงถนนสร้างความวุ่นวาย  
    เมื่อวันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม ร.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผอ.สำนักสนับสนุนการสืบสวนสอบสวน, นายสมพล พรผล ผอ.สำนักกิจการพรรคการเมือง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้นำสำนวนคำร้องของ กกต. ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่ากรณีพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กู้ยืมเงินจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 191,200,000 บาท เป็นการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72 แห่งพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
    โดยฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนศาลรัฐธรรมนูญได้ตรวจสอบคำร้องพร้อมพยานหลักฐานที่ กกต.นำส่ง รวมทั้งการลงชื่อรับรอง ซึ่งการตรวจสอบเอกสารหลักฐานใช้เวลาไม่นาน และเมื่อแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่ได้เดินทางกลับสำนักงาน กกต.ทันที โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือตอบข้อซักถามใดๆ กับสื่อมวลชน 
    อย่างไรก็ตาม เป็นที่จับตาดูว่าการยื่นเรื่องของ กกต.ในวันนี้จะทันกับการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีการประชุมในวันพุธที่ 18 ธ.ค.นี้หรือไม่
     ขณะเดียวกัน ช่วงบ่าย เพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์วิดีโอ โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ถ้าทุกท่านรู้สึกทนไม่ไหว ไม่อยากทนกับสภาวะสังคมอีกต่อไป ผมอยากเชิญชวนทุกคน วันที่ 14 ธ.ค.นี้ พบกันเวลา 17.00 น. ที่สกายวอล์ก ปทุมวัน นี่คือเวลาที่เราต้องส่งเสียงของประชาชนให้ดัง ให้ผู้มีอำนาจได้ยิน ถ้าท่านเห็นด้วยกับผมว่าพวกเราประชาชนต้องลุกขึ้นสู้ ทวงคืนความชอบธรรม ความเสมอภาคทางสังคมกลับคืนมา เจอกัน 14 ธ.ค. สกายวอล์กปทุมวัน โดยการชุมนุมดังกล่าวจะเป็นการชุมนุมถึงเวลา 18.00 น.เท่านั้น
    ขณะที่บัญชีทวิตเตอร์ของนายธนาธรมีการโพสต์ข้อความระบุเกี่ยวกับกิจกรรมการวิ่งไล่ลุงอีกว่า กะกะกะ #กลัวที่ไหน #วิ่งไล่ลุง ผมไปแน่นอน ส่วนเพื่อนอีก 5 คนที่ต้องแท็กชวนจะเป็นใคร รอติดตาม
    หลังจากนั้น นายธนาธรโพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งหลังไลฟ์สดเชิญชวนประชาชนออกมาชุมนุมในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ที่สกายวอล์กเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมว่า "ถึงประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ กระดาษหนึ่งใบ พร้อมข้อความถึงผู้ที่ครองอำนาจอยู่ ณ ห้วงเวลานี้ พรุ่งนี้เสาร์ที่ 14 ธันวา พบกันที่สกายวอล์ก หน้าหอศิลป์ 17.00 น."
     นายธนาธรยังโพสต์บทกวีของ จิตร ภูมิศักดิ์ ด้วยว่า "หนทางพิสูจน์ม้า และเวลาพิสูจน์คน ใครถอยและใครทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา"
      นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊กนายธนาธรโพสต์ข้อความอีกว่า วันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2562) ผมและหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านทุกพรรค จะไปร่วมงานเสวนาในหัวข้อ “พรรคการเมืองร่วมใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่จัดขึ้นโดยคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน l ครช.  เวลา 14.00-16.30 น. หลังจากจบกิจกรรมเสวนานี้ ผมจะตรงไปที่สกายวอล์ก หน้าหอศิลป์ เพื่อไปพบกับผู้ไม่ถอยและไม่ทนทุกท่าน แล้วพบกัน
Siam Music หลีกม็อบพ่อฟ้า
    ต่อมา เฟซบุ๊ก cocacolaTH ซึ่งเป็นผู้จัดงาน Siam Music Fest 2019 ได้โพสต์ข้อความว่า ทางทีมงานขอแจ้งให้ทราบว่า จากการประเมินสถานการณ์ขณะนี้ Coca-Cola presents Siam Music Fest 2019 จะจัดขึ้นตามเดิมในวันและเวลาที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ โดยจะมีการเลื่อนเวลาร่วมกิจกรรม Guinness World Records ในวันที่ 14 ธ.ค.2519 เป็นเวลา 14.00-16.00 น. โดยผู้ร่วมงานจะได้รับการอำนวยความสะดวก และมีการรักษาความปลอดภัยในงานอย่างดี ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลง เราจะแจ้งผ่านทาง Facebook อีกครั้ง
     ด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ได้มีการประชุมพรรคอนาคตใหม่ในช่วงค่ำ เพื่อหารือกันถึงในเรื่องการทำงานด้านต่างๆ แต่เนื่องจากการประชุมในวันดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมประชุมยังไม่มาก ทำให้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ออกมา จึงได้มีการนัดประชุมใหญ่อีกครั้งในสัปดาห์หน้า คือวันที่ 16 ธ.ค.-17 ธ.ค. เพื่อให้ผู้บริหารสาขาพรรคตามจังหวัดต่างๆ เข้ามาร่วมประชุมด้วย
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค อนค. กล่าวว่า ยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ กกต.กล่าวหาเรื่องการกู้ยืมเงิน ส.ส.ส่วนหนึ่งภายในพรรคยังไม่รู้ที่มาที่ไป และกฎหมายพรรคการเมืองไม่มีการระบุว่าหากพรรคการเมืองกู้ยืมเงิน แต่ในขณะนี้ทุกคน รวมถึงกรรมการบริหารพรรคได้มีการพูดคุยหารือจนเกิดความเข้าใจแล้ว โดยเฉพาะ ส.ส.ของพรรคทุกคนยังยืนยันหนักแน่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังคงต่อสู้เดินหน้าทางการเมืองต่อไป แม้ว่าจะไม่มีพรรค อนค.บางคนก็จะขอลาออกโดยที่ไม่ต้องการไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น
    ส่วนกระแสข่าวพรรคสำรองของพรรค อนค. น.ส.พรรณิการ์ ยืนยันว่ามีการพูดคุยในเรื่องนี้บ้าง เพราะพรรค อนค.ไม่ได้ไร้เดียงสาถึงขั้นจะไม่รู้ว่าพรรคจะถูกโดนยุบหรือไม่ คงต้องมีการเตรียมการไว้บ้างแล้ว ขอให้ประชาชนที่สนับสนุนพรรคไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ ส่วนจะเป็น "พรรคสามัญชน" ของนายไผ่ ดาวดิน หรือไม่นั้น ไม่ขอระบุลงในรายละเอียด แต่จะต้องเป็นพรรคที่มีจิตวิญญาณเดินหน้าทางการเมืองเหมือนพรรคอนาคตใหม่ 
    "เราไม่ได้บอกว่ามีการตั้งพรรคสำรอง  และวันนี้การยุบพรรคยังไม่เกิดขึ้น แต่หากเกิดอะไรขึ้น ยืนยันว่ามีที่อยู่สำหรับ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่แน่นอน โดยจะเป็นพรรคที่มีจุดยืนและอุดมการณ์เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ และจะยังเป็นพรรคที่มีที่นั่ง ส.ส.อันดับ 3 ในสภาเช่นเดิม"  
     โฆษกพรรค อนค.กล่าวถึงการจัดกิจกรรมรวมตัวกันที่สกายวอล์ก หอศิลป์ กรุงเทพฯ ในวันเสาร์นี้ว่า อยู่ระหว่างการประชุมภายในพรรค ขอให้รอดู ย้ำว่ามีการเรียกร้องในเรื่องนี้มาเยอะ ซึ่งหลายคนอยากจะแสดงออกทางความคิด เช่นเดียวกับกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ที่นายธนาธรทวีตว่าจะเข้าร่วมด้วย มองว่าเป็นเรื่องสนุกที่น่าทำ เหมือนเป็นการท้าต่อๆ กันไปมา เหมือนไอซ์บัคเก็ตชาเลนจ์ เพราะมองว่ามันเป็นการแสดงออกผ่านกิจกรรมโดยสันติ ส่วนตัวก็คาดว่าจะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่ามีเพื่อนแท็กชวนหรือไม่
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ขออนุญาตจัดชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ตอบว่า ไม่มี
    ส่วนกระแสข่าวว่านายธนาธรกำลังจะเริ่มปลุกระดมลงท้องถนน น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า ไม่มีอะไรน่ากังวล กิจกรรมต่างๆ ที่ผ่านมาเวลามีการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องอะไรสักอย่าง ได้รับความสนใจจากรัฐบาลและสื่อมวลชนน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ซึ่งการประท้วงก็เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
ปลุกสมาชิกสู้ขู่ฟ้อง กกต.
         ที่ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ตึกไทยซัมมิททาวเวอร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. จัดประชุม ส.ส.เกี่ยวกับสถานการณ์ของพรรคล่าสุด หลังจากที่ กกต.มีมติร้องไปที่ศาลรธน.ขอให้มีการยุบพรรค อนค. รวมทั้งอธิบายว่าเหตุใดจึงต้องกู้เงินหัวหน้าพรรค และอธิบายว่ามีความผิดหรือไม่อย่างไร โดยมีส.ส.เข้าร่วมประชุมกับเกือบครบ ต่างให้กำลังใจกัน พร้อมยังเชื่อมั่นในหลักการ ความถูกต้อง และอุดมการณ์ของพรรค
    นายปิยบุตรกล่าวว่า เมื่อพรรคได้ก่อตั้งขึ้น สิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกและรวดเร็วที่สุดเพื่อที่จะลงเลือกตั้งได้ทั้ง 350 เขต นั่นก็คือต้องหาสมาชิกและตั้งสาขาพรรคให้ครบตามที่กฎหมายกำหนด และเมื่อได้รับการรับรองในการจดจัดตั้งพรรคแล้ว จะเร่งระดมทุนหารายได้เข้าพรรคเพื่อใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่ปรากฏว่าขณะนั้นมีคำสั่งของ คสช. ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง รวมทั้งเรื่องของการจัดระดมทุนรับบริจาคหรือขายสินค้าที่ระลึก จึงเป็นที่มาของการที่พรรคตัดสินใจทำสัญญากู้เงินกันคุณธนาธรขึ้นมา โดยมีดอกเบี้ยที่ชัดเจน ซึ่งขณะนี้ก็คืนไปบางส่วนแล้ว หลังจากที่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้
    "พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคล เป็นเอกชนชัดเจน พรรคการเมืองไม่ได้ใช้อำนาจรัฐ เราจะได้ใช้อำนาจรัฐต่อเมื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งได้เข้าไปเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคำว่าเอกชน ถ้าไม่มีอะไรห้าม มีเสรีภาพที่ทำได้หมด ทำได้ทุกอย่าง เว้นแต่กฎหมายไม่ให้ทำ ถึงเวลาที่ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมาแล้วว่า เมื่อมติ กกต.ออกมาแบบนี้ ผมยืนยันว่าพรรคจะสู้ในทางกฎหมายอย่างเต็มที่ และเราก็จะสู้ในเรื่องของการฟ้อง กกต.เป็นคดีอาญา ต่อศาลอาญาแผนกคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ฐานที่ใช้อำนาจโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา 157 สิ่งที่ใช้โดยมิชอบในข้อเท็จจริงมีอยู่ 2 เรื่องคือ เรื่องกระบวนการข้าม Fast Track เร็วมาก และการตีความกฎหมายให้เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 72 แบบบิดผัน ใช้ไม่ตรงกับองค์ประกอบ" นายปิยบุตรกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายปิยบุตรอธิบายว่าเหตุใดจึงต้องกู้เงินหัวหน้าพรรค ก็ได้ให้ ส.ส.ของพรรคร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่ง ส.ส.ทั้งหมดยืนยันที่จะต่อสู้ร่วมกับพรรค พร้อมทั้งยังแสดงออกตรงกันว่ายังเชื่อมั่นและไม่มีการเสียขวัญแต่อย่างใดกับการที่มติของ กกต.ออกมาแบบนี้
    พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค อนค. กล่าวว่า หลายฝ่ายให้กำลังใจพวกเรา และบอกว่ามีหลายอย่างของการพิจารณาคดีที่ผิดปกติ ซึ่งพรรคกำลังหาทางต่อสู้คดี ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎหมายตามที่ กกต.ตัดสิน และเชื่อว่าพรรคจะไม่ถูกยุบ ที่ผ่านมาได้พูดคุยกับ ส.ส.และสมาชิกพรรคบ้างแล้ว และมีบางคนพูดถึงวิธีการรักษาเสียงในสภาให้อยู่ที่ 80 เสียงเหมือนเดิม โดยให้กรรมการบริหารพรรคลาออกจาก ส.ส. แล้วดันผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมาแทน เหมือนที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.แนะนำ แต่หลายคนยังเชื่อว่าพรรคไม่ผิด เรายังมีเวลาต่อสู้คดี จึงยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องทำแบบนั้น โดยพรรคจะประชุมใหญ่เพื่อหารือถึงแนวทางกันก่อน 
    ทั้งนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า โพรงแห่งอนาคตใหม่ สู้แบบไม่ผิดกติกา 1.หากมีการยุบพรรค กก.บริหารที่เป็น ส.ส. 10 คน ถูกตัดสิทธิ์ ไม่สามารถเลื่อนคนในบัญชีรายชื่อขึ้นมาได้ทัน จะทำให้ ส.ส.ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ เหลือแค่ 70 คน 2.วิธีการในการรักษา 10 เสียงในสภาไว้ คือการลาออกจาก ส.ส.ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน จะมีการเลื่อนลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรคขึ้นมา จำนวน ส.ส.หลังจากยุบพรรคยังจะเป็น 80 คนตามเดิม 3.การย้ายพรรคใหม่ ภายใน 60 วัน หลังจากยุบพรรค ไม่จำเป็นต้องย้ายเข้าสังกัดพรรคที่มี ส.ส.อยู่แล้วในสภา ดังนั้นจะย้ายไปยังพรรคอะไรก็ได้ ที่มีชื่อจดทะเบียนจัดตั้งพรรคกับ กกต.ไว้แล้ว ซึ่งทั้ง 80 ส.ส.ของอนาคตใหม่ยังสามารถรวมกันอย่างเป็นกลุ่มก้อน และสร้างผลงานจากพรรคชื่อใหม่ได้ 4.กรรมการบริหารที่ถูกตัดสิทธิ์จะต้องไม่ส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของพรรคใหม่ โดยยังจะเป็นกรรมการบริหารของพรรคเดิมเพื่อชำระบัญชี ทรัพย์สิน เพื่อรายงานต่อ กกต.ภายใน 180 วัน (ขอขยายเวลาได้)
สตช.ลั่นต้องขออนุญาตม็อบ
    นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า ทางที่ดีจึงควรมีแผนสำรอง แทนที่จะไปโต้เถียงว่าโดนกลั่นแกล้ง เพราะเอาเข้าจริงต้องยอมรับว่าทั้งเรื่องหุ้นสื่อและเงินกู้พรรค ล้วนเป็นเรื่องที่คุณธนาธรสะดุดขาตัวเองแท้ๆ แบบเดียวกับคุณปารีณา ต่างกันตรงที่ “คุณธนาธรอยู่ฝ่ายค้าน” แต่ “คุณปารีณาอยู่ฝ่ายรัฐบาล” การวางแผนสำรองของคุณธนาธรจึงหนักหนาสาหัสกว่าที่จะร้องเพลง “let it be ช่างแม่มัน” อย่างคุณปารีณามาก ผลลัพธ์จะสั่นสะเทือนถึงคะแนนที่ “ปริ่มน้ำ” อยู่ในขณะนี้ ให้กลายเป็นคะแนนที่ “เด็ดขาด” “นายกฯตู่” จะขาไม่ลอยน้ำ จนต้องไปทำท่าทีคอยเอาอกเอาใจ เลี้ยงหูฉลาม กอดรัดฟัดเหวี่ยง รักพรรคร่วมรัฐบาล หรือพวกตีสองหน้าให้เสียศักดิ์ศรีแบบทุกวันนี้
         นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายธนาธรนัดรวมพลม็อบวันที่ 14 ธ.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ว่าต้องขอแสดงความเห็นใจและเข้าใจพรรค อนค.ในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้ชาว อนค.ทุกคนในฐานะที่ยืนอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน โดยสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องยืนยันว่า เส้นทางเดินให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยมีความยากลำบากและต้องอดทน ส่วนข่าวที่จะมีการแสดงออกของกลุ่มบุคคลที่ต้องการแสดงความรูสึกในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย และเป็นสิทธิและเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ไม่อยากให้ผู้มีอำนาจกังวลใจในเรื่องดังกล่าวมากเกินไป ควรเปิดใจให้กว้าง ส่วนสมาชิก พท.จะร่วมแฟลชม็อบครั้งนี้ด้วย ก็เป็นสิทธิของสมาชิกพรรคแต่ละคน ตราบใดที่เป็นการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตย และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีนายธนาธรโพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนลุกขึ้นต่อสู้นัดพบกันเวลาวันที่ 14 ธ.ค.ที่สกายวอล์ก ว่า ประชาชนคนไทยมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามกรอบที่กฎหมายได้ให้สิทธิ์หน้าที่เอาไว้ แต่การแสดงสิทธิ์ของตัวเองต้องไม่กระทบสิทธิ์ของคนอื่นด้วยการแสดงสิทธิเสรีภาพแบบนี้ต้องไปดูว่าไปละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นหรือผิดกฎหมายส่วนไหน ต้องมีการขออนุญาตเจ้าหน้าที่รัฐด้วยหรือไม่ อย่างไร อยากเตือนว่าการกระทำลักษณะแบบนี้อาจหมิ่นเหม่ต่อการปลุกระดม ต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดี เพราะถ้ามีการดำเนินการทางกฎหมาย เดินหน้าไปแล้วถอยหลังไม่ได้ 
    รองโฆษก ตร.กล่าวด้วยว่า ในการดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ใช้กำลังตำรวจของ สน.ปทุมวัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) เป็นหลัก ส่วนด้านการข่าวความมั่นคง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบดูแล ยืนยันเจ้าหน้าที่ทำงานไม่มี 2 มาตรฐาน 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์อย่างอารมณ์หงุดหงิด กรณีนายธนาธรนัดชุมนุมวันที่ 14 ธ.ค.นี้ว่า "ไม่เกี่ยว ผมไม่พูดถึงด้วย เพราะไม่ใช่คนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ผมไม่พูด เป็นเรื่องของศาล ไม่เกี่ยวกับผม" เมื่อถามว่าเรื่องนายธนาธรนัดมวลชนเพื่อรวมพลัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงเขาดูแลอยู่ ตนคงไม่ต้องไปสั่งจับตาอะไรมากนักหรอก ทำไมต้องสั่งทุกเรื่อง หน้าที่ของใครก็หน้าที่ของใคร ก็ว่ากันไป
"บิ๊กตู่"ฮึ่ม!เอาเรื่องส่วนตัวมาม็อบ
    เมื่อถามว่าเกรงจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวที่จะลามบานปลายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "อ๋อ แล้วพวกคุณกลัวหรือไม่ล่ะ ถ้ากลัวก็ไปช่วยกันเตือนคนว่าอย่าไปทำให้เกิดน้ำผึ้งหยดเดียว แล้วมันเหมาะสมหรือเปล่าในช่วงปีใหม่นี้ ทุกคนจะมีความสุข มันควรหรือไม่ล่ะ สมควรหรือไม่ มันเป็นปัญหาส่วนตัวของใครหรือเปล่า มันเป็นปัญหาของคนอื่นด้วยหรือเปล่า เอาล่ะ พอแล้วเรื่องนี้ พูดไปก็ไม่เข้าท่า" 
    ถามอีกว่าการที่นายธนาธรยังไม่ได้ขออนุญาตฝ่ายความมั่นคงเรื่องการชุมนุม จะสามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า "กฎหมายเขาว่าอย่างไร รู้จักคำว่ากฎหมายหรือไม่ เรื่องกฎหมายก็ต้องไปขอ และเป็นเรื่องของตำรวจที่จะพิจารณาอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเขา โอเค สวัสดีครับ มีแต่เรื่องเดิมๆ" 
     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายปิยบุตรไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของ กกต.ที่ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า ตนไม่รู้ จะไม่รับได้อย่างไร  ซึ่ง กกต.เขาคงต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าเป็นห่วงจะมีการเคลื่อนไหวบนท้องถนนจากกรณีนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีๆ
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณี กกต.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ หากมีคำตัดสินให้ยุบพรรค ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไร ว่าไม่ทราบ ซึ่งหากมีการแปลตามข้อกฎหมาย หากมีการยุบพรรค ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ต้องหาพรรคใหม่ภายใน 60 วัน จะไปไหนก็แล้วแต่เขา  ต่างจากกรณี ส.ส.ลาออก อันนี้จะหมดสถานะไปอัตโนมัติ ซึ่งรัฐธรรมนูญเขาเขียนไว้หมดแล้ว สำหรับ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อหากอยู่ในช่วงเวลา 1 ปี ภายหลังการเลือกตั้งก็ต้องคำนวณใหม่ ซึ่งการคำนวณใหม่นี้คือหลักการ 
    ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยบอกว่าพร้อมให้คำปรึกษาพรรคอนาคตใหม่ในการต่อสู้คดีจะเป็นปัญหาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เป็นไร ส่วนที่มีคนออกมาตั้งข้อสังเกตว่าอาจเข้าข่ายการครอบงำพรรค ซึ่งผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองนั้น เขาคงมีวิธีการหลีกเลี่ยงคำว่าครอบงำ เพราะคำว่าครอบงำไม่ใช่อะไรก็ครอบงำไปหมด ถ้าทำให้เป็นก็ไม่เป็นไร  ก็ทำให้เป็นก็แล้วกัน  
    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณี กกต.ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่า เรื่องยุบพรรคตนก็เคยโดนมาแล้ว มันเป็นเงื่อนไขทางกฎหมาย หากเราไปพลาดพลั้ง เช่นพรรคมัชฌิมา ก็ถูกยุบตอนเป็นรัฐบาลได้ 2 ปี มันเป็นไปตามกลไกของกฎหมาย เราเคยโดนมาแล้ว เข้าใจ เห็นใจ แต่ก็ต้องทำใจ ส่วนที่นายปิยบุตรไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของกกต. นายสมศักดิ์บอกว่า ก็คำวินิฉัยไปยุบพรรคเขา เวลายุบของตน ตนก็ไม่อยากยอมเหมือนกัน ภรรยาก็ถูกตัดสิทธิ์ ทั้งครอบครัวโดนไปหมด แต่ถึงเราจะไม่ยอมรับอย่างไร ก็โดนมาแล้ว มันเป็นไปตามกฎหมาย ตนก็เคยทำใจมาแล้ว 
    เมื่อถามถึงกรณีนายธนาธรเตรียมนัดชุมนุมแสดงพลัง เพราะทนไม่ไหวกับความอยุติธรรม ภายใต้กิจกรรมชื่อ "กลัวที่ไหน" นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็แล้วแต่ ส่วนจะมีผลกระทบกับรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนจะสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมืองหรือไม่ คงต้องติดตามดูกันต่อไปตามอัธยาศัย 
อย่าปลุกม็อบลงถนน
     นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรค พปชร. กล่าวว่า สิ่งที่เป็นห่วงก็คือการเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่ที่พยายามปลุกระดมมวลชนลงถนนหรือไม่ วันนี้ไม่อยากให้โทษรัฐบาล เพราะทุกอย่างที่พรรคอนาคตใหม่มีปัญหาเกิดจากการกระทำของนายธนาธรและนายปิยบุตรรัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเห็นได้ชัดเจนเพราะขนาดสมาชิกพรรคที่ลาออกไปก็ออกมาพูดเป็นระยะๆ ทั้งนี้ อยากให้พรรคอนาคตใหม่เคารพกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะไม่มีใครไปกลั่นแกล้ง อย่าพยายามบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิด 
    "กิจกรรมต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมือง หรือการแบ่งข้างประชาชน น่าจะเลิกจัดได้แล้ว จากวิ่งไล่ลุง น่าจะมาวิ่งช่วยลุง ช่วยประเทศไทยยังจะดีกว่า นายธนาธรควรมีสติ ทบทวนตัวเองว่าปีที่ผ่านมาทำความดีอะไรให้ประเทศบ้าง นอกจากการใช้วาทกรรมโจมตี พล.อ.ประยุทธ์" นายธนกรกล่าว
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. กล่าวถึงกรณีที่นายปิยบุตรไม่เห็นด้วยกับมติ กกต.ว่า พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคการเมืองหรือเป็นบริษัทเอกชน ก็มาดูกฎหมายที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองคือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งในมาตรา 62 กำหนดแหล่งรายได้ของพรรคการเมืองไว้ชัดเจนว่ามี 7 ประเภท "เงินกู้” ไม่ได้อยู่ใน 7 ประเภทที่ว่าเลย ดังนั้น “เงินกู้” จึงเป็นเงินนอกกฎหมาย เป็นเงินที่มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีกฎหมายข้อใดอนุญาตให้ทำได้ ดังนั้นที่ กกต.มีมติว่าเงินกู้ยืม 191 ล้านบาทเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 72 จึงเป็นการวินิจฉัยที่ถูกต้องแล้ว 
    "การออกมาให้เหตุผลทางกฎหมายของนายปิยบุตรที่ไม่ยอมรับมติ กกต. จึงอาจเป็นที่น่าอับอายของนักกฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญสูงในสาขามหาชน ซึ่งนายปิยบุตรควรกลับไปทบทวนอ่านหนังสือ “ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมายทั่วไป” ของ ศ.ดร. หยุด แสงอุทัย ก่อนที่จะมาตัดสิน กกต. หรือใครว่าสอบตกหรือสอบผ่าน"
     น.ส.ทิพานันกล่าวว่า กกต.ไม่ได้เร่งรัดการทำคดีนี้เป็นพิเศษแต่อย่างใดเลย กกต.ได้รับคำร้องจากคุณศรีสุวรรณเกือบ 7 เดือนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. และที่ผ่านมา กกต.ได้ขอเอกสารเพื่อพิจารณามาโดยตลอด พรรคอนาคตใหม่ต่างหากกลับเป็นฝ่ายเพิกเฉยและบ่ายเบี่ยงไม่ส่งพยานหลักฐานเอกสาร และขอขยายเวลาเรื่อยมา ดังนั้นการกล่าวหา กกต. จึงอาจเป็นแท็กติกของนักการเมืองที่ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี เมื่อทีมฟุตบอลของนายปิยบุตรทำฟาล์วเพราะหลงไปอ่านกติกาผิดเล่ม ไม่ทำตามกติกาใหม่ พอผลแข่งแพ้ก็โทษกรรมการ โทษกติกาว่าไม่ยุติธรรม ในการกระทำเช่นนี้ถือว่าทีมไม่เคารพกติกา ไร้น้ำใจนักกีฬา 
    พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าได้มีความพยายามจากพรรครัฐบาลในการดึง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่เข้าร่วมว่า ยืนยันได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทยเราไม่ได้มีการประสานไปยัง ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ เรามีมารยาท ให้ความเคารพในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของแต่ละพรรค เป็นเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ที่เขาจะได้มีแนวทางออกมาเอง ถือว่าเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค ไม่ควรไปก้าวก่ายให้เกิดความไม่สบายใจกัน 
    "พรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ประเทศเดินไปสู่ความขัดแย้ง วุ่นวายอีก เหมือนในอดีตที่ผ่านมา ที่เกิดความไม่สงบทางการเมือง จนส่งผลกระทบต่อประเทศในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่กระทบปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนโดยตรง ดังนั้นใครก็ตามจะนำการเมืองลงสู่ท้องถนน ขอให้คิดให้หนัก คิดให้มากๆ คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภาพรวมของประเทศ ซึ่งการแก้ปัญหาต่างๆ อยากให้เป็นไปตามระบบ ให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย" พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว
เงินกู้เกิน10ล้านครอบงำพรรค
    นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.ยื่นยุบพรรคอนาคตใหม่ว่า ทุกอย่างก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ซึ่งเชื่อว่าพรรคอนาคตใหม่มีทีมกฎหมายที่เตรียมไว้ในการต่อสู้คดีอยู่แล้ว พรรค ปชป.เคารพกระบวนการยุติธรรม เคารพศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นคดีที่ กกต.มีมติยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ความจริงเท่านั้นที่จะช่วยได้ อยากให้มีการสู้คดีในเนื้อหาสาระ ไม่อยากให้มีการพุ่งเป้าการสู้คดีไปที่ประเด็นการลดความน่าเชื่อถือองค์กรหรือกระบวนการ ซึ่งเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญให้ความเป็นธรรมและดูข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาสั่งได้
     นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2561 มาตรา 72 และพรรคอนาคตใหม่มีสิทธิจะต่อสู้ทางข้อกฎหมาย ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องใช้ข้อมูลข้อเท็จจริง และเหตุผลมาหักล้างกันระหว่างพิจารณาคดี ถ้าพรรคอนาคตใหม่เห็นว่าพรรคไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต. ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และถ้าเห็นว่า พ.ร.ป.พรรคการเมืองมีข้อบกพร่อง ก็สามารถใช้สิทธิความเป็น ส.ส.ยื่นแก้ไขต่อสภาผู้แทนราษฎรได้ อยากจะให้กำลังใจใช้นักกฎหมายมือดีไปต่อสู้แก้ต่างคดีในศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อมั่นว่าศาลรัฐธรรมนูญจะให้ความยุติธรรมกับพรรคอนาคตใหม่
    นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตสมาชิกพรรค ปชป. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า หากตีความตามเจตนารมณ์กฎหมายแล้วการที่พรรคการเมืองกู้เงินก็เทียบได้กับการรับเงินบริจาค ฉะนั้นหากเป็นจำนวนเงินมากกว่า 10 ล้านบาทต่อปีต่อราย ก็ถือว่าขัดต่อกฎหมาย เปรียบได้กับป้าย “ห้ามเดินลัดสนาม” ไม่ได้หมายความว่าจะวิ่งลัดสนามได้ วัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ต้องการป้องกันมิให้ “นายทุน” หรือบุคคลใดมามีอำนาจหรือมีอิทธิพลเหนือพรรคการเมืองโดยการ “ให้ทุน” ดังนั้นการ “ให้ทุน” แก่พรรคการเมืองในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่อาจจะทำให้ “ผู้ให้ทุน” มีอำนาจหรือมีอิทธิพลเหนือพรรคการเมืองจึงกระทำมิได้ จะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการทุจริตคอร์รัปชันเพื่อหา “เงิน” มาชำระ “หนี้เงินกู้” ได้
    นายพีระพันธุ์ระบุว่า การ “ให้เงิน” หากมีจำนวนเงินหรือมีมูลค่าเกินสิบล้านบาทต่อปีต่อรายแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็น “เงินบริจาค” หรือเป็น “ประโยชน์อื่นใด” ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 66 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งหากพรรคการเมืองรับเงินหรือประโยชน์เช่นว่านั้น ไม่ว่าจะเรียกว่า “เงินกู้” หรือเรียกว่าอะไรก็ตาม ก็ต้องถือว่าพรรคการเมืองนั้นรับ “เงินบริจาค” หรือ “ประโยชน์อื่นใด” แล้วแต่กรณี โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดตามมาตรา 72 แห่ง พ.ร.ป. พรรคการเมือง พ.ศ.2560
    นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยตั้งชื่อว่า "เงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้หมดอนาคต" ว่า เรื่องเงินกู้ เงินบริจาค หรือประโยชน์อื่นใด ความจริงมันก็เรื่องเดียวกันคือห้ามรับหรือบริจาคเงินเกินกว่า 10 ล้านบาท ขอฟันธงตรงไปว่าเงิน 191 ล้านบาท คุณจะตีว่าเป็นเงินอะไรก็แล้วแต่ แต่มันเกิน 10 ล้านบาทแน่นอน ใครทำขนาดนี้ก็ครอบงำพรรคการเมืองนั้นได้แล้ว สั่งซ้ายหันขวาหันเพราะฉันเป็นเจ้าของเงิน มีความผิดตามมาตรา 72 พ.ร.บ.พรรคการเมือง กฎหมายบอกก็ต้องถูกยุบพรรค 
รปช.ปลุกต้านคนชังชาติ
         วันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้ขึ้นเวทีเปิดเวทีปราศรัยขึ้นที่โรงแรมวังแก้ว อ.เมืองพิษณุโลก ซึ่งเดิมทีจะเชิญนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเข้าร่วมเวที แต่วันนี้ไม่สามารถเดินทางมาได้ มาเพียงแต่ ศ.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ โดยได้เปิดการอบรม "อุดมการณ์และการสื่อสารทางการเมือง" ตามเนื้อหาหลักคือ “ต่อต้านพวกชังชาติ” ซึ่งเปิดเวทีปราศรัยเพื่อให้ข้อมูลกับประชาชนครั้งแรก และมีเวทีต่อไปอีก 9 แห่งทั่วประเทศ
    นพ.วรงค์กล่าวบนเวทีถึงเนื้อหาหลักๆ ในลัทธิชังชาติ ก็คือ 1. จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.ไม่เอาศาสนา และเอาศาสนามาสร้างความขัดแย้ง 3.ดูถูกวัฒนธรรมประเพณี ดูถูกประเทศตัวเอง 4.ชักศึกเข้าบ้าน มีปัญหาอะไรก็ไปฟ้องกับต่างชาติ 5.ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นความเชื่อ ทำให้คนไทยเกลียดกันเอง ดูถูกประเทศเราเอง ไม่เป็นผลดีต่อประเทศไทย ฉะนั้นพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะตั้งหลัก ปราบลัทธิชังชาติ ด้วยการเปิดเผยความจริง ซึ่งก็เชื่อว่าประชาชนเริ่มรับข้อมูลความจริง เริ่มเข้าใจมากขึ้น
    นพ.วรงค์กล่าวว่า วันนี้ได้เริ่มต้นเปิดเวทีที่พิษณุโลก จากนั้นไปมูลนิธิธรรมอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม, บึงกุ่ม, อุดรธานี, กาญจนบุรี, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี,  สงขลา และจบที่ กทม. รวมทั้งหมด 9  แห่ง 
    ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครปช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรค รปช.จะจัดเสวนาการเมืองในหลายพื้นที่ เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ว่าเนื่องจากพรรคยังมีเงินที่ได้รับการจัดสรรจากกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมืองเหลืออยู่ ซึ่งเราต้องใช้ให้หมดก่อนสิ้นปีนี้ เราจึงเตรียมจะจัดกิจกรรมทางการเมือง แต่เมื่อ นพ.วรงค์ชักจูงการจัดงานดังกล่าวให้เป็นไปตามแนวทางของ นพ.วรงค์ ที่ต้องการให้ชี้แจงนโยบายและอุดมการณ์ของพรรค ซึ่งหนีไม่พ้นถึงเรื่องที่เราเป็นพรรคฝ่ายขวา โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรคก็มาทางนี้  และคงไม่มีการเผชิญหน้ากัน เพราะในเมื่อเราไม่ยอมให้ไปเห็นหน้า จัดคนละสถานที่ ถึงที่สุดต้องให้ขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสินใจเลือกเองเมื่อมีโอกาสให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
    ส่วน น.ส.พรรณิการ์กล่าวถึงการจัดเวทีต่อต้านลัทธิชังชาติว่า ความคิดที่แตกต่างกันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว คิดต่างไม่จำเป็นต้องตีกัน พร้อมถามกลับว่า ชังชาติ หมายถึงอะไร แต่สิ่งที่อนาคตใหม่กลัวคือพวกพังชาติ คนที่พยายามจำกัดคนเห็นต่างพยายามจัดม็อบมาชน น่ากลัวกว่าชังชาติเยอะ.
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"