ก่อนจะถึงปีใหม่


เพิ่มเพื่อน    

      ช่วงใกล้ๆ ปีใหม่...เป็นช่วงที่มักไม่ค่อยมีข่าวใหญ่-ข่าวโต ให้ต้องตื่นเต้ลล์ล์ล์ ฮือฮา มากมายเกินไปนัก ซึ่งจะเป็นเพราะโดย บรรยากาศ ที่ใครต่อใครอาจอยากสนุกสนาน รื่นเริง มากกว่าคิดทำความปวดเศียร เวียนเกล้า ให้กับผู้อื่น หรือจะเป็นเพราะผู้ที่ต้องทำหน้าที่ผลิตข่าว อย่างบรรดา ผู้สื่อข่าว ทั้งหลาย ท่านอยากจะไปเฉลิมฉลอง ไม่ค่อยมีกะจิตกะใจคิดจะ ทำข่าว ซักเท่าไหร่ หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้...

                                                           -------------------------------------------------

      แต่ถือเป็นปกติ ธรรมดา ของช่วงเวลาดังกล่าว...ที่ทำให้ผู้ซึ่งต้องหยิบเอาข่าวเรื่องโน้น เรื่องนี้ มาใช้เป็น ประเด็น ในการเขียนโน่น เขียนนี่ ค่อนข้างจะ ไปลำบาก หรือ ไปไม่เป็น เอาดื้อๆ!!! และหนึ่งในนั้น...คงหนีไม่พ้นไปจาก อันตัวข้าพเจ้าเอง นั่นแล ที่ไม่รู้จะไปหยิบเอาเรื่องไหนมาพูดจา ว่ากล่าวกันดี จะไปหยิบเอาเรื่องของ รัฐบาล มาพูดถึงในช่วงบรรยากาศเช่นนี้ มันก็ออกจะขัดกับความรื่นเริง สนุกสนาน อยู่พอสมควร คือออกจะเป็นอะไรที่อาจก่อให้เกิด ความเครียด โดยใช่เหตุ สู้ปล่อยให้รัฐบาลท่านสนุกสนาน รื่นเริง ไปตามแบบฉบับของท่าน น่าจะถือเป็นการ อนุวัตรไปตามโลก ที่อาจเหมาะกว่า เข้าท่ากว่า ประมาณ พูดไปสองไพเบี้ย-นิ่งเสียตำลึงทอง ทำนองนั้น...

                                                           --------------------------------------------------

      ส่วนเรื่องของ ฝ่ายค้าน ก็คงแทบไม่ต่างอะไรไปจากกัน...เพราะโดยสภาพเท่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ก็แทบไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปด่า ไปว่า คือตกอยู่ในสภาพที่ออกจะน่าเวทนา น่าห่วงใย สงสาร ซะล่ะมากกว่า ดังนั้น...เมื่ออาศัย ความเมตตา เป็นที่ตั้ง ก็จึงไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องตามไปขยำ ขยี้ ไปไล่ฟัด ไล่งับ ให้ต้องเสียเวลา เสียเรี่ยว เสียแรง แบบบรรดาพวก ติ่งรัฐบาล ทั้งหลาย เพราะยังไงๆ...ท่านก็คง ตายไปเอง อยู่แล้วแน่ๆ การตามไปเหยียบศพ กระทืบศพ หรือไป รังแกคนพิการ เผลอๆ อาจส่งผลให้ใครต่อใครที่ไม่อยากเห็นความอำมหิต โหดร้าย ความทารุณจนเกินเหตุ เขาอาจ รับไม่ได้ ขึ้นมาดื้อๆ ก็ไม่แน่...

                                                              --------------------------------------------------

      คือสรุปง่ายๆ ว่า...เอาไป-เอามา ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล หรือ ฝ่ายค้าน ยุคนี้ ก็ออกจะพอๆ ไปด้วยกันทั้งคู่นั่นแหละทั่น เป็นอะไรที่อาจเหมาะสม สอดคล้อง ไปกับ สัปปายะสภาสถาน ยุคที่ได้ถูกแปรสภาพให้กลายเป็นเวทีฉายหนังเอ็กซ์ หนังอาร์ หรือเป็นเวที จูบปาก ของบรรดาพวกผู้หลากหลายทางเพศ พวกกะทุง กะทอก กะเทย อะไรไปโน่น ถ้าดันไปหยิบเรื่องเล็ก เรื่องน้อย เรื่องที่แทบไม่เหลือสาระและแก่นสาร อันถือเป็นกิจกรรมหลักๆ ของบรรดาผู้คนในแวดวงเหล่านี้ มาพูดจาว่ากล่าวกันอย่างเป็นกิจการ มันคงไม่ช่วยให้เกิดการ ประเทืองปัญญา ได้มากมายซักเท่าไหร่...

                                                                -----------------------------------------------------

      แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ก็คงไม่ใช่แต่เฉพาะเมืองไทย สังคมไทย เท่านั้น ที่ตกอยู่สภาพเช่นนี้ สภาพที่ออกไปทางอึกๆ อักๆ กระอักกระอ่วน น่าครั่นเนื้อ-ครั่นตัว น่าอ้วกแตกวันละ 3 เวลาหลังอาหาร แต่มันเป็นไปในระดับ ทั่วทั้งโลก นั่นแหละทั่น อันเนื่องมาจาก ความเสื่อม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของ ความเปลี่ยนแปลง ภายใต้ วงล้อแห่งกาลเวลา ที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ ดังที่ผู้คนในยุคโบร่ำ โบราณ เขาได้แบ่งช่วงเวลาความเปลี่ยนแปลง ออกเป็นยุคๆ ถึง 4 ยุคด้วยกัน เริ่มด้วย สัตยายุค หรือ กฤตายุค ก่อนที่วงล้อจะค่อยๆ หมุนลงมาสู่ ไตรตายุค หรือ เตรตายุค แล้วมุดลงไปสู่ ทวาบรยุค ไปจนสิ้นสุดที่ กลียุค ก่อนค่อยๆ หมุนขึ้น กลับไปสู่แต่ละยุคๆ ไปตามลำดับขั้น...

                                                                     -----------------------------------------------------

      ความดีงาม ความเก่ง ความฉลาด ความมีคุณภาพ-คุณธรรม ความมีศีล-มีธรรม ฯลฯ แบบครบถ้วนสมบูรณ์เต็มร้อยในยุคแรกๆ หรือในครั้ง สัตยายุค จึงย่อมต้องค่อยๆ ลดน้อยถอยลง หรือค่อยๆ เสื่อม ลงไปตามลำดับ ทีละส่วน สองส่วน จนเมื่อใกล้ๆ ถึงยุคสุดท้าย อย่าง กลียุค อะไรต่อมิอะไรที่ว่า...มันก็คงแทบไม่เหลือติดปลายนวมอีกต่อไป ดังนั้น...การเพ้อหา ถวิลหา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ แม้ถือเป็นการ ใฝ่ดี ก็เถอะ แต่ออกจะไม่ค่อยสอดคล้องกับความเป็นจริง หรือ ข้อเท็จจริง ภายใต้สภาวะความเปลี่ยนแปลงมากมายซักเท่าไหร่ หรืออาจส่งผลให้ผู้ที่ใฝ่หา เพ้อหา ออกจะเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า โดยใช่เหตุ...

                                                                     ------------------------------------------------------

      เพราะภายใต้ภาวะที่สิ่งที่เรียกๆ กันว่าความดี ความงาม ความมีศีล มีธรรม มีคุณภาพ-คุณธรรมทั้งหลาย มันค่อยๆ หายไปทีละส่วน-สองส่วนในแต่ละยุคๆ ยิ่งเมื่อเข้าสู่ กลียุค ด้วยแล้ว ภาพที่ ฤาษีมนู ท่านได้บรรยายไว้ในบางส่วน เช่น...เมื่อกลียุคใกล้ถึงกาลสิ้นสุด ณ ช่วงเวลานั้น...กระทั่งมือขวาก็พร้อมหลอกลวงมือซ้าย และมือซ้ายก็พร้อมหลอกมือขวา มนุษย์จะไม่สนใจเรียนรู้สิ่งใดๆ อีกต่อไป ความจริงจะถูกกำจัด ผู้มีวัยสูงกว่าจะทรยศต่อเด็กๆ ที่ไร้ความคิดและประสบการณ์ ขณะเด็กๆ ผู้หลงใหลตัวเอง ก็พร้อมเสมอที่จะทรยศต่อผู้อาวุโส...ความโลภและความโง่จะแพร่สะพัดไปทั่วทั้งโลก ประดุจเป็นอาหารจานเดียวที่เหลืออยู่ ฯลฯลฯ... นี่ หนักหนา สาหัส ไปถึงขั้นนั้น...

                                                                     ------------------------------------------------

      ดังนั้น...ภายใต้สภวาะเช่นนี้ มีแต่ต้องหันมาปรับตัว ปรับใจ หรือหันมา ทำความเข้าใจ กับสภาวะความเปลี่ยนแปลง ภายใต้ กงล้อแห่งกาลเวลา ให้มากๆ เข้าไว้ และด้วยความเข้าใจที่ว่านี่เอง ที่อาจช่วยให้พอมองเห็นหนทางบางอย่าง ซึ่งอาจสอดคล้องกับความจริง หรือข้อเท็จจริงมากกว่า ส่วนหนทางที่ว่านั้น...จะเป็นไปในรูปไหน แบบไหน อันนี้...คงต้องอาศัยช่วงปีใหม่ ช่วงหยุดยาวว์ว์ว์ หรือช่วงที่ไม่มีข่าวใหญ่ ข่าวโต มารบกวนสมาธิ ลองไปนั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิด กันเอาเองก็แล้วกัน...

                                                                      --------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Archbishop Robert Alexander” (อีกครั้ง)... O Lord, change the world. Begin, I pray thee, with me. – โอ...ข้าฯ แต่พระผู้เป็นเจ้า โปรดเปลี่ยนแปลงแก้ไขโลกนี้ให้ดีขึ้น โดยเริ่มต้นจากตัวข้าพเจ้าเองก่อน...

                                                                       --------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"