พปชร.ชนะเพื่อไทย สมศักดิ์กวาดเก้าอี้ขอนแก่น/อนุดิษฐ์ยังฝันลุ้นผลทางการ!


เพิ่มเพื่อน    


    ชาวขอนแก่นแห่ใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 คึกคัก ยายวัย 86 นั่งวีลแชร์เข้าคูหา โวยกำนันแย่งบัตรไปกาคะแนนคนที่ตัวเองไม่ได้เลือก ก่อนขึ้นโรงพักดำเนินคดี "กำนัน" แจงเป็น กก.ประจำหน่วยเลือกตั้ง ช่วยเข็นรถไปส่งไม่ได้เข้าคูหา เอาคืนแจ้งจับทำเสื่อมเสีย "พท." ตามขย่มจี้ กกต.เร่งตรวจสอบ "สมพงษ์" โวยไม่เป็นกลาง "ปธ.กกต." ขอเวลาสอบ 
    เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้จัดการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 7 (อ.หนองเรือ และ อ.มัญจาคีรี) จ.ขอนแก่น โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมเขต 7 มีจำนวน 132,569 คน แบ่งเป็นพื้นที่ อ.หนองเรือ 74,779 คน, อ.มัญจาคีรี 57,790 คน มีหน่วยเลือกตั้งรวม 271 หน่วยเลือกตั้ง แบ่งเป็น อ.หนองเรือ 153 หน่วยเลือกตั้ง,  อ.มัญจาคีรี 118 หน่วยเลือกตั้ง มีผู้สมัครทั้งหมด 4 ราย ถูกตัดสิทธิ์ 1 ราย คือ หมายเลข 3 พ.ต.อ.กิตติกูร กาญจนสกุล ผู้สมัครของพรรคเสรีรวมไทย เนื่องจากขาดคุณสมบัติการลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ กกต.ประจำหน่วยเลือกตั้งได้ปิดประกาศแทนภาพผู้สมัครหมายเลข 3 ว่าขาดคุณสมบัติ เพื่อให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทราบว่าหากเลือกผู้สมัครหมายเลขนี้จะทำให้เป็นบัตรเสีย โดยจะจัดการเลือกตั้งตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ซึ่ง กกต.เปิดหีบให้ลงคะแนนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง บรรยากาศโดยทั่วไปได้รับความสนใจจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทยอยกันออกมาใช้สิทธิอย่างต่อเนื่อง บางคนมายืนรอก่อนถึงเวลาเปิดหีบ เนื่องจากต้องการใช้สิทธิเลือกตั้งให้แล้วเสร็จก่อนที่จะเดินทางไปทำธุระส่วนตัวหรือทำงานประจำ
    นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น, นายอภินันท์ จันทร์อุปละ ผอ.กกต.ขอนแก่น พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และ กกต. ลงพื้นที่ดูแลความเรียบร้อยที่หน่วยหน่วยเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง อ.หนองเรือ ซี่งอยู่ในสภาพเรียบร้อย มีประชาชนมารอใช้สิทธิเพื่อลงคะแนนจำนวนมาก 
    นายอิทธิพรกล่าวว่า ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง บอกทุกอย่างปกติและเรียบร้อยดี รวมทั้งจากการติดตามลงพื้นที่ก็ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แต่ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้วางตัวเป็นกลาง 
    "กรณีที่ชาวบ้านได้แจ้งว่าไม่มีการติดภาพผู้สมัครในบางหน่วยเลือกตั้งตามระเบียบ เจ้าหน้าที่จะต้องติดประกาศรายชื่อจำนวน 4 ชุด ชุดแรกติดไว้ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดการร่วงหล่น ส่วนชุดที่สามและที่สี่จะติดประกาศไว้หน้าหน่วยในวันนี้" ประธาน กกต.กล่าว
    ส่วนนายวิทยา คำควร ประธาน กกต.ประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 6 ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้หน่วยเลือกตั้งที่ 6 มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 186 คน ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานั้นมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งครบ 100% และในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงมั่นใจว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งกันอย่างพร้อมเพรียงและครบทุกคน ซึ่งหลังจากการเปิดหีบบัตรเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา 08.00 น.มานั้น ยังคงไม่พบสิ่งผิดปกติหรือข้อผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้งแต่อย่างใด ขณะที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งนั้นยังคงทยอยมาใช้สิทธิกันอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
    “เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยได้กำชับขั้นตอนการใช้สิทธิเลือกตั้งในด้านต่างๆ อย่างรัดกุม เพื่อป้องกันการเกิดบัตรเสียหรือการกระทำการใดๆ ที่ผิดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ขณะเดียวกันยังคงเน้นย้ำการเกิดบัตรเสียหากลงคะแนนในช่องลงคะแนนของผู้สมัครจากพรรคเสรีรวมไทย เนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งถอนรายชื่อจากการเป็นผู้สมัครรับการเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว” ประธาน กกต.ประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 6 กล่าว
ยายโวยกำนันแย่งบัตร
    ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 17 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ขณะที่นางทัน พลเสน่ห์ อายุ 86 ปี ที่นั่งรถวีลแชร์เข้าไปใช้สิทธิลงคะแนน แต่ได้มีกำนันตำบลบ้านเม็งซึ่งรับหน้าที่เป็นกรรมการประจำหน่วย และในระหว่างที่กำลังลงคะแนนนั้นกำนันได้เดินมาหยิบบัตรเลือกตั้งที่คูหาเลือกตั้ง และใช้ปากกากากบาทในช่องหมายเลข 2 โดยที่ตนเองนั้นไม่ยินยอม
    จากนั้นนางทันได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.บรรลุ สินนา รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.หนองเรือ เพื่อเอาผิดกับกำนัน ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น หลังแย่งบัตรเลือกตั้งจากคูหาเลือกตั้งไปลงคะแนนแทน โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
    นางทันกล่าวว่า ได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างตามที่ กกต.กำหนด ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 17 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ โดยในระหว่างที่กำลังลงคะแนนนั้นกำนันได้เดินมาหยิบบัตรเลือกตั้งที่คูหาเลือกตั้ง และใช้ปากกากากบาทในช่องหมายเลข 2 โดยที่ตนเองนั้นไม่ยินยอม
    "ต้องการใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยการเลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ คือหมายเลข 1 แต่กลับถูกกำนันมาแย่งบัตรเลือกตั้งและไปกากบาทลงในช่องหมายเลข 2 โดยที่ตัวเองนั้นไม่พอใจ จึงต่อว่ากำนันและแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับ กกต.ประจำหน่วย ก่อนตัดสินใจมาแจ้งความเอาผิดกับการกระทำดังกล่าวเพื่อให้ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และ กกต. เอาผิดกับการกระทำของกำนัน ต.บ้านเม็งในครั้งนี้ตามกฎหมายให้ถึงที่สุด" คุณยายวัย 86 รายนี้กล่าว
    นอกจากนี้ ในหน่วยเลือกตั้งที่ 5 ต.จระเข้ อ.หนองเรือ กกต.ได้รับรายงานว่าเกิดเหตุนางทองเพชร นีรกุล อยู่บ้านเลขที่ 54 ม.6 บ้านหนองหอย ต.จระเข้ อ.หนองเรือ ได้มาลงคะแนนเลือกตั้งแต่ทำบัตรฉีกขาด จึงได้รีบให้เจ้าหน้าที่รับทราบ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามทราบว่าได้กากบาทลงในบัตรเลือกตั้งแล้ว ได้พับบัตรเพื่อหย่อนลงหีบเลือกตั้ง แต่ยัดไม่ลง จึงได้รีดบัตรให้เรียบจนบัตรฉีกขาด แล้วหย่อนลงไปในหีบเลือกตั้ง เพื่อจะรีบไปตัดอ้อย เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้แจ้งให้ กกต.ทราบ จึงได้มาตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ ก่อนนำตัวมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานและปล่อยตัวไป โดย กกต.ได้วินิจฉัยแล้วว่าไม่มีเจตนา
    ด้านนายจักรธร โงะบดดา กำนันตำบลบ้านเม็ง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 17 กล่าวถึงกรณีนางทันแจ้งความดำเนินคดีที่ไปแย่งบัตรเลือกตั้งจากคูหาเลือกตั้งไปลงคะแนนแทนว่า ยอมรับได้เข็นรถเข็นของนางทันเข้าไปจริง แต่ไม่ได้เข้าไปในคูหาเลือกตั้ง
    "เอาคุณยายมาพูดกับผม มากินน้ำสาบานกับผม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่เป็นความจริง ครั้งแรกที่ยายเข้ามา ผมเองได้เข็นรถยายเข้าคูหาเพราะไม่ให้ลูกหลานเข้ามา เพราะจะอำนวยความสะดวกให้ ยืนยันไม่ได้เป็นคนกาให้ยาย อยากถามกลับว่ายายใส่ร้ายผมหรือเปล่า อยากรู้ว่าที่ไปแจ้งความผมมีหลักฐานอะไรหรือไม่ เห็นผมกาแทนหรือไม่ ขณะเข็นผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับยายแม้แต่คำเดียว ตั้งแต่เข็นรถเข็นเข้ามาจนออกจากคูหา ซึ่งถ้าไม่เป็นความจริง ผมก็จะแจ้งความกลับ" นายจักรธรกล่าว    
พท.ขย่มไม่เป็นกลาง    
    ต่อมานายจักรธรได้เดินทางมาที่ สภ.หนองเรือ เข้าแจ้งต่อพ.ต.ท.บรรลุ สินนา สว.(สอบสวน) สภ.หนองเรือ เพื่อดำเนินคดีกับนางทันที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง
    นายจักรธรกล่าวว่า หลังจากที่นางทันได้เดินทางมาแจ้งความกล่าวหาว่ากาบัตรเลือกตั้งแทน ซึ่งการกล่าวหาดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะไม่ใช่เรื่องจริง จึงได้ขออนุญาตประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 17 เพื่อมาแจ้งความดำเนินคดี เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และขอความเป็นธรรมให้ตัวเอง
    "ผมยืนยันไม่ได้กระทำการที่เข้าข่ายการทุจริต และพร้อมให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด" กำนันตำบลบ้านเม็งกล่าว 
    ขณะที่นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีนางทันอ้างถูกกำนันซึ่งเป็นกรรมการประจำหน่วยลงคะแนนให้โดยไม่เต็มใจว่า เบื้องต้นได้รับทราบรายงานจากนายอำเภอหนองเรือแล้ว แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา จึงต้องมีการสืบสวนพยานเพิ่มเติม แต่จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยและประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และเป็นการเข้าไปอำนวยความสะดวกผู้พิการและผู้สูงอายุ 
    "ส่วนตัวเข้าใจว่ากำนันไม่น่าจะไปกาบัตรแทน เพราะเป็นผู้ที่ทราบข้อปฏิบัติในหน่วยเลือกตั้งอย่างดี แต่เมื่อมีการแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง" กกต.ผู้นี้กล่าว
    อย่างไรก็ตาม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นำฝ่ายกฎหมายของพรรค เดินทางมาที่ กกต.ประจำจังหวัดขอนแก่น ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7
    น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า กรณีมีผู้สูงอายุและผู้พิการเข้าไปใช้สิทธิ แต่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาและร้องเรียนว่าเข้าไปส่งผู้ใช้สิทธิและกาบัตรแทน อาจเป็นเรื่องที่ทำเกินกว่าอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวพรรคเพื่อไทยไม่สบายใจ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐคนดังกล่าวอาจมีอิทธิพลเข้าไปครอบงำ บิดเบือนให้การเลือกตั้งไม่โปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม จึงมายื่นเรื่องต่อ กกต.ประจำจังหวัด เพื่อให้ใช้อำนาจยับยั้งการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว
    "หากสอบสวนแล้วพบว่ามีมูลความผิด ขอให้ กกต.มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกจากหน่วยเลือกตั้ง และพ้นจากหน้าที่ไปก่อน เพื่อเข้าสู่การสืบสวนสอบสวน นำไปสู่การวินิจฉัยต่อไป” เลขาธิการพรรค พท.กล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ฝ่ายกฎหมายพรรค พท.กำลังยื่นหนังสือกับนายธิราวุฒิ สายสุด พนักงานสืบสวนสอบสวนประจำสำนักงาน กกต.จังหวัดขอนแก่น พบเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวปักธงสัญลักษณ์ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไว้ที่บริเวณโต๊ะทำงาน จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ เจ้าหน้าที่มีความเป็นกลางมากน้อยเพียงใด ซึ่งทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยได้แจ้งให้นายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ทราบแล้ว และนายธนิกจะเดินเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนด้วยตนเอง
    น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากฝากถึง กกต.ให้ตรวจสอบกำนันที่ถูกกล่าวหาว่ากาบัตรแทนผู้มีสิทธิ์อย่างตรงไปตรงมา โดยต้องไม่ด่วนสรุป ขอให้พิจารณาข้อเท็จจริง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องวางตัวเป็นกลาง 
    "ตลอดทั้งวันมีเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชนและผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมถึงพบเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ ซึ่งเป็นฝ่ายความมั่นคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่วางตัวเป็นกลาง ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส" น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
กกต.พอใจการเลือกตั้ง
    ส่วนนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี กกต. ระบุไม่เชื่อว่ากำนันจะทำความผิดว่า อยากถามท่าน กกต.ว่า ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ที่มีหน้าที่ผดุงความยุติธรรม การรีบออกหน้าแก้ตัวแทนผู้ถูกกล่าวหา ที่ถูกแจ้งความว่ากระทำความผิดร้ายแรง ละเมิดหลักความยุติธรรมและผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงเช่นนี้ แล้วประชาชนทั่วไปจะแสวงหาความยุติธรรมได้จากที่ใด 
    "แทนที่จะรีบเร่งแสดงออกให้สาธารณชนได้รับรู้ว่า กกต.เป็นที่พึ่งและเป็นผู้อำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นได้ ด้วยการสั่งสอบโดยเร็ว และที่สำคัญตลอดการเลือกตั้งครั้งนี้มีข้อร้องเรียนและข้อกล่าวหาจำนวนมากที่สะท้อนให้เห็นความไม่เป็นกลาง และการแสดงบทบาทของข้าราชการระดับสูงทั้งฝ่ายปกครอง ทั้งฝ่ายความมั่นคง ออกทำหน้าที่อย่างโจ๋งครึ่มเพื่อช่วยเหลือผู้สมัครฝ่ายพรรครัฐบาล จนเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทั้งจังหวัด แต่ก็มิได้มีการแสดงท่าทีใดๆ ที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรมใดๆ เลยอยากให้สังคมไทยและคนไทยทั้งประเทศช่วยกันเรียกร้องหาความยุติธรรมให้เกิดขึ้นแก่สังคมโดยเร็ว" นายสมพงษ์กล่าว
    หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า อยากฝากถึงผู้มีอำนาจ ถ้าต้องการชัยชนะและเสียงสนับสนุนเพิ่มโดยมิได้ละอายต่อจริยธรรมและละอายต่อสังคม ถ้าเช่นนั้นก็ควรจัดเลือกตั้งทุกจุด และใช้วิธีการเยี่ยงนี้ให้ทั่วทุกจุด เพื่อจะได้พ้นจากความเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำและยึดครองอำนาจในสังคมโดยมิต้องละอายใดๆ       
    ต่อมาภายหลังการปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 17.00 น. นายอิทธิพรกล่าวว่า ส่วนตัวพอใจในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ กกต.ขอนแก่นและหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเป็นไปตามที่ กกต.กำหนด 
    นายอิทธิพรกล่าวว่า ในเรื่องร้องเรียนการแจกจ่ายเงิน กกต.ขอนแก่นจะตรวจสอบ หากพบมีมูลก็จะตั้งคณะกรรมการไต่สวนและสอบสวนทันที เช่นเดียวกับเรื่องการวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่รัฐ ขณะนี้พบว่ามีภาพปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของ กกต.ขอนแก่น ที่มีหมายเลขผู้สมัครบางรายวางอยู่บนโต๊ะทำงานที่สำนักงาน กกต.ขอนแก่น ซึ่งในประเด็นนี้ กกต.ขอนแก่นจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้รายงานขึ้นมาอีกครั้ง 
    "เรื่องการวางตัวเป็นกลางในประเด็นของกำนัน ต.บ้านเม็งนั้น ต้องดูว่ามีการแจ้งเรื่องมายัง กกต.ที่ถูกต้องหรือไม่ แต่ในขณะนี้ กกต.ขอนแก่นได้เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งหมดต้องเป็นไปตามขั้นตอนและระเบียบในภาพรวมทั้งหมด" นายอิทธิพรกล่าว
    ประธาน กกต.กล่าวว่า หลังปิดหีบเลือกตั้งเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งจะดำเนินการตามขั้นตอนของการนับคะแนน โดยคาดว่าจะสามารถประกาศผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของเขตเลือกตั้งที่ 7 จ.ขอนแก่น ได้ในเวลาไม่เกิน 22.00 น. วันที่ 22 ธ.ค.
    เวลา 19.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมเขต 7 ขอนแก่น หลังผลนับคะแนนผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนนำพรรคเพื่อไทยว่า "เหรอ  ไม่ได้ติดตามเลย ให้เป็นเรื่องของประชาชน ถ้าเขาเข้าใจว่าเราทำอะไร เขาก็เลือก ใครจะได้ก็ไม่อยากให้เป็นความขัดแย้ง"
    ถามว่าถือเป็นสัญญาณที่ดีของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า น่าจะดี ก็ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน แต่ถ้าไม่ได้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดี เพราะแล้วแต่ใจประชาชน 
    ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มั่นใจการเลือกตั้งและมีการรายงานผลเข้ามาให้ทราบตลอด 
    นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า ดูจากคะแนนแล้วมีความหวัง โดยในบางอำเภอพรรคมีคะแนนตามอยู่ประมาณ 1,000 คะแนน และในบางอำเภอ พรรคมีคะแนนนำอยู่ประมาณกว่า 2,000 คะแนน และหากการนับคะแนนเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสที่จะชนะสูง 
    เมื่อเวลา 20.00 น. บรรยากาศการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส ขอนแก่นเขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง หลังนับคะแนนผ่านไปแล้วรวมกว่า 80% ท่ามกลางความสนใจจากประชาชน ปรากฏว่านายสมศักดิ์ได้คะแนนรวม 40,151 คะแนน ขณะที่นายธนิกได้รวม 37,959 คะแนน ห่างกัน 2,192 คะแนน โดยหากแยกผลคะแนนออกเป็น 2 อำเภอ ประกอบด้วย อ.มัญจาคีรี นายธนิกได้ 18,086 คะแนน, นายสมศักดิ์ได้ 15,111 คะแนน ขณะที่ อ.หนองเรือ นายธนิกได้ 19,873 คะแนน และนายสมศักดิ์ได้ 25,040 คะแนน
    ขณะที่สำนักงานพรรคพลังประชารัฐ เขต 7 จ.ขอนแก่นคึกคักไปด้วยเหล่าบรรดา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ทยอยเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีและให้กำลังใจนายสมศักดิ์ ส่วนที่สำนักงานพรรคเพื่อไทย เขต 7 นั้น เป็นไปอย่างเงียบเหงา ซึ่งผู้ให้การสนับสนุนต่างทยอยเดินทางกลับหลังทราบผลการนับคะแนน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"