จตุพรผวาซ้ำ6ตุลา/บิ๊กตู่วอนอย่าร่วมป่วนเมือง


เพิ่มเพื่อน    


     ตำรวจเรียก "ธนาธร" พร้อมแกนนำพรรค อนค.รับทราบข้อกล่าวหาจัดชุมนุมแฟลชม็อบโดยไม่แจ้งผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 4 ข้อหา ศาล รธน.ไม่รับคำร้องไต่สวนพยานคดี "อิลลูมินาติ" อนค.ล้มล้างการปกครอง จ่อนัดอ่านคำวินิจฉัยเร็วๆ นี้ "ไพศาล" ภาวนาอย่าให้เชียร์ลุงปะทะวิ่งไล่ลุง "จตุพร" หวั่นซ้ำรอยตุลาเลือด หายนะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา วอนพรรคร่วมรัฐบาลหยุดเสี้ยม รองโฆษก พปชร.ชวนทำกิจกรรมเก็บขยะดีกว่าชวนไปชุมนุมการเมือง โพลเสียงสูสีหนุน-ต้าน "ม็อบธนาธร" แต่เชิดชู "พี่ตูน" วิ่งเพื่อโรงพยาบาลมากกว่าวิ่งไล่ลุง    
     เมื่อวันอาทิตย์ มีรายงานว่าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ที่มี พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. เป็นหัวหน้าและคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้พิจารณาพยานหลักฐาน ออกหมายเรียกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.), นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, น.ส.พรรณิการ์ วานิช, นายปิยบุตร แสงกนกกุล  และนายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร แกนนำจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา
    โดยคณะพนักงานสอบสวนฯ ได้พิจารณาหลักฐานทั้งหมดแล้วพบว่า การจัดกิจกรรมแฟลชม็อบไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ 2558 จึงได้ออกหมายเรียกนายธนาธรและนายไพรัฏฐโชติก์ให้มารับทราบข้อกล่าวหา 1.ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง 2.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ 3.ร่วมกันจัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ 4.ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ในวันที่ 27 ธ.ค.นี้ เวลา 10.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน
    ส่วนนายพิธา, น.ส.พรรณิการ์ และนายปิยบุตร ที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ และอยู่ในระหว่างสมัยประชุมสภาสามัญประจำปีครั้งที่ 2 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ทำหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาดำเนินการออกหมายเรียกเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 
    วันเดียวกัน เฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่โพสต์ข้อความระบุว่า มาแรงแซงทางโค้งอีกคดี ศาลรัฐธรรมนูญไม่ยอมให้เปิดไต่สวน-เตรียมนัดอ่านคำวินิจฉัยคดี “อิลลูมินาติ” ยุบพรรคอนาคตใหม่ 
    โดยคดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2562 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ได้ยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ตัดสิทธิ์และยุบพรรค อนค. เนื่องจากเป็นปฏิปักษ์-ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่เรียกกันว่า “คดีอิลลูมินาติ” โดยล่าสุด 19 ธ.ค.2562 ศาลมีคำสั่งไม่รับคำร้องของพรรค อนค.ผู้ถูกร้อง ที่ขอให้เปิดไต่สวนพยาน หลังจากนี้จะเหลือเพียงขั้นตอนสุดท้าย คือศาลรัฐธรรมนูญจะนัดวันอ่านคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว ร่วมจับตาการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
    ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญโดยนายอนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้ทำหนังสือแจ้ง เลขที่ 291/2562 มายังพรรคอนาคตใหม่ เรื่องคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 จากกรณีที่นายณฐพร โตประยูร ฟ้องร้องพรรคอนาคตใหม่, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรค อนค. ในข้อหาล้มล้างการปกครองฯ ระบุว่าตามที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีของผู้ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยศาลรัฐธรรมนูญสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว และผู้ถูกร้องทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนพยานและคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยาน ฉบับลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2562 นั้น ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งไม่รับคำร้องขอทั้งสองฉบับดังกล่าว 
หวั่นม็อบชนม็อบซ้ำรอยตุลาเลือด
     ด้านนายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “จับตาการระดมพลไล่ลุง-เชียร์ลุง 1.ขณะนี้มีข่าวตรงกันว่าจะมีการระดมพลจัดงานวิ่งเชียร์ลุง หรือวิ่งเพื่อแผ่นดิน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ 2.อีกพวกหนึ่งก็ขยายพื้นที่การจัดวิ่งไล่ลุง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน 3.พวกวิ่งไล่ลุงประกาศกำหนดการวันที่ 12 มกราคมไว้ก่อน แต่อีกพวกหนึ่งก็ประกาศกำหนดการวิ่งเชียร์ลุงวันที่ 12 มกราคมตรงกัน เรียกว่าพร้อมที่จะประชันกันแล้ว ขอภาวนาอย่าให้ขบวนไล่กับขบวนเชียร์มาปะทะกันเลย เมื่อระดมจัดวิ่งเชียร์ลุงได้ ก็ยากที่จะห้ามการระดมวิ่งไล่ลุง จึงน่าคิดว่าการระดมคนออกสู่ถนนอย่างนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
         ที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว ชั้น 5 มีการจัดรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า จากประเด็นเรื่องวิ่งไล่ลุง วิ่งเชียร์ลุง และอนาคตใหม่กับเวทีต่อต้านการชังชาติ จะเห็นว่ามีแนวโน้มที่สถานการณ์การเมืองไทยจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 หรือเรียกได้ว่าคือโมเดล 6 ตุลา รัฐบาลไม่ว่ายุคใด สมัยใด หากเกิดการคลั่งอำนาจ จะมองโลกแคบ ไม่ฟังความเห็นต่าง มองคนเห็นต่างเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด ดูจากกรณีดังกล่าวนี้เป็นต้น รัฐมีความตื่นตัวเกินเหตุกับการจัดกิจกรรมแสดงออกตามสิทธิเสรีภาพของประชาชน จนมีการจัดกิจกรรมคู่ขนานขึ้นมา มีวิ่งไล่ลุง ก็มีวิ่งเชียร์ลุง 
    นายจตุพรกล่าวว่า รวมถึงกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำพรรครวมพลังประชาชาชาติไทย (รปช.) และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรค รปช. ตั้งเวทีต่อต้านลัทธิชังชาติ โดยระบุว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นพวกชังชาติ กระบวนการนี้เป็นกระบวนการบ่มเพาะรอเวลา หากรัฐกระโจนเข้าร่วมเมื่อใด จำนวนคนก็จะเพิ่มขึ้นไม่ยาก หากรัฐบาลหรือพรรคร่วมรัฐบาลไม่เข้าเกี่ยวข้อง ปัญหาก็จะไม่เกิด แต่ถ้าเข้าเกี่ยวข้องกับเวทีนี้ปัญหาเกิดแน่ หากรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการสร้างความแตกแยกเช่นนี้ ก็ควรต้องบอกให้พรรคร่วมฯ หยุด จึงขอสื่อสารไปยังรัฐบาลว่า ขอให้ยุติการสนับสนุนพรรคร่วมฯ ตั้งเวทีปลุกความชิงชัง หวั่นประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหตุล้อมฆ่านักศึกษาประชาชนอย่างบ้าคลั่ง 6 ตุลาคม 19 หากยังปล่อยให้เกิดการปลุกปั่นความขัดแย้งนี้ ความแตกแยกที่จะเกิดขึ้นจะมากกว่าสิบปีที่ผ่านมา นำมาซึ่งหายนะของชาติและพังรัฐบาลเอง
       นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. ได้เขียนบทความเรื่อง เราจะก้าวไปทางไหน โดยมีเนื้อหาสรุปว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ทำให้ประชาชนแตกแยกกันอย่างหนัก จนถึงวันนี้ยังไม่มีท่าทีที่จะดีขึ้น ในขณะที่เทคโนโลยีทางการสื่อสารและโซเชียลมีเดียพัฒนาดีขึ้นอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไทยกลับใช้เทคโนโลยีในการทำลายล้าง สร้างความขัดแย้งกันในโลกออนไลน์ทั้งเฟซบุ๊กและไลน์ เป็นลักษณะของ Hate Speech ปัจจุบันถึงขั้นดัดแปลงรูปภาพ ทำคลิป สร้างความเสียหายและเพิ่มเกลียดชังกันมากขึ้น มิหนำซ้ำนอกจากในเรื่องการเมืองแล้ว ยังมีการนำมาสร้างความแตกแยกในเรื่องศาสนาอีกด้วย 
วอนช่วยหาทางออก ปท.
    "ความยุติธรรม 2 มาตรฐาน ที่รับรู้กันทั่วไป เป็นการใช้กฎหมายเพื่อทำลายล้างหรือสกัดกั้นพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่กระทำกันซ้ำๆ และชัดเจนอย่างต่อเนื่อง ถ้าเป็นฝ่ายเดียวกันทำผิด ก็จะช่วยหาทางออกให้ ถ้าเป็นอีกฝ่ายก็จะหาเหตุให้ผิดจนได้ สิ่งนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่กลุ่ม นปช.ออกมาประท้วงใหญ่ในปี 2553 และวันนี้ก็กำลังเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เชิญชวนผู้คนมาประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมบนท้องถนน ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายควรช่วยกันหยุดความยุติธรรม 2 มาตรฐาน ได้หรือยัง จึงขอเรียกร้องให้สังคมไทยทุกฝ่ายช่วยกันคิดอ่านหาทางออกให้กับประเทศไทยอย่างจริงจัง เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชาติ และเพื่อความรักสามัคคีของคนไทยทั้งปวง" นายก่อแก้วระบุ
    น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐและอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวว่า ตนได้จัดกิจกรรม "ฝั่งธนดีกว่านี้ได้ #FutereLAB Thonburi" เพื่อรณรงค์ช่วยกันเก็บขยะเพื่อรักษาความสะอาดในชุมชน ที่ชุมชนวันโพธิ์ทอง เขตจอมทอง โดยระบุว่า วันนี้เราต้องชวนกันมาทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อสร้างชุมชนที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ดีกว่าชวนกันไปชุมนุมทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองบางพรรค หรือกลุ่มบางกลุ่ม ที่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรอง มีแต่เพาะเชื้อโรคร้าย สร้างความเกลียดชัง ความแตกแยกขัดแย้งให้กับสังคม และซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนกำลังเผชิญ
    ในช่วงเย็นที่ถนนสีลม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานเทศกาลมอบความสุขให้ประชาชน เดิน กิน ชิม เที่ยว walking street @ silom โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่ อย่าให้ใครมาทำให้บรรยากาศช่วงปลายปีมีปัญหา ใครที่จะทำให้มีปัญหา ก็ขอร้องว่าอย่าไปร่วมกับเขา เพราะใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ต้องไม่ทำอะไรที่เสียหาย เราไม่ต้องไปฟัง 
    "ผมไม่ได้ว่าใคร เดี๋ยวจะมาหาว่าผมว่าเขา ที่ผมทำคือทำให้ประเทศชาติและประเทศไทยให้มีความสุข ไม่ได้ทำเพื่อคนอื่น ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอก ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และให้เกียรติทุกคน จะได้ทำงานกันได้ ไม่ใช่อย่างนั้นต้องไม่มีใครได้หรือเสียประโยชน์ แต่คนที่ได้ประโยชน์คือประชาชนและประเทศชาติ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 
     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเปิดงานนายสนธิรัตน์ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์ เพื่อรายงานความคืบหน้าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ว่าผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐยังมีคะแนนนำผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย แต่นำอยู่ไม่มาก
    วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “ธนาธร ปลุกม็อบ” ระหว่างวันที่ 16-17 ธันวาคม 2562 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 1,277 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดกิจกรรมการชุมนุม (แฟลชม็อบ) บริเวณสกายวอล์ก เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 30.62 ระบุว่าเป็นสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธและความรุนแรง รองลงมา ร้อยละ 16.76 ระบุว่าเป็นการจัดชุมนุมเพื่ออนาคตของประเทศ, ร้อยละ 16.60 ระบุว่าเป็นการจัดชุมนุมเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและต่อต้านเผด็จการ, ร้อยละ 15.74 ระบุว่าเบื่อการชุมนุมบนท้องถนน, ร้อยละ 14.57 ระบุว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกแยกและสถานการณ์ความวุ่นวายในอนาคต, ร้อยละ 10.88 ระบุว่าเป็นการจัดการชุมนุมเพื่อต่อต้านความไม่ยุติธรรมในสังคม, ร้อยละ 10.34 ระบุว่าเป็นการจัดชุมนุมเพื่อปกป้องนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ที่กำลังโดนคดีความต่างๆ,  ร้อยละ 4.31 ระบุว่าเป็นเรื่องของการไม่ยอมรับในกฎหมายกติกาในสังคม และร้อยละ 2.82 ระบุว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายการชุมนุม 
โพลสูสีเชียร์-ต้านม็อบธนาธร
    เมื่อถามว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการจัดกิจกรรมการชุมนุม (แฟลชม็อบ) ร้อยละ 27.80 ระบุว่าเห็นด้วยมาก เพราะเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม เสรีภาพให้กับประชาชน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเมือง ขณะที่บางส่วนระบุว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนคนเก่าที่เป็นอยู่, ร้อยละ 20.75 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ถ้าไม่ทำให้การชุมนุมบานปลายสร้างความวุ่นวาย, ร้อยละ 15.35 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะเบื่อการชุมนุม น่าจะต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมายมากกว่าออกมาสู้แบบการชุมนุม จะทำให้เกิดความวุ่นวาย, ร้อยละ 28.35 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย เพราะการจัดชุมนุมไม่สามารถทำให้ประเทศพัฒนาไปข้างหน้าได้ สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศ 
    ขณะที่ นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง เสรีภาพ ผิดประเทศ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ผ่าน “เสียงประชาชนในโลกโซเชียล” จำนวน 2,100 ตัวอย่าง และ “เสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม” 1,209 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 19-21 ธันวาคม 2562  
     โดยเมื่อถามถึงการนัดหมายพาคนลงถนนจะสร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับคนกลุ่มใดบ้าง พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 44.8 ระบุรถติด คนทุกกลุ่มเดินทางลำบาก รองลงมาคือ ร้อยละ 38.7 ระบุความวุ่นวาย ความไม่สงบของบ้านเมือง, ร้อยละ 32.3 ระบุ เศรษฐกิจแย่ลงไปอีก คนทุกกลุ่มเดือดร้อน, ร้อยละ 31.3 ระบุรายได้ลดของคนขับรถแท็กซี่และรถรับจ้าง, ร้อยละ 27.3 ระบุคนป่วยที่ต้องพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเส้นทางชุมนุมของคนลงถนน และร้อยละ 5.0 ระบุอื่นๆ เช่น ทำทุกคนลำบากกันไปหมด ทำมาหากิน การเงินขัดสนลงไปอีก เป็นต้น
    เมื่อถามถึงกิจกรรมกระตุ้นให้คนไทยออกมาวิ่ง กิจกรรมใดที่ทำแล้วเหมาะสม น่ายกย่องเชิดชูมากกว่ากัน ระหว่างวิ่งเพื่อโรงพยาบาลภาคเหนือ กับวิ่งไล่ลุง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.4 ระบุยกย่องเชิดชูการวิ่งเพื่อโรงพยาบาลภาคเหนือของพี่ตูน บอดี้สแลม เหมาะสมมากกว่า, ร้อยละ 16.6 ยกย่องเชิดชูวิ่งไล่ลุง
     เมื่อถามถึงพรรคการเมืองใดอยู่เบื้องหลังวิ่งไล่ลุง พบว่า ร้อยละ 74.9 ระบุพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และร้อยละ 25.1 ระบุอื่นๆ เช่น ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และมีกลุ่มอื่นๆ เช่น คนจัดวิ่งไล่ลุงมีหน้า facebook และ twitter ใช้สื่อโซเชียลโจมตีแต่รัฐบาลด้านเดียว ในขณะที่ร้อยละ 25.1 ระบุไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง
     “สวนดุสิตโพล” เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,082 คน เรื่องข่าวลือหรือเฟกนิวส์ ณ วันนี้ ที่ประชาชนสนใจ พบว่า "ข่าวลือ” เรื่องไหนที่ประชาชนคิดว่ามีมูลความจริง อันดับ 1 ยุบพรรคอนาคตใหม่ 38.40%, อันดับ 2 ขึ้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 26.80%, อันดับ 3 การย้ายพรรค ปรับเปลี่ยน ครม.18.79%, อันดับ 4 ขึ้นภาษีผ้าอนามัย 16.18%, อันดับ 5 การออกมาประท้วงของประชาชน 12.58%.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"