'สมศักดิ์'หวั่นก่อม็อบขัดแย้งหนักกว่าเดิมย้อนถามกว่าจะได้รธน.บอบช้ำเท่าไหร่เชื่อรัฐบาลอยู่ครบเทอม


เพิ่มเพื่อน    

 

30ธ.ค.62-ที่ร้านโกลเด้น เพลส นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมและแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2563​ ว่า เรื่องเศรษฐกิจในปีหน้า​ ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบทั้งภายในและนอกประเทศมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่เมื่อร่าง​ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ผ่านสภาฯ​ และใช้ได้ในช่วงต้นปี 63​ ก็จะเบาใจได้ ส่วนการที่ประเทศอังกฤษจะแยกตัวจากสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจมาถึงไทยด้วย ซึ่งเรามีรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจที่จะช่วยกันทำงาน​ ส่วนการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นเป็นความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่อย่าทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก ทำให้ประเทศชาติชะงักได้

เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ​ ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย กังวลลัทธิชังชาติ จะเป็นชนวนขัดแย้งในอนาคตขึ้นอีกหรือไม่​ นายสมศักดิ์​ กล่าวว่า ประชาชนพบกับปัญหามามากแล้ว อยากให้แสดงความเห็นต่างและวิจารณ์ในภาควิชาการมากกว่า และไม่เห็นด้วยที่จะมารวมเป็นกลุ่มก้อนและก่อม็อบที่จะทำให้สถานการณ์หนักกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ เรามีประสบการณ์มาแล้ว และมีหลายคนถูกจองจำ​ ถามว่าได้ประโยชน์อะไร ขอว่าอะไรที่จะทำให้ขัดแย้งอย่าไปทำตาม​ ต้องคิดว่ากว่าจะได้รัฐธรรมนูญกลับคืนมาต้องต่อสู้และบอบช้ำกันเท่าไหร่​

แกนนำพรรคพลังประชารัฐ​ กล่าวถึงเสียงส.ส.ของรัฐบาลที่ยังปริ่มน้ำ​ ว่า​ อาจต้องพบปะพูดคุยกันมากขึ้นก่อนที่จะพิจารณาญัตติสำคัญ​ และเมื่อมีเสียงที่ปริ่มน้ำก็เป็นธรรมดาที่จะเห็นงูเห่าเกิดขึ้นมาได้ ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็เคยเกิดขึ้น​ ยกตัวอย่างการเมืองในสหรัฐอเมริกาที่จะมีการถอดถอนประธานาธิบดี​ ซึ่งก็อาจจะมีงูเห่า​ เป็นเรื่องคณิตศาสตร์​ เพื่อนฝูงต่างพรรคก็อาจช่วยกัน​ จึงไม่ใช่เรื่องใหม่เลย​ มีเกิดขึ้นมาตลอดในทุกรัฐบาลในอดีต​ ส่วนที่มีการขับไล่​ ส.ส.ออกจากพรรค​ อาจส่งผลให้เสียงของรัฐบาลที่ปริ่มน้ำอาจสมบูรณ์ขึ้นจากเดิม​พอสมควร

ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลยังไม่ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเป็นรัฐบาลผสมนโยบายจะต้องมาแลกเปลี่ยนกัน ก็อาจทำนโยบายของแต่ละพรรคไม่ได้​ 100​ เปอร์เซ็นต์​ แต่หากทำเต็มที่แล้ว​ เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจโดยประชาสัมพันธ์ผลงานที่ทำไปแล้ว

เมื่อถามว่า​ การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือปัญหาต่างๆ จะเป็นผลให้เกิดการปรับครม.ตามมาหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การปรับครม.ไม่น่าตกใจ​ เพราะเป็นไปตามสถานการณ์ และปรับเพื่อเติม​ในส่วนที่คิดว่าการทำงานยังไม่แน่น​ แต่ไม่รู้ว่านายกฯคิดอย่างไร​ ซึ่งในประเพณีปฏิบัติก่อนหรือหลังการอภิปราย​ ผู้บริหารสูงสุดจะมองเห็นถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของการทำงาน​ไปตามสถานการณ์​ แต่คงไม่ใช่สาเหตุ​ เพราะถูกอภิปราย​ หรือมีกิจกรรมการทางการเมืองอะไร

ต่อข้อถามว่า​ รัฐบาลจะอยู่ครบ​ 4​ ปีหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นสูตรตายตัวไม่ได้​ และมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม และหากเลือกตั้งบ่อยก็อาจบอบช้ำไปด้วย จึงควรใช้เวลานี้ทำประโยชน์กับประชาชน​ ส่วนฝ่ายค้านก็ยังไม่อยากเลือกตั้งใหม่​ เพราะจะได้มีเวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งผู้บริหารอาจจะอยากอยู่นานหรือไม่นานได้ทั้งนั้น

ส่วนกรณีนิด้าโพล​ สำรวจความเห็นประชาชนเรื่องนายกรัฐมนตรีในใจ​ พบว่า​ นายธนาธร​ จึงรุ่งเรืองกิจ​ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่​ ​มีคะแนนเป็นอันดับ​ 1​ ส่วนพล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรี​ และรมว.กลาโหม​ อันดับ​ 2​ ถือว่านายกฯอยู่ในช่วงขาลงหรือไม่​ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า​ ไม่หรอก​ เพราะโพลส่วนใหญ่ที่สำรวจในช่วงที่รัฐบาลบริหารงาน​ส่วนใหญ่นายกฯไม่ค่อยได้เป็นที่หนึ่ง​ และโพลก็อาจจะถามในกลุ่มเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง​ เช่น​ ไปทำในกลุ่มที่สนับสนุนนายธนาธร​ ก็อาจจะได้ความนิยมเยอะ​ แต่ถ้าเป็นโพลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ​ ถามทีละ​ 5-6 หมื่นคนจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง​ แต่ถ้าถามถึง​ 300-400​ คน​ แล้วมาชี้ว่าเป็นความคิดเห็นของคนทั้งประเทศไม่ได้​ เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาอะไร​ และตนเคารพในสิทธิการทำโพลและคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"