'ประยุทธ์'ร่ายยาวปลุกคนไทยใช้ประชาธิปไตยสร้างชาติ วอนเลิกวาทะเกลียดชัง


เพิ่มเพื่อน    

6 ม.ค. 63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่าวันที่สิ่งที่กำลังดีๆ ก็อยากให้เดินหน้าไป อย่าดึงให้ถอยหลัง ย้อนไปย้อนมา ตนคิดว่าได้ตั้งใจมั่นทำงานมา 5 ปี ปีที่ 6 นี้ ยังยืนยันมีแรงศรัทธาตลอดมา ไม่ใช่ต้องการอำนาจ ใครบอกว่าการเมืองคืออำนาจผลประโยชน์ ในเมื่อตนไม่ต้องการอำนาจและผลประโยชน์ แล้วทำไมไม่ไว้ใจตน เมื่อไว้ใจตนก็ต้องไว้ใจในการบริหารของตน จะต้องควบคุมเรื่องเหล่านี้ให้มากที่สุดไม่ให้กลับไปที่เดิม นั่นคือสิ่งที่อยากจะพูดกับพวกเราทุกคน วันนี้ที่พูดเยอะเพราะแบบนี้

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้นายกฯกำลังคิดแก้ไขปัญหาหลายเรื่อง นายกฯไม่เคยหยุดคิด ใครจะตำหนิต่อว่าอะไรก็ตาม ก็เอาเถอะ เรื่องไหนที่ทุจริตผิดกฎหมายก็ว่ามา ชี้แจงได้ก็จบ ถ้าชี้แจงไม่ได้ก็ไปขึ้นกระบวนการศาล การพูดกันไปมาบางทีไม่ใช่เรื่อง มันไม่มีอะไรที่ชัดเจน พูดกันไปบอกกันมา จนเกลียดชังหมด ตนถามว่าเวลานี้เราควรจะสร้างให้เกิดความเกลียดชังกันเองในชาติหรือไม่ มันใช่เวลาหรือไม่ ทำไมไม่เอาเวลามารวมพลังเพื่อต่อสู้กับปัญหาภายนอก แล้วปัญหาภายในก็แก้กันในเชิงระบบกลไก ถ้ามัวโทษกันไปกันมามันแก้อะไรไม่ได้สักอย่าง แก้โน้นกระทบนี้ พันกันไปหมด รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ปัญหาที่ซ้ำซ้อน ไม่ใช่แก้ปัญหาเชิงเดี่ยวในลักษณะเปิดแล้วปิดงานปรบมือกัน ตนไม่ชอบแบบนั้น ชอบแก้ปัญหาทั้งระบบ บางอย่างได้ผล บางอย่างไม่ได้ผล เพราะทั้งหมดเราบังคับไม่ได้ มันเป็นเรื่องของประชาชน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าวันนี้พยายามทำดีที่สุด รับทุกปัญหาของประชาชนมาคิด กลับบ้านก็คิด เสาร์อาทิตย์ก็คิด เย็นกลับไปก็คิด ไม่เคยนิ่งนอนใจกับปัญหา แต่ก็ต้องใช้กลไกครม. ขับเคลื่อนและติดตามผลการปฏิบัติจากการรายงาน ไม่ได้ฟังรายงานจากข้าราชการอย่างเดียว แต่ฟังจากประชาชนที่เป็นข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ เอาทั้งสองอย่างมาผสมกัน คือเชิงหลักการและเชิงประจักษ์ นั่นคือสิ่งที่ทำงาน

“ผมอยากให้ทุกคนใช้กลไกประชาธิปไตยของวันนี้สร้างประเทศกันก่อนได้หรือไม่ ดีกว่าที่จะทำลายซึ่งกันและกัน ถ้าผิดถูกตรงไหนก็ไปเข้ากระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าพูดกันไล่กันไปกันมาแบบนี้ ผมไม่เห็นประโยชน์จะเกิดขึ้น ไม่ว่าสนับสนุนผมหรือสนับสนุนใครก็ตามหรือต่อต้านผม มันเกิดประโยชน์กับใครบ้าง มันก็มีคนจำนวนหนึ่งที่ออกมาทำเรื่องแบบนี้ พัน สองพัน หมื่นนึง แต่คนที่เสียประโยชน์คือคน 60 ล้าน 

ผมอยากจะบอกว่าพอเถอะ มาช่วยกันทำประเทศดีกว่า ช่วยกันฟังว่ารัฐบาลจะทำอะไร จะได้ประโยชน์อะไร ถ้าไม่พอใจอะไรก็บอกมา รัฐบาลก็แก้ไข แก้ปัญหาต้องแบบนี้ อย่าใช้ทุกเวทีดิสเครดิตกันไปมา ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะยังไม่ได้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมใครผิดถูกอย่างไรให้มาแจ้ง เอาหลักฐานมาผมจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เมื่อตัดสินอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น ตอนนี้มีองค์กรอิสระตรวจสอบเยอะแยะไปหมด แล้วเขาจะกล้ามาเข้าข้างผมหรือ ถ้าเขากล้าช่วยผมหรือใครก็ตาม แล้วเขามีความผิด เป็นท่าน ท่านจะกล้าหรือไม่ที่จะช่วยคนผิด ผมว่าทุกคนกลัวความผิด ฉะนั้น ผมก็ใช้กลไก เจตนาของผมในการแสดงออก” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า หลายอย่างคิดออกมาทำไม่ได้ผล ตนก็ยอมรับ ทุกอย่างอาจจะต้องลองผิดลองถูก ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญตนก็ไม่รู้จะทะเลาะกันทำไม ในเมื่อตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษาแก้ไขก็ไปคุยกันจะมาคุยกันทางสื่อทำไมกันทุกวัน เปิดประเด็นกันอีกทำไมในเมื่อตนก็ไม่ได้ขัดข้องอยู่แล้ว ก็ไปคุยกันในกรรมาธิการ วันนี้ทุกอย่างออกสื่อกันหมด แล้วก็ตีกัน ยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง อยากถามว่ามันสำเร็จอะไรสักอย่างหรือไม่ ความร่วมมือจะเกิดหรือไม่ แล้วมาบอกว่าห่วงเรื่องโน้น มีสู้รบสงคราม แต่ในประเทศก็ตีกัน แล้วไปห่วงทางโน้น ตนจะไปทำอะไรได้ ทำสองทางช่วยตนบ้าง

“ผมฝากคน 60 กว่าล้านที่เขาเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล โดยที่ท่านไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรดี จะใช้คำพูดอะไรดี เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง บางทีมันไม่ได้สาระอะไรทั้งสิ้น พูดกันได้ทุกวัน เรื่องที่ยังไม่เกิดก็พูดทำให้สังคมระอุทุกวัน ทำเพื่ออะไรผมอยากถามกับการที่ผมทำเพื่อประเทศของผม เพื่อพวกเราทุกคน ร่วมกับพวกเรา แต่อีกพวกจ้องจะทำลายทุกวัน ทำอะไรก็ผิดหมด ไม่มีใครทำถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมดหรอกคำว่าผิดกระบวนการยุติธรรมต้องตัดสิน และต้องเชื่อไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นประเทศอยู่ไม่ได้แน่นอน ทุกประเทศอยู่ด้วยกระบวนการยุติธรรม จะต้องมีการพิสูจน์สิทธิ ข้อเท็จจริงตามกระบวนการ 3 ศาล เข้าใจกันหรือไม่ ไปว่ากันมาเมื่อตัดสินแล้วก็จบ ไม่ใช่ไปด้อยค่าศาลอีก ทุกอย่างมันรวนเรไปหมดแล้วจะอยู่กันด้วยอะไร ผมถามหน่อย รัฐธรรมนูญเขียนยังไงก็ไม่มีใครพอใจทั้งหมด ฉะนั้น อย่าเอาเรื่องเดิมๆมาทะเลาะกันอีกเลยผมขอร้องแค่นี้ ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใครทั้งสิ้น" นายกฯกล่าว

นายกฯกล่าวอีกว่า "ใครจะด่าจะว่า ในสื่อด่าผมทุกวัน การ์ตูนเขียนด่ามา 5 ปีเต็ม ผมไม่เคยไปแตะต้องเลย รู้อยู่หนังสือพิมพ์ไหน หน้าไหน ผมไม่เคยแตะต้องรังแกสื่อไหน เขาทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกกระบวนการตามกฎหมายที่เขียนไว้อยู่แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องไปสั่ง ถ้าเราไม่เอากฎหมายที่เป็นตัวพื้นฐานของประเทศ ประเทศนี้ก็ไม่ใช่ประเทศ อาจจะเรียกว่าอะไรสักอย่างที่หลายคนหลายกลุ่มอยู่กันไปตีกันไป นั่นมันโบราณกาลร้อยกว่าปีมาแล้ว วันนี้เป็นประเทศมาสองร้อยกว่าปีแล้ว กรุงรัตนโกสินทร์ตั้งสองร้อยกว่าปีแล้ว ทำไมจะย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตอีกที่ทุกคนแยกกันอยู่ แยกฝ่ายแล้วทุกคนก็ตีกัน รบกัน แล้วประเทศชาติ ประชาชนจะอยู่ตรงไหน ที่บอกรักชาติรักประชาชน รักจริงหรือเปล่า รักแบบไหน รักถูกวิธีหรือเปล่า รักลูกถูกวิธีหรือเปล่า รักคนไทยถูกวิธีหรือเปล่า ถ้ารักมันต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ดีบ้าง ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง แต่คนได้ประโยชน์ต้องมาก 

ส่วนคนที่ไม่ได้ประโยชน์ คนเสียประโยชน์ก็มี นั่นคือสิ่งที่ยากง่ายของการทำงาน ไม่ใช่ทำงานสั่งเหมือนสั่งขี้มูก เช้านี้สั่งปื๊ดไปแล้วก็โล่ง มันไม่ใช่ ไม่เช่นนั้นผมจะนั่งเป็นบ้าเป็นบอเขียนหนังสือ นั่งคิดทั้งวัน เหลือเวลานอนที่ไม่ได้คิด แล้วจะต้องมาเสียเวลาพูดกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่อง สมองผมหายไปเยอะหายไปครึ่งนึง ทำไมไม่ช่วยผมบ้าง ผมเคารพทุกท่านเพราะเข้ามาในกระบวนการประชาธิปไตย แต่ผมถามว่า ประชาธิปไตยวันโน้นกับประชาธิปไตยวันนี้ต่างกันอย่างไร หาให้เจอผมขี้เกียจพูดย้อนไปย้อนมา ทุกคนทราบดี แต่ลืมไปหมดแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย วันนี้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ไม่ดียังมีค้างอยู่ นั่นคือสิ่งที่ผมอยากให้ประชาชนตัดสินใจว่าเราจะเดินไปข้างหน้าหรืออยู่กับที่ หรือจะก้าวถอยหลัง หรือจะรื้อทั้งหมดกลับไปสู่อดีต เชิญท่านเถอะ ผมทำของผมเต็มที่เท่านี้"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"