วิ่งไล่ลุงกับเดินเชียร์ลุง


เพิ่มเพื่อน    

                              

                เห็นว่าอีกซักประมาณวัน-สองวัน...ก็น่าจะได้เห็นรายการ วิ่งไล่ลุง ประชันขันแข่งกับรายการ เดินเชียร์ลุง กันมั่งแล้ว ซึ่งจะออกมาในรูปไหน อย่างไร สามารถสร้างความเมามันซ์ซ์ซ์ให้กับบรรดาผู้วิ่ง และผู้เดินขนาดไหน เผอิญว่า...ไม่ได้สนใจติดตามความเคลื่อนไหวของประดาผู้คนเหล่านี้ตั้งแต่แรก ก็เลยมิอาจสรุปได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ไม่ว่าวิ่ง ไม่ว่าเดิน สุดท้ายก็น่าจะ เหนื่อย ไปด้วยกันทั้งคู่ นั่นแล...

                                   --------------------------------------------------

                สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยชอบอะไรที่เหนื่อยๆ หรือไม่อยากเหนื่อย อย่างประเภท ท่านขุนน้อย อันเนื่องมาจากความเฒ่าชะแร แก่ชรา ความที่ไขข้อไม่ค่อยจะดี สะบ้าหลวม สะบ้าย้อย แค่เดินเข้าห้องน้ำไม่กี่ก้าว ก็ปวดเข่า ปวดหัวหน่าว ขึ้นมาซะแร้น ก็เลยคงไม่ได้สนใจจะไป วิ่ง หรือไป เดิน อะไรกับใครเขา หนักไปทาง นั่งดูลุง หรือ นอนดูลุง ซะล่ะมากกว่า และเท่าที่นั่งดู หรือนอนดู ก็ยังไม่ถึงกับก่อให้เกิดความอึดอัด คัดจมูก คับแค้น คับข้องใจ อะไรมากมายนัก ไม่ว่าจะเป็น ลุงตู่, ลุงป้อม ไปจนถึง ลุงป๊อก ก็เถอะ คือยังไม่ถึงกับหนักหนา สาหัส ระดับคุณน้อง ยิ่งลักษณ์-ยิ่งเละ อะไรมาก พอจะ อยู่ๆ กันไป ได้ตามสภาพ...

                                    -------------------------------------------------

                โดยเฉพาะ ลุงป้อม นั้น...แม้ว่าใครจะเคยหยิบเอาเยาะเย้ย ไยไพ เสียดสี เหน็บแนม ในเรื่องแหวนพ่อ-นาฬิกาเพื่อน หรือเรื่องอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็แปลก...สำหรับ ท่านขุนน้อย แล้ว เมื่อไหร่ที่ได้เห็นหน้า ลุงป้อม ออกมาพูดโน่น พูดนี่ กับบรรดาผู้สื่อข่าวแล้ว กลับเกิดความรู้สึกสบายตา สบายใจ อย่างเป็นพิเศษ คล้ายๆ กำลังได้เห็นคุณปู่ คุณลุง ถูกมะรุมมะตุ้มอยู่ในแวดวงหลานๆ อะไรทำนองนั้น ด้วยบุคลิกลักษณะที่ออกจะเป็นไปตามธรรมชาติ ดูน่ารัก ดูมีเมตตา สมความเป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ โดยทั่วไป ไม่ได้ดัดจริต ไม่ได้คิดจะปรุงแต่งใดๆ อีกทั้งไม่ได้มีอาการฉุนฉิว กริ้วโกรธ ไม่ว่าใครจะไล่ถาม ไล่ฟัด ไล่งับ ขนาดไหน อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ ท่านขุนน้อย หวิดๆ จะกลายเป็น ติ่งลุงป้อม ไปโดยปริยาย...

                                 ----------------------------------------------------

                ส่วน ลุงตู่ นั้น...แม้จะพูดเยอะ พูดบ่อย และอาจมีอาการแทรกซ้อนในบางครั้ง บางครา เช่นประเภทคิดจะยกโพเดียมทุ่มใส่หัวใครต่อใครนั้น แค่กดปุ่ม เปลี่ยนช่อง แบบพักโฆษณาเอาไว้ซักครู่ แล้วค่อยย้อนกลับมาดูใหม่ ก็คงไม่ถึงกับทำให้ต้องคัดจมูก น้ำมูกไหล มากมายซักเท่าไหร่นัก พอจะถือเป็น วาสนา ที่ติดร่าง ติดตัว มาตั้งแต่อดีตชาติ แบบประเภท พระสารีบุตรโดดข้ามท้องร่อง อะไรประมาณนั้น ส่วนในเรื่องฝีมือการบริหาร จัดการสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะในแง่การเมือง เศรษฐกิจ สังคม หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ก็อาจคิดซะว่า...ได้แค่นี้ ก็ถือว่าเยอะแล้ว!!! คือแม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่น เป็นสง่า ชนิดต้องตามสูดกลิ่นมาดามหอมชื่นใจกันติดๆ แต่ก็ไม่ถึงกับก่อให้เกิดความหนักหนา สาหัส ระดับอยู่ไม่ได้ ทนไม่ได้ ยังพอ อยู่ๆ กันไป ได้ตามปกติและตามสภาพแวดล้อม ที่ไม่ได้ถึงกับเอื้ออำนวยให้กับคนเก่ง คนดี หรือประเภท วีรบุรุษ ทั้งหลาย มากมายซักเท่าไหร่นัก...

                                  --------------------------------------------------

                สำหรับ ลุงป๊อก นั้น...เผอิญท่านอาจไม่ค่อยปรากฏเงา ปรากฏร่าง หนักไปทางประเภทพวก เหยียบหิมะไร้รอย อะไรทำนองนั้น ก็เลยไม่อาจใช้วิชาตัวเบาตามไปสำรวจ ตรวจสอบ อะไรท่านได้มากมาย แต่โดยบุคลิกลักษณะที่ออกจะหนักแน่น มั่นคง พูดเพราะและไม่ถึงกับพูดเยอะ ก็เลยต้องถือว่า พออยู่ๆ กันไปได้ อีกหนึ่งราย ไม่น่าจะต้องถึงกับต้องไปออกเรี่ยว ออกแรง วิ่งไล่ลุงให้ต้องเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า หรือเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว โดยใช่เหตุ สู้นอนดู นั่งดู ไปตามเรื่อง ตามราว เดี๋ยวท่านก็คงต้องแก่ตายไปเองไม่ต่างไปจากผู้อื่น หรือไม่ว่าฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนก็แล้วแต่ อันเป็นไปตามกฎอนิจจัง วัฏสังขารา นั่นแล...

                                   -------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...ก็ไม่ถึงกับมีความจำเป็นที่จะต้องไปออกเรี่ยว ออกแรง เดินเชียร์ลุง ให้ต้องสะบ้าย้อย สะบ้าหลวม อีกด้วยเช่นกัน เพราะแม้จะรักปักใจต่อบรรดาพวกลุงๆ ถึงขั้นพร้อมจะแหกทวารดมเอาเลยถึงขั้นนั้น แต่การแสดงออกถึงความเป็น ติ่ง ในแบบสุดขั้วไปคนละด้าน กับบรรดาพวก วิ่งไล่ลุง ทั้งหลายนั้น สุดท้าย...มันก็ย่อมก่อให้เกิดแรงแกว่ง แรงสวิง แบบแรงเหวี่ยงของลูกตุ้มนาฬิกา ที่ยังหา จุดนิ่ง หรือ จุดสมดุล ยังไม่เจอ อะไรทำนองนั้น หรือทำให้ ความเป็นปกติ อันมีความหมายเช่นเดียวกับความมีศีล มีธรรม มันจึงอาจไม่ปกติ หรือผิดไปจากปกติขึ้นมาได้ไม่ยาก...

                                    --------------------------------------------------

                ดังนั้น...สู้เก็บแรง ออมแรง เอาไว้ทำอย่างอื่น น่าจะเหมาะกว่า เข้าท่ากว่า เป็นไหนๆ เพราะโดยแนวโน้มของโลก และแม้แต่สังคมไทย มันคงต้องออกเรี่ยว ออกแรง กันอีกเยอะ ถึงจะสามารถผ่านปัญหาและอุปสรรค ที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าไม่รู้จะกี่เรื่อง กี่แง่ กี่มุม ไม่ว่าแง่การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไปจนถึงวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม ที่ล้วนแล้วแต่กำลังถูก ดิสรัปถีบ ไปด้วยกันทั้งสิ้น และต้องอาศัยการรวมแรง ประสานแรง โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความมี สติ และ ปัญญา ไม่ใช่บนพื้นฐานของ อารมณ์ความรู้สึก ที่วูบไหวไป-มา สวิงไป-สวิงมา กันเป็นพักๆ ด้วยเหตุนี้...โดยสรุปรวมความแล้ว สู้หันมา นั่งดูลุง หรือ นอนดูลุง นุ่งกางเกงแพรเกาสะดือ ระหว่างนั่งดู นอนดู ไปพลางๆ น่าจะได้อรรถรสซะยิ่งกว่าเป็นไหนๆ...

                                    ----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จากบทพากษ์ของ หลวงวิจิตรวาทการ... “It is easy enough to be pleasant when life flows like a song. But the man worth-while is the man who can smile when everything goes dead wrong. – เป็นการง่ายยิ้มได้ไม่ต้องฝืน-เมื่อชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์-แต่คนที่ควรชมนิยมกัน-ต้องใจมั่นยิ่งได้เมื่อภัยมา...” 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"