'ทูตนริศโรจน์' เล่าความหลัง 20 กว่าปีที่แล้ว การันตี 'ดอน-เจ้านายเก่า' ไม่มีวันและไม่มีทางชักศึกเข้าบ้าน


เพิ่มเพื่อน    

10 ม.ค.63 - นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj  โดยมีเนื้อดังนี้

ย้อนหลังไปราว 20 กว่าปีที่ผ่านมา ตอนนั้นผมทำงานที่ กองวัฒนธรรมสัมพันธ์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น กองการทูตวัฒนธรรม) กรมสารนิเทศ กต.

เจ้านายของผม หรือ อธิบดีกรมสารนิเทศ และทำหน้าที่เป็นโฆษก กต. ควบโดยตำแหน่งของอธ.สารนิเทศด้วย คือ ท่านดอน ปรมัตถ์วินัย

ท่านดอน กลับมาจากการเป็นเอกอัครราชทูตที่สวิส แล้วกระทรวงฯก็ดึงให้ท่านมาเป็น อธ.สารนิเทศ เพราะมองเห็นว่าท่านมีวิสัยทัศน์ดี ฉลาด สุขุม

จำได้ว่าตำแหน่ง โฆษก กต. สมัยนั้น ทำหน้าที่หนักพอๆกับ โฆษกรัฐบาล ! หรือหนักกว่า เพราะโฆษก กต.ท่านพูดภาษาอังกฤษ และสื่อสารกับนักข่าวต่างประเทศได้ดีมาก นักข่าวโดยเฉพาะนักข่าวต่างประเทศจึงมักมารุมถามจากโฆษก กต.ก่อนเพื่อน

จำได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นในโลก คนที่ถูกถามคนแรกเรื่องท่าทีของไทยคือ ท่านดอน ในฐานะโฆษก กต. ไม่ใช่โฆษกรัฐบาล !

ท่านดอน จึงเป็นจุดโฟกัสแรกสุดที่นักข่าวทั้งไทยและเทศให้ความสนใจซักถาม ซึ่งผมในฐานะลูกน้องที่ต้องคอยดูแลจัดระเบียบนักข่าวในห้องแถลงข่าวนั้น ต้องยอมรับว่าท่าน control สถานการณ์ได้ดี ไม่ว่าจะโดนตั้งคำถามยียวนแค่ไหน แต่ท่านดอนก็ใช้ความสุขุม เฉลียวฉลาดและรอบรู้ ตอบคำถามได้หมด จนนักข่าวพอใจ

ใครที่เคยเป็นนักข่าวสาย กต.เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วคงจำได้และเป็นพยานยืนยันได้ดี

มีเรื่องบางอย่างที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบ เช่น เรื่องโครงการโรงเรียนยุวทูตความดี โครงการนี้ท่านดอนมีดำริและริเริ่มให้ทำโครงการ

บางคนอาจสงสัยว่าทำไม กต.ถึงมาทำโครงการโรงเรียนยุวทูตความดี ทำไมไม่เป็น ศธ. ถ้าอยากทราบล้อมวงเข้ามา แล้วจะเล่าให้ฟังช้าๆถึงที่มาที่ไป

ย้อนไปสมัยท่านดอน ยังเป็นทูตไทยที่สวิส นั้น ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า “ภาพลักษณ์” ของไทย โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของผู้หญิงไทยที่ไปแต่งงานกับผู้ชายฝรั่งที่ยุโรป ภาพลักษณ์ด้านยาเสพติด ฯลฯ ของไทยในยุโรปตอนนั้นค่อนข้างติดลบ

พอท่านดอนกลับมาเป็น อธ.สารนิเทศ งานหลักที่เป็นหัวใจส่วนหนึ่งของการดำเนินนโยบายต่างประเทศคือ งานด้านการทูตวัฒนธรรม (Cultural Diplomacy) หรือที่ปัจจุบันเรียกว่า Soft Power

ท่านดอน บอกพวกเราที่กรมสารนิเทศตอนนั้นว่า การแก้และส่งเสริมภาพลักษณ์ไทยโดยคนรุ่นเรานั้น คงสายเกินไป แต่ต้องเริ่มไปที่เด็กก่อนให้เขาตระหนักในเรื่องนี้

โครงการโรงเรียนยุวทูตความดีจึงเกิดขึ้น โดย กต.แจ้งขอความร่วมมือไปยังทุกจังหวัด โดยขอความช่วยเหลือจาก ศธ. ให้คัดเลือก รร. 1 แห่งในแต่ละจังหวัดมาร่วมโครงการนี้

การดำเนินโครงการในแต่ละ รร. ก็จะมีการส่งเสริมให้เด็กรู้จักในการทำความดีเพื่อสังคม เพื่อประเทศ โดยมี สมุดพกความดี เอาไว้ลงคะแนนแต้มสะสมว่าวันนี้เด็กๆได้ทำความดีอะไรบ้าง

ในส่วนของ กต. เราก็จะเป็นตัวกลางประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศที่ประจำในไทย ในการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับประเทศต่างๆให้กับเด็ก นร. เพื่อให้เด็กมีวิสัยทัศน์กว้างไกล

สำหรับสถานทูตต่างประเทศในไทย กต.ก็จะช่วยจับคู่ หรือ match สถานทูตต่างประเทศ 1 แห่ง กับ 1 รร.ในต่างจังหวัด เปิดโอกาสให้ท่านทูตประเทศนั้นๆ ได้ไปเยือน หรือ ทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก รร.นั้นๆ

ที่ผมจำได้ดีคือ ท่านทูตบราซิล ท่านได้ติดต่อขอถ้วยรางวัลจาก Pele นักฟุตบอลชื่อดังของบราซิล เอามาให้เป็นรางวัลสำหรับการแข่งขันฟุตบอลของ รร.จากจังหวัดจากภาค ตอ. (ผมจำไม่ได้แน่นอนว่าเป็น ระยอง จันทบุรี หรือ ตราด)

พอได้ทีมที่ชนะได้ถ้วยของ Pele ท่านทูตบราซิลก็เปิดทำเนียบ (บ้านพักทูต) ที่แถวซอยเย็นอากาศ คลองเตย เชิญเด็กๆและ ผอ.รร. + จนท. มารับถ้วย ท่านทูตเลี้ยงอาหารเด็กๆ มีการฉายวีดิทัศน์เกี่ยวกับบราซิลให้เด็กๆดู เด็กและจนท.ทุกคนได้รับของที่ระลึกจากบราซิล

และที่เป็นไฮไลท์สนุกที่สุดคือ พอเด็กๆได้ถ้วยของ Pele เนื่องจากที่ทำเนียบท่านทูตบราซิลมีสระว่ายน้ำใหญ่ ท่านทูตจึงได้บอกให้เด็กๆเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงเล่นน้ำฉลองถ้วย Pele กันในสระ เป็นที่สนุกครื้นเครงที่สุด เด็กๆกระโดดน้ำกันตูมๆ โดยมีท่านทูตบราซิล และพวกเราจาก กต. ยืนดูอย่างมีความสุข

นี่แหละครับคือสิ่งที่ท่านดอน ได้ริเริ่มขึ้นมา ดังนั้น เมื่อเกิดกรณีที่สื่อนำเอาสิ่งที่ท่านพูดไป “บิด” แล้วพาดหัวจนเป็นเรื่องนั้น ผมถึงต้องออกมาสืบที่มาที่ไปจนเข้าใจแล้วนำมาอธิบายให้เพื่อนๆได้ทราบว่า เรื่องจริงๆเป็นอย่างไร แตกต่างจากที่สื่อเขียนพาดหัวอย่างไร เพราะผมเชื่อเหลือเกินว่าคนอย่างท่านดอนไม่มีวันและไม่มีทาง “ชักศึกเข้าบ้าน” แน่นอน !

ปล. ก่อนจบ อาจมีเพื่อนๆสงสัยว่าทำไม กต.ต้องมารับหน้าเสื่อทำโครงการโรงเรียนยุวทูตความดี ทำไมไม่เป็น ศธ.เป็นแกน โดย กต.ช่วย ขอบอกว่า ทางกต.ได้พยายามใส่พานเรื่องนี้ให้ ศธ.แล้วครับ แต่เผอิญ”นักการเมือง”ที่คุม ศธ.ยุคนั้น “ปฏิเสธ” ไม่รับครับ ! และนักการเมืองที่คุม ศธ.คนนี้แหละที่ให้ยกเลิกการเรียนวิชา ปวศ. และหน้าที่พลเมือง รวมทั้งส่งเสริมให้ครู นร. จาก รร.ต่างๆไปเข้าวัดจานบินครับ ! แต่ข้าราชการ ศธ. โดยเฉพาะคุณหญิงกษมา วรวรรณ ปลัด ศธ. นั้นให้ความร่วมมือดีมากๆครับ จนถึงปัจจุบัน ขอชื่นชมคญ.กษมา และ ขรก.ศธ.ทุกท่านที่ช่วยเหลือด้วยดีมา ณ ที่นี้ด้วย

หมายเหตุ เรื่องนี้ผมยินดีให้เพื่อนๆและสื่อทุกแห่งแชร์ได้เต็มที่ครับ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"