อมตะ มั่นใจไทยมีจุดแข็งเป็นฐานการผลิต


เพิ่มเพื่อน    

13 ม.ค.2563 นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิกเผยว่า ภาวะการณ์ลงทุนในปีนี้ยังไม่ค่อยดีนัก เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ได้ดีอย่างที่คิด เวิลด์แบงก์บอกเศรษฐกิจโลกลดลงคาดว่าจะเติบโตเพียง 1.4 – 1.3% เป็นตัวสะท้อนที่ไม่ดี แต่การที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงยังคงมีนักลงทุนไหลเข้ามาในไทย อย่างไรก็ตามปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับอิหร่านหากขยายไปสู่การทำสงครามก็จะกระทบกับการลงทุนของไทยอย่างมาก แต่หากไม่ขยายเป็นสงครามก็จะไม่กระทบต่อการลงทุนในไทย

โดยเฉพาะโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเข้ามาช่วยดึงดูดการลงทุนได้มาก ซึ่งที่ผ่านมาแม้ว่าโครงการลงทุนโครงพื้นฐานที่สำคัญ 5 โครงการ จะมีความล่าช้า แต่หลายโครงการก็ได้เซ็นต์สัญญาไปแล้ว และโครงการที่เหลือก็คาดว่าจะได้ผู้ลงทุนในเร็วๆนี้ ทำให้นักลงทุนยังคงมั่นใจในโครงการ อีอีซี แต่ถ้าโครงการที่เซ็นต์ไปแล้วยังไม่ทำก็จะกระทบต่อความเชื่อมั่นได้

สำหรับนักลงทุนที่มาแรงในปีนี้จะเป็นกลุ่มจีน ยังมีความสนใจลงทุนในไทยอยู่มาก เพราะไทยยังมาข้อดีอยู่มาก ไม่อย่างนั้นนักลงทุนก็ไปหมด นักลงทุนที่เข้ามาส่วนใหญ่เป็นลูกค้าใหม่ เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ กดดันให้นักลงทุนเข้ามาไทยไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และคาดว่าสถานการณ์ นี้ยังคงยืดเยื่ออีกนาน

“มาตรการส่งเสริมการลงทุนของไทยถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว โดยจะเน้นเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ใช้แรงงานน้อย ส่วนอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมากก็ไม่ได้ส่งเสริมอยู่แล้ว เพราะไทยยังคงขาดแคลนแรงงาน”นายวิบูลย์ กล่าว
ขณะที่ภัยแล้งที่เกิดขึ้นกระทบกับภาคอุตสาหกรรมไม่มาก ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นภาคการเกษตร เพราะภาคอุตสาหกรรมสามารถรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ได้ในบางส่วน โดยนิคมอุตสาหกรรมของอมตะ ก็ได้เตรียมมาตรการรองรับมานานแล้ว มีบ่อเก็บน้ำสำรองที่เพียงพอกว่า 18 เดือน โดยในวันที่ 20 ม.ค. นี้ จะเชิญผู้ประกอบการในนิคมฯ เข้ามาชี้แจ้งอัพเดทข้อมูลให้ผู้ประกอบการไม่กังวลเรื่องน้ำ ส่วนที่บริษัท อีสท์วอเตอร์ จะขึ้นค่าน้ำภาคอุตสาหกรรม จะไม่กระทบต่อนิคมฯอมตะ เพราะอมตะใช้น้ำที่พึ่งพาตนเองมาโดยตลอด โดยใช้น้ำของอีสวอเตอร์เพื่อแบ็กอัพเท่านั้น

สำหรับเงินลงทุนของกลุ่มอมตะฯ ในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 3-4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนในนิคมฯภายในประเทศและต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในไทย ส่วนยอดขายที่ดินในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในกรอบ 700 – 800 ไร่ ส่วนปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"