ปูดแจกกล้วยเกี๊ยะเซียะอภิปราย


เพิ่มเพื่อน    

  "ประยุทธ์" ย้ำพร้อมแจงศึกซักฟอก อุบไต๋ดึง "กรณ์" ร่วม ครม. ชี้เป็นเรื่องอนาคต จ่อยกเครื่องทีม ศก.มีรองนายกฯ รับผิดชอบการขับเคลื่อน สมาชิกเพื่อไทยข้องใจไม่ซักฟอก "บิ๊กป้อม-ศักดิ์สยาม" ไล่เช็กข้อมูลไอ้โม่งให้โครงการรับเหมา 900 ล้านผ่านคนสนิท อีกบิ๊กการันตีตำแหน่งให้คนใกล้ชิดแกนนำ พท. ลือหึ่งทุนใหญ่ส่งนักเจรจาเป่าข้อมูลให้เบาลง "ชวน" อบรม กมธ.ป.ป.ช.เป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ยังไม่เปลี่ยนแปลงทำให้ภาพลักษณ์ติดลบ "จตุพร" เตือน "เสรีพิศุทธ์" ถ้าควบคุมอารมณ์จากการยั่วยุของ "ปารีณา-สิระ" ไม่ได้ควรลาออก

    เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ยังไม่ทราบ ซึ่งในส่วนของตนก็เตรียมข้อมูลไปอภิปรายตามข้อเท็จจริง เชื่อมั่นว่าสามารถชี้แจงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้อภิปรายว่าคืออะไร ขอให้รอฟังก็แล้วกัน ซึ่งตอนนี้มีการปล่อยข่าวออกมาวุ่นวายกันหมดแล้ว ทั้งเรื่องการยุบสภา การนำคนนั้นคนนี้มาร่วมงาน ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรสักอย่างและยังไม่เจอใครสักคน
    ผู้สื่อข่าวถามว่าหมายถึงนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือไม่  พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าก็หมายถึงทุกคนนั้นแหละ ซึ่งจะทำอย่างไรได้เมื่อรัฐบาลประกอบไปด้วยพรรคการเมืองมากมาย เรื่องสัดส่วนต่างๆ เป็นเรื่องของอนาคต ใครจะมาร่วมหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต เป็นกติกาของแต่ละพรรคการเมือง
    เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเสริมทีมเศรษฐกิจใน ครม.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าอยู่ที่กลไกของเรา  เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่ารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไม่ได้คุมกระทรวงทั้งหมด เพราะเป็นสัดส่วนตามประชาธิปไตย ครม.ใหม่ก็ต้องทำงานตามกลไกใหม่ เพื่อทำงานร่วมกันได้โดยนำกิจกรรมมาจับ  เช่นการมีคณะกรรมการขับเคลื่อนขึ้นมาเป็นวาระแห่งชาติ โดยมีรองนายกฯ รับผิดชอบเรื่องกรรมการขับเคลื่อนเอสเอ็มอี หรือการลงทุนคล้ายกับการเป็นรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจไปด้วย เป็นรูปแบบของการบริหาร ทั้งนี้ยังไม่มีการดึงคนนอกมาร่วม เฉพาะคนในก็ยังไม่พออยู่แล้ว และต้องรอมติของพรรคการเมืองนั้นด้วย ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาล รวมทั้งหมด 19 พรรคการเมือง หลายคนก็อยากมีสัดส่วนใน ครม.
    ถามว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน หมายความว่าจะมีวาระแห่งชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่าก็เป็นไปตามนั้นด้วย และจะต้องมีการหารือและทำงานร่วมกันกับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย เนื่องจากมีกฎหมายรองรับ เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยต้องรักษาเศรษฐกิจมหภาคของเขาด้วย 
    เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำสูตรคณิตศาสตร์ ส.ส. 7 คนต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีมาใช้ นายกฯ   กล่าวว่าไม่ได้มองเช่นนั้น เพราะขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา ถ้าถึงเวลาฝ่ายการเมืองจะไปคุยกันเอง และขณะนี้หลายอย่างก็มีกระบวนการตรวจสอบอยู่มากมาย อีกทั้งหลายพื้นที่ต้องเลือกตั้งใหม่ ตอนนี้ยังไม่นิ่ง เดี๋ยวค่อยว่ากัน จะปรับ ครม.เมื่อไหร่ก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็นไปตามสถานการณ์ และวันนี้รัฐบาลก็มีผลงานมากพอสมควร
ยุเอาผิดคนปูดข่าวยุบสภา
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่านายกฯ จะยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ใครเป็นคนปูด ตามหลักกฎหมายนับตั้งแต่วันที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติจนกระทั่งถึงวันที่มีการลงมติ ยุบสภาในช่วงนั้นไม่ได้ ก่อนนั้นยุบได้ตลอดทุกวันอยู่แล้วถ้ามีเหตุผล ซึ่งต้องถามว่าเหตุผลคืออะไร บางครั้งยุบสภาเพราะมีความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับสภาผู้แทนราษฎร ในอดีตก็มียุบ  ขอให้ฟังนายกฯ พูดคนเดียวก็พอแล้ว ซึ่งท่านถามแล้วไม่ใช่หรือว่าจะยุบหาอะไร ใครเป็นคนปูด 
    เมื่อถามว่าปัจจุบันมีกฎหมายเฟกนิวส์ แล้วจะสามารถดำเนินการต่อข่าวลักษณะนี้ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่าเป็นเฟกนิวส์แน่ แต่จะทำให้ตื่นตระหนกตกใจกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การอ้างว่าจะยุบนั้นไม่กระทบ แต่จะอ้างว่ายุบเพราะเหตุนั้นเหตุนี้ทั้งที่เหตุนั้นไม่มี  แต่ทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้คนตื่นตระหนก อย่างนั้นคือกระทบ ส่วนใครจะเป็นคนแจ้งความเอาผิดก็ได้ หรือจะไปบอกนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจัดการ
    ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นบุคคลที่ให้สัมภาษณ์ว่านายกฯ จะยุบสภาหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะเกรงจะชี้แจงไม่ได้
    นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการชิงยุบสภาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล หรือเป็นเกมการเมืองโหมโรงก่อนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธแล้วว่ายังไม่มีความคิดในเรื่องการยุบสภา การยุบสภาต้องมีเหตุผลอธิบายต่อสังคมได้ ในขณะนี้ยังไม่มีสาเหตุหรือเหตุผลใดๆ เชื่อว่าพี่น้อง 3 ป.จะไม่หนีการอภิปราย กล้าที่จะเผชิญหน้าแบบชายชาติทหาร ขอให้การอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีเหตุมีผล มีหลักฐานประกอบการอภิปรายให้ชัดเจน รัฐมนตรีผู้ถูกอภิปรายก็ต้องตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา แบบไม่ต้องมีองครักษ์คอยประท้วงหรือตีรวนให้เสียบรรยากาศของการประชุม ขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
     นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า อยู่ระหว่างการทยอยคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านถึงกรอบการอภิปรายของแต่ละพรรค โดยไม่ต้องลงรายละเอียดว่าเขาจะอภิปรายใครอย่างไร เพื่อรวบรวมความเห็นมาเขียนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะเป็นคนยกร่าง จากนั้นทั้ง 7  พรรคจะพิจารณาร่างญัตติดังกล่าวร่วมกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และจะยื่นยื่นญัตติได้ช่วงวันที่ 20-23  ม.ค.ก่อนวันตรุษจีนแน่นอน ส่วนสมาชิกพรรค พท.บางคนอยากอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกฯ ยังไม่ได้คุยกับผู้ที่ออกมาให้ความคิดเห็น แต่สัปดาห์หน้าหัวหน้าพรรคจะเรียกประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ, เลขาธิการพรรค และประธานวิปฝ่ายค้านมาพูดคุย เพื่อสรุปว่าข้อมูลของแต่ละฝ่ายมีอะไรเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพื่อสรุปเป็นภาพรวมของพรรคก่อนไปคุยกับพรรคร่วมซึ่งใครมีข้อมูลอะไรก็สามารถส่งได้สองทาง 
พท.ท้าเปิดหลักฐานล็อบบี้
    ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กระแสข่าวลือพรรคเพื่อไทยจะไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประวิตรนั้น หากสมาชิกพรรค พท.มีข้อมูลใหม่และมีหลักฐานที่ชัดเจนมานำเสนอ คณะกรรมการกิจการพิเศษก็พร้อมจะพิจารณา ไม่ปิดกั้นการเสนอรายชื่อว่าที่ผู้ถูกอภิปราย ส่วนข่าวลือที่ว่ามีการคุยนอกรอบเพื่อล็อบบี้ผู้ใหญ่ในพรรคไม่เป็นเรื่องจริง หากใครมีหลักฐานควรนำออกมาแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่การกล่าวหากันแบบลอยๆ การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เหมือนยุทธวิธีในการทำศึกสงคราม เราควรต้องมีการวางแผนที่แยบยลเพื่อโจมตีแม่ทัพ ไม่ใช่รองแม่ทัพหรือนายทหาร ในการอภิปรายครั้งนี้เวลาที่ฝ่ายค้านได้รับคงจะไม่ได้เยอะมาก จึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าอย่างที่สุด พรรคเพื่อไทยมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าหลักฐานที่มีอยู่เพียงพอแล้วที่จะเอาผิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ได้ 
    นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์และคณะมีความรู้สึกหวั่นใจ เพราะไม่รู้ฝ่ายค้านจะมีข้อมูลมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ไม่กลัวจนถึงขั้นจะยุบสภาหนี ยังมั่นใจในเสียงของรัฐบาลว่าจะสนับสนุนรัฐบาล และเชื่อว่าฝ่ายค้านไม่สามารถล้มรัฐบาลได้อย่างแน่นอน และด้วยวิธีการที่ผู้มีอำนาจใช้มัดพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้แตกแถว มีการใช้อิทธิพลทุกรูปแบบกับพรรคร่วมรัฐบาล ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาลไม่กล้าหักกับพรรคพลังประชารัฐแน่ ดังนั้นการคุมเสียงในรัฐบาลง่ายกว่าไปเลือกตั้งใหม่ จากการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงทั่วประเทศที่ผ่านมาส่งสัญญาณไปยัง พล.อ.ประยุทธ์โดยตรงว่าประชาชนไม่เอาแล้ว ดังนั้นหากคิดยุบสภาก็หวั่นว่าจะเกิดปัญหาไม่สามารถพาพรรคพลังประชารัฐสู้ศึกในการเลือกตั้งได้ จะเกิดความเสี่ยงมากกว่าเพราะกลัวประชาชนไม่เอารัฐบาล เชื่อว่าหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะมีการปรับ ครม.อย่างแน่นอน 
      รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า ความคืบหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้มี 5 รัฐมนตรีที่จะถูกพรรคเพื่อไทยยื่นอภิปรายแน่นอน ประกอบด้วย  พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ในการประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อ 14 ม.ค.มี ส.ส.ลุกขึ้นสอบถามความชัดเจนจากแกนนำพรรคเพื่อไทยถึงการอภิปรายว่า เหตุใดการอภิปรายครั้งนี้ ส.ส.ถึงยังไม่รู้เลยว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด เรื่องอะไรบ้าง ซึ่งผิดปกติต่อการอภิปรายมาก แกนนำพรรคที่อยู่ในห้องประชุมชี้แจงกลับมาเพียงว่าที่ยังไม่แจ้งเพราะว่ากลัวข้อมูลรั่วไหลออกไป แต่ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้มากแล้ว
    รายงานแจ้งว่า ส.ส.หลายคนแจ้งความจำนงที่จะขอยื่นอภิปราย พล.อ.ประวิตร เพราะมีข้อมูลหลักฐานที่มากพอ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการล็อกสเปกให้บริษัทประชาสัมพันธ์แห่งหนึ่งที่เป็นคนใกล้ชิด มีการสั่งการไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมทั้ง ส.ส.อีกส่วนตั้งข้อสังเกตการอภิปรายครั้งนี้ไม่ควรจะมุ่งเน้นไปที่รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐเพียงอย่างเดียว ควรจะพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ที่มีกระแสข่าวทางลบออกมามาก และมีข้อมูลในทางลึก จึงอยากให้ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ  
เสนอโครงการแลกไม่ซักฟอก
    "แม้จะมีการเสนอความเห็นจาก ส.ส.ให้ใส่ชื่อรัฐมนตรีทั้ง 2 คนเข้าไปเพิ่มเติม ได้เข้าไปพูดคุยนอกรอบกับแกนนำพรรคบางคน แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนกลับมา ทำให้ ส.ส.รู้สึกผิดหวังเนื่องจากเข้าใกล้เวลาที่จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว และกลัวว่าท้ายที่สุดทั้ง พล.อ.ประวิตรและนายศักดิ์สยามจะไม่มีชื่อที่จะถูกอภิปรายในที่สุด ทำให้ ส.ส.ได้จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงสิ่งที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เคยโพสต์เฟซบุ๊กไว้ และยังไล่เช็กข่าวถึงที่มาที่ไปจนทราบว่า 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีบางคนในพรรคพลังประชารัฐและพรรคร่วมรัฐบาลที่เคยมีชื่อจะถูกอภิปราย พยายามต่อสายมาถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยที่รู้จักสนิทสนม ต่างฝ่ายต่างส่งตัวแทนไปพูดคุย มีการยื่นหลักประกันไว้เบื้องต้น เช่น ได้ให้โครงการรับเหมาก่อสร้างมูลค่าสูงถึง 900 ล้านบาท ผ่านคนสนิทแกนนำพรรคเพื่อไทยคนหนึ่ง เพื่อเป็นการซื้อใจพร้อมกับฝากย้ำมาด้วยว่าเพื่อรักษาแนวร่วม  ขณะที่อีกรายได้รับปากตำแหน่งหน้าที่การงานสูงขึ้นดีขึ้น ให้กับเครือญาติแกนนำพรรคเพื่อไทยอีกคนหนึ่งเช่นกัน แลกกับการไม่ถูกอภิปรายไว้วางใจ นอกจากนี้ยังมีนักเจรจาคนหนึ่งเป็นตัวกลางประสานงานมายังพรรคเพื่อไทย เพื่อทำให้ข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอันเกี่ยวพันไปถึงบริษัทนายทุนยักษ์ใหญ่คนหนึ่งเพื่อให้น้ำหนักเบาลง" รายงานข่าวระบุ
    รายงานข่าวจากพรรค พท.แจ้งอีกว่าสำหรับพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคเสรีรวมไทยของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้แจ้งความจำนงจะขออภิปรายมุ่งเน้นถึงคุณสมบัติความไม่เหมาะสมของ พล.อ.ประยุทธ์ กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน และกำลังรอหลักฐานชิ้นสำคัญจากต่างประเทศที่เกี่ยวพันกับเรื่องของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ขณะที่พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้รับผิดชอบ ได้ยกร่างญัตติอภิปรายในกรอบกว้างๆ รอแล้ว แต่ยังไม่ได้ระบุชัดถึงมูลเหตุและรัฐมนตรี  หากพรรคเสรีรวมไทยได้รับหลักฐานสำคัญมากมาในเร็ววันนี้จะบรรจุชื่อ ร.อ.ธรรมนัสเอาไว้ในญัตติอภิปรายที่จะไปยื่นในสัปดาห์หน้าเข้าไปด้วย       
    ส่วนปัญหาความวุ่นวายในคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน โดยเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ยื่นถอดถอนประธาน กมธ.ป.ป.ช.ทำได้หรือไม่ว่า ไม่ทราบ ไม่เคยมีการถอดถอนและไม่เคยมีลักษณะของการปลดกันมาก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้ ในอดีตเคยมีถึงขนาดเสนอปลดประธานสภาด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายไม่สามารถปลดได้เพราะไม่เคยมีการทำมาก่อน และไม่มีข้อหาอะไรรุนแรง
    เมื่อถามว่าประธานสภามีอำนาจพิจารณาว่าจะปลดหรือไม่ปลดประธาน กมธ.ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่น่าจะได้ คงต้องหารือกันในที่ประชุมสภา และประธานสภาคงต้องมีหลังพิงฝาเอาไว้หน่อย  ไปสั่งเองเปลี่ยนคนนั้นคนนี้คงไม่ได้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภารอบคอบอยู่แล้ว 
    ด้านนายชวน หลีกภัย กล่าวถึงกรณี กมธ.ป.ป.ช.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพลักษณ์และพฤติกรรมการใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมว่า ภาพที่ออกมาเป็นเเบบนี้ตั้งเเต่ต้น ไม่ได้เปลี่ยนเเปลง และตนเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า โดยหลักภายในกมธ.ต้องดูแลกันเอง เพื่อให้ปฏิบัติตามหลักการอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้ 
กมธ.ป.ป.ช.ทำภาพลักษณ์ติดลบ
    เมื่อถามว่าภาพที่ออกมาเป็นการตอบโต้ทางการเมือง นายชวนกล่าวว่าถือว่าไม่ค่อยเป็นบวกนัก  ปกติแล้ว กมธ.แต่ละชุดทำงานไปได้ด้วยดี มีปัญหาก็มาหารือกัน อาทิงานซ้ำซ้อน ตนก็ได้ให้คำเเนะนำไป เรื่องทั้งหมดถือว่าทุกคนเป็น ส.ส.ที่มีวุฒิภาวะเหมือนกัน เป็นผู้ใหญ่เเล้ว ส่วนที่นายไพบูลย์เสนอญัตติให้ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เรื่องยังไม่ได้ส่งมาถึงตน ซึ่งเรื่องนี้มีระเบียบข้อบังคับอยู่แล้วว่าประธาน กมธ.จะพ้นตำแหน่งได้อย่างไร และการจะปลดประธาน กมธ.จะต้องเข้าเกณฑ์ข้อบังคับ ซึ่งไม่อยากจะพูดอะไรไปก่อนล่วงหน้า ต้องดูด้วยว่าเขายื่นเหตุผลมาว่าอย่างไร ส่วนเรื่องสัดส่วนหรือโควตาเป็นเรื่องภายใน กมธ.ที่ต้องตกลงกันเอง ไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
    เมื่อถามย้ำว่าต้องถึงขั้นเชิญ กมธ.ทั้งสองฝ่ายเข้ามาทำความเข้าใจกันหรือไม่ นายชวนกล่าวว่าถ้าเขาต้องการก็ยินดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการร้องเข้ามาที่ตน 
    ส่วนนายไพบูลย์กล่าวว่า พฤติกรรมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มุ่งเล่นงาน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่เรื่องของตัวประธานเองถูกร้องเรียน โดยเฉพาะเรื่องของการทุจริตต่างๆ กลับไม่ยอมบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นวาระการประชุม โดยพยายามป่วน เป็นการนำกรรมาธิการไปเล่นการเมืองจึงทำให้เกิดความวุ่นวาย    
    เมื่อถามถึงกรณีกระแสต่อต้านในโลกโซเชียล หลังราชกิจจานุเบกษาประกาศให้ น.ส.ปารีณาและนายสิระดำรงตำแหน่ง กมธ.ป.ป.ช. นายไพบูลย์กล่าวว่า กมธ.เมื่อเป็นแล้วก็จะถูกประกาศลงในราชกิจจาฯ ทั้งสองคนมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและไม่ชื่นชอบ เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่มีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและผู้ไม่ชอบเช่นกัน เมื่อมีกระแสเช่นนี้ก็จะนำไปเรียกร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้เหมือนกันหรือไม่ ความเห็นบนโลกโซเชียลก็ยินดีรับฟัง ย้ำว่าทุกคนนั้นก็ผ่านกระบวนการเลือกตั้งมา ไม่ได้เลือกมาจากโลกโซเชียล ซึ่งเป็นฝ่ายใดก็ไม่รู้ ถ้าฟังโซเชียลก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้งก็ได้ ใช้โซเชียลเลยดีหรือไม่ ถ้าประชาชนที่ไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียจะไม่มีสิทธิ์มีเสียงเลยใช่หรือไม่
    "ไม่คาดหวังว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะปรับเปลี่ยนท่าทีและพฤติกรรมในการทำงาน เพราะเคยทักท้วงไปแล้วหลายครั้ง ที่ผ่านมาก็คุยกันด้วยเหตุผลตลอด แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่รับฟัง จึงไม่รู้จะหาวิธีใดนอกจากใช้เสียงข้างมากในสภามาปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากการเป็นประธาน กมธ." นายไพบูลย์กล่าว 
    นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กล่าวว่า การประชุม กมธ.ป.ป.ช.เป็นปัญหาไม่มีวันจบ ส่วนหนึ่งเกิดจากบุคลิกส่วนตัวของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีจุดเดือดอารมณ์ต่ำจนทำให้เกิดทะเลาะวิวาท ยั่วยุโทสะได้ทุกเวลาและแทบทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นไปตามแผนของ กมธ.จากพรรคพลังประชารัฐ ผู้เป็นประธานการประชุมต้องมีวุฒิภาวะเหนือกว่าในการควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการยั่วยุของอีกฝ่าย หากอารมณ์หลุดแล้วการประชุมจะเป็นแค่การด่ากันด้วยภาษาแบบตลาดขายของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถ้าท่านยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้ กมธ.ชุดนี้เปลืองงบประมาณแผ่นดินเสียเปล่า เพราะไม่สามารถทำงานได้แถมยังทำให้ภาพสภาติดลบ 
    "เมื่อ น.ส.ปารีณาติดลบเป็นดาวดับอยู่แล้ว เรื่องอะไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ต้องไปทำตัวติดลบด้วย  เท่ากับทำให้ น.ส.ปารีณากับนายสิระ เจนจาคะ ดึงตัวมาเทียบเท่ากัน ทั้งที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มีเกียรติภูมิ มีประวัติทำงานรับราชการมามากมาย กมธ.ชุดนี้จะทำให้เกิดการลุกลามบั่นทอนความน่าเชื่อถือของสภา ถ้าท่านก็ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้ ผมว่าท่านควรลาออกเสีย ขอถามว่าทำไมเอาตัวไปอยู่ในพื้นที่คิลลิงโซนของพวกเขาโดยไม่จำเป็น" นายจตุพรกล่าว. 
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"