ฝุ่นพิษกับฝุ่นทางอารมณ์


เพิ่มเพื่อน    

                                               

                เรื่องของ ฝุ่น ไม่ว่าจะเป็น พีเอ็ม เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่...ถ้ามองให้เป็นเรื่องเล็กๆ ก็น่าจะพอมองได้ เพราะอะไรก็ตามที่ขึ้นชื่อว่า ฝุ่น มันย่อมเล็กๆ ไปตามสภาพของมันอยู่แล้วแน่ๆ หรือถ้ากลัวมันเข้าปาก เข้าตะหมูก ก็อย่าได้คิดออกไปไหน ปิดบ้าน นั่งเฝ้าบ้าน นอนอยู่แต่ในมุ้ง แบบ ท่านขุนน้อย ก็น่าจะหมดเรื่อง หมดราว ไปทันที-ทันใด หรือถ้าจำเป็นต้องออก ก็หยิบเอา หน้ากาก มาครอบ มาสวมปาก สวมจมูก เข้าไว้ ก็น่าจะพออยู่ๆ กันไปได้...

                                                                  --------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...ถ้ามองให้เป็นเรื่องใหญ่ มันก็ออกจะใหญ่โตมโหฬารอยู่พอสมควรเหมือนกัน คือกลายเป็น ปัญหา ระดับโลกกันไปแล้วก็ว่าได้ โดยเฉพาะในบรรดาประเทศที่มักประกอบไปด้วยเมืองใหญ่ๆ ระดับซูเปอร์ ซิตี ทั้งหลาย อันเนื่องมาจากผลพวงแห่งความเจริญ ความก้าวหน้าทางวัตถุ ที่ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ตามมาอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ อย่างที่อภิมหานักปราชญ์ชาวอินตะระเดีย ท่าน มหาตมะ คานธี ท่านเคยพูดๆ ไว้เป็นวาทะนั่นแหละว่า พระผู้เป็นเจ้า...ไม่ทรงสิงสถิตอยู่ในเมืองใหญ่ บรรดาประเทศ หรือใครก็ตาม ที่มุ่งเลือกหนทางแห่งความก้าวหน้า การพัฒนาทางวัตถุ ซะเป็นหลักใหญ่ ยังไงๆ ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องสูดดม PM2.5 กันไปตามสภาพ แม้แต่ประเทศอินตะระเดียในทุกวันนี้ บรรดาชาว มุมไบ ทั้งหลาย ก็น่าจะปอดอักเสบ โพรงตะหมูกอักเสบ ไม่น้อยไปกว่าบรรดาชาวไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย...

                                                               ------------------------------------------------------

                แต่นอกเหนือไปจากความก้าวหน้าทางวัตถุ...อันเป็นตัวนำเอาฝุ่นพิษ มลภาวะ ฯลฯ เข้ามาสร้าง  ปัญหา ให้กับบรรดาเมืองใหญ่ๆ ทั้งหลายแล้ว มันยังมักนำพาเอา ผลพวง ต่างๆ นานา ที่อาจเรียกว่า ฝุ่นทางอารมณ์ ก็ย่อมได้ เข้ามาเป็นปัญหาให้กับบรรดาประเทศที่มุ่งแต่จะพัฒนาทางวัตถุ มุ่งสร้างความมั่งคั่ง ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ มุ่งให้ ตัวเลขจีดีพี โตๆ เข้าไว้ จนไม่ว่าประเทศที่รวยๆ ที่ยกระดับไปสู่ความเป็นประเทศพัฒนาแล้ว หรือที่กำลังคิดจะพัฒนาไปตามเส้นทางสายนี้ ล้วนหนีไม่พ้นต้องเจอกับ ฝุ่นทางอารมณ์ ที่กำลังแผ่ซ่าน ปกคลุม แต่ละประเทศ ชนิดไม่ว่าสวมหน้ากาก-ไม่สวมหน้ากาก ออกจากบ้าน ก็ต้องเจอกับภาวะคล้ายๆ กัน นั่นคือความหงุดหงิด งุ่นง่าน ความไม่ถูกใจ ไม่ชอบใจ หรือ ความไม่พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมรอบข้าง อันมีลักษณะอาการไม่ต่างอะไรไปจากอาการ ชังชาติ ทั้งหลาย นั่นเอง...

                                                                 ---------------------------------------------------

                อย่างเช่นประเทศ เกาหลีใต้ ที่ปรากฏเป็นข่าวคราวไปเมื่อไม่กี่วันมานี้...แม้เป็นประเทศที่มั่งคั่ง ร่ำรวย ระดับเป็นที่ 11 ของโลก เต็มไปด้วยความก้าวหน้า ทันสมัย ความสวย ความงาม ทางวัตถุ จนใครต่อใครพร้อมสมัครเป็น ติ่งเกาหลี กันไปเป็นแถบๆ แต่จากผลสำรวจความคิด ความเห็น ของบรรดาหนุ่ม-สาวชาวเกาหลีใต้ จำนวนกว่า 5,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 19-34 ปี ซึ่งรายงานอยู่ในหนังสือพิมพ์ Hankyoreh เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ปรากฏว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของหนุ่ม-สาวชาวกิมจิ ล้วนออกอาการ ชังชาติ ของตัวเอง อย่างชนิดน่าตื่นตะลึง พรึงเพริด เอามากๆ เผลอๆ...อาจหนักกว่าพวก ชังชาติ บ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า คือถึงขั้นมองประเทศเกาหลีใต้ เป็น นรก หรือเป็น Hell  Joseon ไปโน่นเลย!!!

                                                                   -------------------------------------------------------

                เรียกว่า...แต่ละรายแสดงอาการอยากจะเผ่นหนีไปจากประเทศตัวเอง หนีไปจากสภาวะแวดล้อมรอบข้าง หนักซะยิ่งกว่าพวก ประเทศ...กูมี ในบ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า จะด้วยเหตุเพราะต้องเจอกับ  ฝุ่นพิษ หรือ ฝุ่นทางอารมณ์ ในแบบไหน อย่างไร? ก็มิอาจสรุปได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...อารมณ์-ความรู้สึกทำนองนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญ ผู้สันทัดกรณีทั้งหลาย ท่านเชื่อของท่านว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เพียงแต่ในประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น แต่กำลังแผ่ซ่าน ปกคลุม ครอบคลุม ไปยังบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือกำลังพัฒนาทั้งหลาย อันเนื่องมาจาก ทิศทางการพัฒนา นั้นๆ มุ่งไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ มุ่งไปสู่ความมั่งคั่ง ร่ำรวย ตามแบบฉบับ ทุนนิยมเสรี หรือ เสรีนิยมใหม่ ทั้งหลายนั่นเอง...

                                                                  --------------------------------------------------------

                คือไม่ว่าจะเป็นการประท้วงที่อุบัติขึ้นมาในเกาะเล็กๆ อย่างเกาะฮ่องกง การก่อความปั่นป่วน วุ่นวาย ในประเทศฝรั่งเศส ความสับสน ระส่ำระสาย ในการเมืองอังกฤษอันเนื่องจากกรณี เบร็กซิต ไปจนถึงการแสดงความไม่พอใจต่อการบริการสาธารณะที่ห่วยแตกในอิรัก การขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าในเลบานอน ฯลฯ ที่ก่อให้เกิดการ จุดไฟในนาคร ลุกลามไปแทบทั่วทุกซีกโลก ไม่ว่าเอเชีย  แอฟริกา ลาตินอเมริกา ไปยันถึงยุโรป ฯลฯ บรรดาฉากเหตุการณ์เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มี ฝุ่นทางอารมณ์ หรือ อารมณ์-ความรู้สึก คล้ายๆ กันเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไม่มากก็น้อย ตามความคิด ความเห็น ของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย...

                                                                    --------------------------------------------------------

                ความรู้สึกว่าตัวเองถูกปิดกั้น ไม่เป็นอิสระ จากสภาวะแวดล้อมรอบข้าง รู้สึกว่า โอกาส ต่างๆ ที่เคยมี กำลังลดน้อยถอยลง หรือใกล้เหือดหายลงไปทุกที อันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่เคยโตๆ มาโดยตลอด ต้องลดระดับการโตลงไปหลังจากที่เคยโตๆ มาเต็มที่ หรือโตจนไม่อาจโตแบบเดิมๆ ได้ต่อไปอีกแล้ว เลยทำให้การลงทุนในลักษณะต่างๆ ต้องย้ายถิ่น ย้ายที่ ไปหาที่เติบโตกันใหม่ ตามการไหลมา-ไหลไป ของทุนนิยมเสรี ไปจนถึงภาพเปรียบเทียบแห่ง ความเหลื่อมล้ำ ที่ถูกแสดงออก และถูกกระตุ้น โดยบรรดาสื่อเสรีทั้งหลาย อันยิ่งทำให้ ช่องว่างแห่งความเหลื่อมล้ำ ที่มีมาโดยตลอด และขยายตัวยิ่งขึ้น ยิ่งกลายเป็นสิ่งตอกย้ำ ให้รู้สึกไม่พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมที่ตัวเองเป็นอยู่ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้ ฝุ่นทางอารมณ์ แผ่ปกคลุมไปในแต่ละประเทศ แต่ละสังคม จนอาการ ชังชาติ แทบกลายเป็นลักษณะสากลโดยทั่วไป ไม่ใช่เป็นแค่ลักษณะเฉพาะสำหรับสังคมใด สังคมหนึ่งเท่านั้น...ด้วยเหตุนี้ สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่ต้องเจอกับ ฝุ่น PM2.5 ไปพร้อมๆ กับ ฝุ่นพิษทางอารมณ์ ควบคู่กันไป คงต้องคิดให้หนัก คิดให้ละเอียดถี่ถ้วน หรือคิดให้เป็นเรื่องใหญ่ๆ เข้าไว้ อย่าเอาแต่ด่า...กับ...ด่า ไปวันๆ เท่านั้นเอง...

                                                                        --------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก H.G. Well...Poverty wants some things, luxury many, avarice  all things. - ความจนอยากได้บางสิ่ง บางอย่าง ความฟุ่มเฟือยอยากได้หลายอย่าง ความโลภ...อยากได้ทุกสิ่งทุกอย่าง...”

                                                                        --------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"