สถานการณ์ปราบเซียน!!!


เพิ่มเพื่อน    

 

       จะอยู่ยาวว์ว์ว์-ไม่อยู่ยาวว์ว์ว์...แต่โดยแนวโน้มแล้ว น่าจะอยู่แบบเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำหรับรัฐบาลท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ที่ทำสถิติอยู่ยาวมากว่า 5 ปี 6 ปี  ใกล้ๆ จะเทียบเคียงกับสถิติรัฐบาล ป๋าเปรม เข้าไปทุกที และย่อมต้องถือเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ที่แรงเสียดสี เสียดทาน ในช่วงปลายๆ ยก มันจึงย่อมทวีความหนักหน่วง รุนแรง ยิ่งกว่าช่วงยก 1 ยก 2 อย่างมิอาจปฏิเสธได้...

           -----------------------------------------------------

                โดยเฉพาะเรื่องปาก เรื่องท้อง หรือเรื่อง เศรษฐกิจ นั่นแหละ...ที่นอกจากจะเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัสมาโดยตลอด  แต่ยังมีแนวโน้มที่จะหนักยิ่งไปกว่านี้ รุนแรงยิ่งไปกว่านี้ ชนิดอาจถึงขั้น ขาซี้ปางยาง...นั่นแหละตายหยังเขียด เอาง่ายๆ ด้วยเหตุเพราะแนวโน้มความเป็นไปของเศรษฐกิจโลก มันไม่ได้เอื้ออำนวยให้ แถมยังไม่เปิดโอกาสให้พักหายใจ หายคอกันได้มั่งเลย บรรยากาศ สงครามการค้า ระหว่าง 2 มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ที่ทำท่าว่าจะผ่อนๆ คลายๆ ลงไปบ้างในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แม้จะคลายๆ ไปในแบบ ดราม่า หรือแบบ มายาภาพ ก็ตามที แต่เมื่อเจอเข้ากับ สงครามโรคระบาด หรือเจอกับ ไวรัสอู่ฮั่น เข้าไปอีกดอก เครื่องยนต์เศรษฐกิจโลกอย่างคุณพี่จีน ก็ยังไม่รู้ว่าจะดับ จะเดี้ยง กันไปถึงขั้นไหน..           

----------------------------------------------------

                คือแค่เฉพาะแนวโน้มตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนโดยปกติ ที่น่าจะโตได้แค่ประมาณ 5.7 หรือ 5.9 ในช่วงปีนี้ ก็น่าจะเป็นอะไรที่ออกจะอ้วกแตก อ้วกแตน พอสมควรแล้ว สำหรับโลกทั้งโลกที่ต้องอาศัยปริมาณความต้องการของเศรษฐกิจจีนเป็นตัวขับเคลื่อน แต่เมื่อต้องเจอกับ ไวรัสอู่ฮั่น  เข้าไปอีกดอก แถม กุมารฮ่องกง ทั้งหลาย ไม่เพียงยังไม่เลิกประท้วง ดันบุกไปเผาสถานที่กักกันโรค ในพื้นที่เกาะฮ่องกงซะเฉยเลย ผลกระทบต่อเนื่องไปสู่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม จะหนักหนา สาหัส ไปถึงขั้นไหนก็ยังมิอาจคาดเดาได้ ขณะที่ช่วงครั้ง โรคซาร์ส อุบัติขึ้นมาแถวๆ มณฑลกวางตุ้ง  เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ว่ากันว่า...ทำเอาตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจจีน ลดลงไปถึงประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขจีดีพี มาคราวนี้จะลดหรือจะลบกันไปถึงขั้นไหน ก็ยังอาจ เร็วเกินไป ที่จะหาข้อสรุป แต่ยังไงๆ...คงไม่ บวก อยู่แล้วแน่ๆ...

----------------------------------------------------

                ส่วนเครื่องยนต์อเมริกา...ก็ใช่ว่าจะเดินได้แบบเต็มสูบ เต็มลำ แนวโน้มของภาวะ ถดถอยทางเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นอย่างค่อนข้างที่จะชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ไม่ต่างไปจากยุโรปที่แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง เพราะออกอาการ อัมพฤกษ์ มาโดยตลอด มีแต่ต้องรอลุ้นว่าจะถึงขั้น  อัมพาต กันเลยหรือไม่ เมื่อไหร่ และตอนไหน เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่คงไม่คิดจะโตใดๆ ต่อไปอีกแล้ว มีแต่จะทำอะไรที่ไม่ให้ถึงกับต้องตายไปต่อหน้า ต่อตา เท่านั้นเอง หรือทำให้โดยรวมๆ แล้ว...โอกาสที่จะนำไปสู่ภาวะ ถดถอยครั้งใหญ่ ระดับ The Great Depression กันในระดับโลก ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย...

-------------------------------------------------------

                ขณะที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา...ที่หนีไม่พ้นต้อง พึ่งพา โลกซะเป็นหลักใหญ่ ไม่เพียงแต่เดี้ยงแล้ว เดี้ยงอีก มาโดยตลอด ชนิดถึงขั้นคิดจะ ชิม-ช็อป-ใช้ เวอร์ชั่นอินเตอร์ กันไปแล้วเมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ คือถึงขั้นคิดจะลด-แลก-แจก-แถมให้กับบรรดานักท่องเที่ยว เพื่อให้มาเที่ยว มาใช้ มาจ่าย ในเมืองหลัก เมืองรอง ก็แล้วแต่ แต่ยังดันมาเจอกับ ความเป็นไทยๆ ในด้านลบ คือความไร้ระเบียบ ไร้วินัย ของบรรดา นักการเมือง ทั้งหลาย ที่ขี้เกียจ สันหลังยาว แม้แต่กระทั่งการ เสียบบัตร จนส่งผลให้เม็ดเงินที่จะเอาไว้ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ หรือเม็ดเงินงบประมาณปีพุทธศักราช 2563 ต้องเกิดอาการปริ่มน้ำ สำลักน้ำ ระดับไม่รู้จะหาทางออก ทางไป กันในแบบไหน ลักษณะไหน...

                ---------------------------------------------------------

                โอกาสที่จะซบเซา ซึมกระทือกันไป ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว...จึงมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ และเมื่อดันมาเจอกับความปกติ ธรรมดา ของ การอยู่ยาวว์ว์ว์ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดๆ ก็แล้วแต่ ที่ย่อมต้องก่อให้เกิดความเบื่อ ความรู้สึกไม่สดใส ซาบซ่า เหมือนบรรดาของใหม่ ของแปลก ทั้งหลาย แนวโน้มที่ความซบเซา ซึมกระทือ จะวิวัฒนาการกลายเป็นความ ซึมเศร้า ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อย  และเรื่องภาวะซึมเศร้า หรือโรคซึมเศร้านั้น จะไป ดูเบา ไม่ได้เป็นเด็ดขาด เพราะช่วงหลังๆ นี้ต่างถือเป็น ข้ออ้าง ของบรรดา อาชญากร ทั้งหลายกันไปเยอะแล้ว ไม่ว่าจะปล้น จะฆ่าผู้อื่น หรือฆ่าตัวเอง ก็แล้วแต่ ล้วนแล้วแต่อาศัยเหตุผล ข้ออ้าง ในลักษณะดังกล่าวไปด้วยกันทั้งสิ้น...

-----------------------------------------------------------

                ภาวะ ซึมเศร้า ที่อาจกำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทยนับจากนี้เป็นต้นไป...จึงอาจส่งผลให้รัฐบาลนายกฯ บิ๊กตู่ น่าจะเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า อย่างชนิดหนักหนา สาหัส กว่าทุกๆ ครั้งเท่าที่เคยเป็นมา โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับสิ่งที่ไม่อาจอาศัย  เหตุผล ใดๆ เป็นตัวชี้แจง อรรถาอธิบายได้เลย หรือต้องเจอกับ อารมณ์ อันสามารถปรวนแปร วูบไหว ขึ้นๆ-ลงๆ ยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงสภาวะอุณหภูมิอากาศไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า  ยิ่งขีดความสามารถในการ บริหารอารมณ์ ของรัฐบาล ออกจะเป็นอะไรที่ตกต่ำ ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน มาโดยตลอด อย่างที่ผู้บริหาร ซูเปอร์โพล ท่านเคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ ก็ยิ่งน่าห่วง น่าอันตราย หนักยิ่งขึ้นไปใหญ่...

-------------------------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...ก็เลยยังไม่ถึงกับแน่ใจมากมายซักเท่าไหร่ ว่าจะต้องรอคอยไปจนครบ 8 ปี 20 ปี หรืออีกซักกี่ปี ถึงอาจได้ยินคำว่า ผม...พอแล้ว!!! เล็ดรอดออกมาจากปากของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ อย่างที่เคยดังๆ ออกมาจาก ป๋าเปรม ก่อนหน้านี้ แต่เอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะเมื่อไหร ตอนไหน หรืออย่างไร? บรรดา ติ่งบิ๊กตู่ ทั้งหลาย คงต้องพยายาม ทำใจ เอาไว้มั่ง เพราะโดยฉากสถานการณ์นับแต่นี้ต่อไป ไม่ว่าจะเก่งในการ ลับ-ลวง-ครางง์ง์ง์ ไปถึงขั้นไหน แต่มันออกจะเป็นสถานการณ์ ปราบเซียน ค่อนข้างชัดเจน...

----------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Japanise proverb ... It is consuming itself that a candle provides light for other. – เทียนไขให้แสงสว่างแก่ผู้อื่น ด้วยการเผาไหม้ตัวของมันเอง...

-----------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"