เตรียมรับคนไทยกลับ นายกฯลั่นคุมไวรัสได100% อู่ฮั่นยอดตายพุ่งเกิน80ราย


เพิ่มเพื่อน    

 ไม่รออนามัยโลกแล้ว มาเลเซียสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจากอู่ฮั่นเข้าประเทศ ส่วนมองโกเลียและฮ่องกงปิดพรมแดน ขณะนายกเล็กเผยมีชาวอู่ฮั่นออกจากเมืองแล้ว 5 ล้านคนตั้งแต่ปีใหม่ ยอดดับพุ่งเกิน 80 ติดเชื้อมากกว่า 2,700 คน รัฐบาลจีนขยายวันหยุดถึงต้นเดือนหน้า ด้าน  “ประยุทธ์” ออกทีวีพูลยันไทยคุมสถานการณ์โคโรนาได้ 100% โวเตรียมเครื่องบินไปรับคนไทยในอู่ฮั่นมาเป็นเดือนแล้ว แต่ต้องรอจีนไฟเขียว ปลัด สธ.ย้ำมีคนติดไวรัสอู่ฮั่นแค่ 8 ราย ส่วนอีก 48 รายยังจับตาอยู่ 

     สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานอ้างข้อมูลยืนยันของทางการจีนเมื่อวันจันทร์ที่ 27  มกราคม 2563 ว่าเมืองอู่ฮั่นมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 24 คน และยังพบผู้ป่วยเสียชีวิตที่เกาะไห่หนาน ซึ่งเป็นมณฑลทางใต้ของจีนเป็นรายแรกด้วย ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตถึงวันจันทร์เพิ่มเป็น 81 รายแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วมี 2,744 ราย เพิ่มขึ้น 769 รายจากวันก่อนหน้านั้นหรือเพิ่มขึ้นราว 30% ผู้ติดเชื้ออายุน้อยที่สุดมีวัยเพียง 9 เดือนอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ส่วนผู้ที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อที่กำลังถูกเฝ้าดูอาการนั้นเพิ่มขึ้นเท่าตัวในเวลา 24 ชั่วโมงเป็นเกือบ 6,000 คนแล้ว
     เมื่อวันจันทร์ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่สุดของรัฐบาลที่เดินทางเยือนเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพื่อส่งสัญญาณว่ารัฐบาลปักกิ่งตอบสนองต่อวิกฤติครั้งนี้อย่างจริงจัง โดยวันเดียวกันนี้รัฐบาลจีนประกาศขยายวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีนเพิ่มอีก 3 วัน จากเดิมถึงวันที่ 30 มกราคม ไปเป็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เพื่อซื้อเวลาในการควบคุมการแพร่ระบาด แต่รัฐบาลท้องถิ่นของเทศบาลนครบางแห่งเช่นนครเซี่ยงไฮ้ขยายวันหยุดอีก 1 สัปดาห์เต็ม
     ทางการจีนปิดเมืองอู่ฮั่นเพื่อตัดขาดจากภายนอกอย่างสิ้นเชิงมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน รวมถึงจำกัดการเดินทางในหลายเมืองของมณฑลหูเป่ย์ภาคกลางของจีนแห่งนี้ ทำให้ประชาชนหลายสิบล้านคนติดอยู่ภายใน รวมถึงชาวต่างชาตินับหมื่นคน 
     ถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิตในต่างประเทศ แม้จะพบผู้ติดเชื้อแล้วราว 12 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือไม่ก็ผู้ที่เคยเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น สัปดาห์ที่แล้วองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ประชุมด่วนที่นครเจนีวา แต่ยังไม่ประกาศให้สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การจำกัดการเดินทางและการค้าระหว่างประเทศ นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ กำลังเดินทางไปปักกิ่งเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ
     สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมีแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า มาเลเซียตัดสินใจระงับการออกวีซ่าทุกประเภทแก่พลเมืองชาวจีนจากเมืองอู่ฮั่นและเมืองโดยรอบในมณฑลหูเป่ย์เป็นการชั่วคราว เริ่มมีผลทันทีและจะยกเลิกเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ 
     รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า มาเลเซียยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 4 ราย เป็นเด็ก 2 ราย ทุกคนอาการทรงตัว  ทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวจากอู่ฮั่นที่เข้ามาเลเซียผ่านทางสิงคโปร์ และมีรายงานด้วยว่าชาวมาเลเซียล่าชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลห้ามพลเมืองจีนเข้าประเทศ ถึงช่วงค่ำวันจันทร์มีผู้ลงชื่อแล้วมากกว่า 383,000 ชื่อ จากเป้าหมาย 500,000 ชื่อ
มองโกเลียปิดพรมแดน
     มองโกเลียซึ่งพึ่งพาการค้าขายกับจีนอย่างมาก ประกาศปิดพรมแดนห้ามรถยนต์จากจีนเข้าประเทศแล้วเมื่อวันอาทิตย์ รัฐบาลยังสั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยถึงวันที่ 2 มีนาคม และสั่งระงับการจัดกิจกรรมสาธารณะ ไม่ว่าการประชุมหรือกิจกรรมที่มีผู้คนมารวมตัวกัน เช่น การแข่งกีฬา, กิจกรรมบันเทิง หรือการเดินทาง 
    เขตปกครองพิเศษฮ่องกงของจีนซึ่งมีผู้ติดเชื้อแล้ว 8 ราย รัฐบาลฮ่องกงมีคำสั่งเมื่อคืนวันอาทิตย์ไม่อนุญาตให้ชาวจีนจากมณฑลหูเป่ย์ หรือผู้ที่เคยเดินทางไปมณฑลนี้ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเดินทางเข้าฮ่องกง แต่ยกเว้นพลเมืองชาวฮ่องกง
     เมืองอู่ฮั่นซึ่งมีประชากร 11 ล้านคนอยู่ในสภาพปิดตายอยู่แล้ว และเมื่อวันจันทร์ รัฐบาลอู่ฮั่นยังประกาศมาตรการเพิ่มเติมระงับบริการการออกวีซ่าและหนังสือเดินทางจนถึงวันที่ 30 มกราคม กระนั้น โจว เซียนหวัง นายกเทศมนตรีอู่ฮั่นยอมรับเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีชาวเมืองอู่ฮั่น 5 ล้านคนเดินทางออกจากเมืองเพื่อไปท่องเที่ยวหรือด้วยเหตุผลอื่นๆ ตั้งแต่ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา
     รัฐบาลของหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, อิตาลี และญี่ปุ่น ประกาศเตรียมแผนการอพยพพลเมืองของตนออกจากเมืองนี้แล้ว รวมถึงล่าสุดรัฐบาลเยอรมนีที่ระบุว่ามีพลเมืองอยู่ที่อู่ฮั่นจำนวนหลักสิบ บอกว่ากำลังพิจารณาแผนอพยพ แต่ในวันจันทร์รัฐบาลเยอรมนีออกคำเตือนพลเมืองของพวกเขาให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาจีนหากไม่จำเป็น 
     ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เชื่อว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ชนิดนี้ ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกับโรคซาร์สที่เคยระบาดคร่าชีวิตคนทั่วโลกเกือบ 800 คนเมื่อปี 2545-2546 แพร่เชื้อจากสัตว์ในตลาดขายอาหารทะเลที่ลอบค้าสัตว์ป่าในเมืองอู่ฮั่น เมื่อวันอาทิตย์รัฐบาลจีนมีคำสั่งห้ามการค้าสัตว์ป่าทุกรูปแบบแล้วจนกว่าวิกฤติการแพร่ระบาดจะยุติ แต่นักอนุรักษ์หลายคนเรียกร้องให้จีนสั่งห้ามการค้าสัตว์ป่าอย่างถาวรเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในอนาคต
     นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีคำตอบหลายข้อเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ รวมถึงว่ามันแพร่เชื้อง่ายแค่ไหนและอันตรายมากเพียงใด ไวรัสชนิดนี้ก่อโรคปอดอักเสบได้ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยบางรายเสียชีวิต แต่หม่า  เซี่ยวเว่ย รัฐมนตรีของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า ระยะฟักตัวของไวรัสชนิดนี้มีตั้งแต่ 1 วัน ถึง 14 วัน และต่างจากซาร์สที่มันสามารถแพร่เชื้อได้แม้ยังอยู่ในระยะฟักตัว
สำหรับความเคลื่อนไหวในไทยนั้น ในช่วงเช้าที่โรงเรียนเตรียมทหาร จังหวัดนครนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า การจะนำเครื่องบินลงในประเทศจีนนั้นต้องขออนุญาตทางการจีนก่อน ตอนนี้เขายังรับไหว ถ้าไม่ไหวเขาก็จะเรียกเราไปรับ
เมื่อถามว่าการรับคนไทยกลับจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พล.อ.ประยุทธ์ย้อนว่า “คนไทยเหล่านั้นจะกลับไหมล่ะ เพราะเขาแจ้งสถานทูตว่ายังไม่กลับ”
เตรียมรับคนไทยกลับ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สถานการณ์ในจีนยังสามารถควบคุมได้อยู่ เพราะฉะนั้นในส่วนของรัฐบาลเราก็ได้เตรียมแผนงานเอาไว้ พร้อมทั้งขึ้นบัญชีและนัดหมายว่าจะรวมพลไว้ที่ใดว่าจะกลับ เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะขออนุญาตนำเครื่องบินเข้าไปรับด้วย เพราะการเข้าออกประเทศเขาต้องขออนุญาตทางประเทศต้นทางและปลายทาง เหมือนกรณีถ้าเขาจะมารับคนจากไทยก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน โดยเราต้องเป็นคนอนุมัติ อย่างไรก็ตามถ้ายังมีการดูแลได้อยู่ก็ไม่จำเป็น ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะวุ่นกันไปหมด  บินเข้าบินออก บินรับส่ง และจะกระทบกระเทือนไปหมด เราต้องให้ความสำคัญกับกรณีนี้เป็นพิเศษ
“ขอให้ใจเย็นๆ ทุกเรื่องผมและรัฐบาลให้ความสำคัญทั้งหมด ดังนั้นอย่านำเรื่องนั้นเรื่องนี้มาต่อกัน เพราะจะเกิดความเสียหาย ไม่เช่นนั้นคนทำงานก็ไม่มีกำลังใจและทำงานไม่ได้ จะให้มาตอบคำถามทุกคนคงไม่ไหว ดังนั้นคนที่รู้ต้องอธิบายต่อ หลายเรื่องคนส่วนใหญ่รู้แต่คนส่วนน้อยไม่รู้ ทำให้มีการต่อว่า  จึงต้องช่วยกันพูดในสังคมของตนเองให้เข้าใจด้วย ทุกประเทศมีกฎหมายเป็นของตนเองไม่ใช่ทำอะไรก็ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าแผนรับมือมีความพร้อมแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าพร้อมหลายวันแล้ว สั่งเตรียมการเรื่องเครื่องบินมา 1 เดือนแล้ว เครื่องบินเราพร้อม แต่เขายังไม่ให้ไป แผนทุกอย่างได้สั่งการไว้หมดแล้ว เพราะต้องเตรียมการล่วงหน้า รมว.การต่างประเทศกำลังดำเนินการอยู่และสอบถามกันตลอด ถือว่าทำงานตลอด ไม่ใช่ทำงานตอนที่มีคนตำหนิมา และไม่ใช่ว่าต้องแถลงทุกเรื่อง
ด้าน พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวว่า จีนยังไม่อนุมัติให้ไทยสามารถนำเครื่องบินลงได้ แต่ในส่วนของ ทอ.ได้เตรียมความพร้อมไว้หมดแล้ว
ต่อมาในช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์ได้แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย  (ทรท.) กรณีไวรัสโคโรนา ว่ารัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเป็นระดับ 3 ให้สอดคล้องกับความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อติดตามสถานการณ์โรคทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการต่างๆ อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในการรักษา ส่งต่อ และการจัดตั้งพื้นที่ควบคุมเมื่อมีความจำเป็น 
“รัฐบาลได้บูรณาการการทำงานร่วมกันของกระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งกรมประชาสัมพันธ์ในการรับมือ ป้องกัน และสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแม่นยำให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศในบ้านเรา โดยผมได้เน้นย้ำการชี้แจงสถานการณ์ตามข้อเท็จจริง โดยไม่ปิดบังข้อมูลใดๆ และยึดหลักการว่าชีวิตและสุขภาพของประชาชนสำคัญที่สุด” 
ชี้ข่าวปลอมป่วนโคโรนา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของรัฐบาลอยู่ในระดับมาตรฐานสากล การคัดกรองได้ผลดี พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสนี้ 8 ราย ทั้งหมดติดเชื้อจากจีน โดย 5 รายแรกหายแล้ว  แพทย์ให้กลับบ้านได้ ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาที่ได้ผลดี เหลือผู้ป่วยอีก 3 รายที่ยังคงรับการรักษาในโรงพยาบาลของเรา สถานการณ์ถือว่าควบคุมได้ 100% แต่เราต้องไม่ประมาท เราต้องช่วยกันสอดส่อง เป็นหูเป็นตา ในการเฝ้าระวังและดูแลตัวเอง ให้ความร่วมมือกับทางการ 
“โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นโรคที่ป้องกันได้ โดยขอให้ทุกคนดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ เน้นดูแลสุขอนามัยเรื่องกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งรัฐบาลขอยืนยันในความพร้อมของระบบการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีมาตรการเฝ้าระวังและการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดอันดับ 6 จาก 195 ประเทศ จากการจัดอันดับโดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจของทุกคนว่าเราเป็นที่ยอมรับในระดับโลก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวและว่า การเตรียมอพยพชาวไทยในพื้นที่เสี่ยง ณ เมืองต่างๆ จากจีนนั้น ขณะนี้กระทรวงกลาโหมมีความพร้อมปฏิบัติได้ทันทีในโอกาสแรกที่ได้รับการอนุญาตจากจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานอย่างใกล้ชิดของ กต.  
นายกฯ กล่าวแถลงอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าโรคระบาดคือข่าวปลอม รวมทั้งแหล่งข่าวที่หวังดีแต่อาจคลาดเคลื่อน รัฐบาลได้วางแนวทางการรับมือในการกำหนดช่องทางสื่อสารหลัก เพื่อให้เกิดเอกภาพและน่าเชื่อถือได้ที่สุดจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้โดยตรงที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ดังนั้นขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนทุกคน สื่อโซเชียลในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทุกครั้งก่อนมีการแชร์หรือเผยแพร่ออกไป เนื่องจากจะสร้างความสับสน และตื่นตระหนกในภาพรวมของประเทศได้ 
“มาตรการในระยะยาวและคำแนะนำในการปฏิบัติตัวของแต่ละคน และข้อมูลสถานการณ์ปัจจุบันที่สุด ในรายละเอียดอื่นๆ พี่น้องประชาชนสามารถติดตามข่าวสารได้อย่างต่อเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะแถลงข่าวทุกวันจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ในช่วงท้ายนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้ยกระดับให้ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมทั้งการสั่งการต่างๆ ทั้งในเรื่องของไวรัสโคโรนาและฝุ่นละออง PM2.5 อย่างเป็นเอกภาพ โดยตนเองจะกำกับดูแลเองอย่างใกล้ชิด เพื่อหาข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการของทุกกระทรวงเพื่อสั่งการเพิ่มเติมได้ทันที 
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ล่าสุดและการเตรียมแผนรับมือไวรัสโคโรนาว่า สธ.ยังสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้อยู่ ประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ตอนนี้เมืองอู่ฮั่นยกเลิกไฟลต์บินแล้ว และรัฐบาลจีนได้สั่งให้เลื่อนหรือยกเลิกกรุ๊ปทัวร์จีนแล้ว ดังนั้นประชาชนที่จะมาจากจีนจากเมืองที่มีความเสี่ยงที่เราเฝ้าระวังอยู่จะลดน้อยลง  ส่วนผู้ป่วยทั้ง 8 คนที่ติดเชื้อจากนอกประเทศนั้น พบว่ายังไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน
“ขอยืนยันว่าคนที่ติดเชื้อยังอยู่ภายใต้การควบคุมของ สธ.อยู่ ไม่มีหลุดออกไป ส่วนมาตรการที่จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ สธ.มีมาตรการป้องกันเต็มที่อยู่แล้ว เพราะมีคำสั่งของนายกฯ ตั้งแต่ปี 2557 ในเรื่องตั้งคณะกรรมการดูแลโรคอุบัติใหม่และโรคระบาด จะนำคำสั่งดังกล่าวมาเสนอ ครม.เพื่อให้ปรับปรุงใหม่ แต่การทำงานเราไม่ได้รอคำสั่งอย่างเป็นทางการ เราต้องทำอย่างเร่งด่วน ทุกกระทรวงให้ความร่วมมือดี ยังไม่มีปัญหากับกระทรวงหรือหน่วยงานราชการใดที่เป็นอุปสรรคต่อการควบคุมโรคระบาดครั้งนี้”
เฝ้าระวังคนไข้ 48 ราย
       นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โรคปอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในไทยยังยืนยันอยู่ที่ 8 ราย รักษาหายดีกลับบ้านแล้ว 5 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอีก 3 ราย แต่ทุกรายอาการดีขึ้น ซึ่งยืนยันว่าผู้ป่วยโรคนี้ในไทยเรารักษาได้ 100% ส่วนใหญ่ใช้เวลารักษาประมาณ 7 วันก็หายดีกลับบ้าน ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคมีทั้งหมด 102 คน โดยกลับบ้านแล้ว 54 คน ซึ่งเชื้อที่เจอส่วนใหญ่คือโรคไข้หวัดใหญ่ ยังอยู่ รพ.อีก 48  คน โดยคนที่เข้าเกณฑ์ไม่ได้แปลว่าต้องเป็นผู้ป่วยโรคไวรัสโคโรนาทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ที่ยืนยันว่าเป็นก็ไม่ถึง 10%
     นพ.สุขุมกล่าวว่า สธ.มีการตั้งทีมวิเคราะห์ข่าวที่ประชาชนสนใจในแง่วิชาการและเปิดให้สื่อได้ซักถามทุกวัน โดยจะระดมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติมจากกรมการแพทย์ สำนักงานปลัด  สธ.ที่เคยมีประสบการณ์จากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ไข้หวัดนก โรคเมอร์ส จากส่วนกลางและจังหวัดอื่นๆ  ที่ไม่ได้มีสนามบินหรือติดต่อชายแดนเข้ามาช่วยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในการปฏิบัติหน้าที่คัดกรองด้วย  ให้สบายใจว่าเราทำงานเต็ม 100% ไม่ได้ลดบุคลากรมีแต่เพิ่มขึ้น วิเคราะห์แล้วเราต้องการเพิ่มประมาณ  5 พันคน ซึ่งคาดว่าเพียงพอและระดมได้แน่นอน
    นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า มาตรการดำเนินการหลังอู่ฮั่นปิดเมือง เราคัดกรองผู้เดินทางจากเมืองอื่นที่มีแพร่ระบาดมากขึ้นคือกว่างโจว โดยเที่ยวบินตั้งแต่วันที่  24-26 ม.ค. คัดกรองแล้ว 11 เที่ยวบิน รวม 1,501 คน และฉางชุนมี 1 เที่ยวบิน คัดกรองแล้ว 363 คน  และจะติดตามสถานการณ์เมืองอื่นอย่างใกล้ชิด เมืองไหนแพร่ระบาดเพิ่มความเสี่ยงการเข้ามาพร้อมกับโรคก็จะคัดกรองเพิ่มขึ้น ซึ่ง สธ.ได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเป็นระดับกระทรวงมาหลายวันแล้ว โดยปัจจุบันมีศูนย์รับแจ้งข่าวที่ปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง ประชาชนทั่วไปติดต่อมาได้ที่เบอร์ 1422 
     เมื่อถามถึงกรณีข่าวลือต่างๆ เช่น เจ้าหน้าที่ ตม.ติดเชื้อ หรือมีผู้เสียชีวิตที่นครสวรรค์ นพ.สุขุม กล่าวว่าขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันที่เหลืออยู่ 3 ราย เป็นนักท่องเที่ยวทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิต สธ.ไม่เคยปกปิดข่าว ข่าวลือว่าเจอผู้เดินทางหรือคนกลับมามีอาการสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สามารถมีข่าวได้ แต่ถ้ามีผู้ป่วยยืนยันจะแถลงจากส่วนกลางที่เดียว ซึ่ง สธ.ได้กำชับกับทางพื้นที่และจังหวัดไปแล้ว  ระยะยาวจะทำให้ข่าวสารรวมศูนย์เพื่อความชัดเจนกับตัวเลขในทุกฝ่าย อยากให้ใจเย็น อย่าวิ่งตามตัวเลขเพราะประโยชน์มีต่ำ แต่อยากให้มุ่งสื่อสารว่าคนไทยควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้ปลอดโรคปลอดภัยที่สุด เพื่อลดความสับสนและตื่นตระหนก เพราะหากตื่นตระหนกทุกอย่างเปลี่ยนไป ชาวบ้านวิ่งออกไปซื้อทุกอย่างไม่เหลืออะไร คนจำเป็นต้องใช้ก็ไม่มี
     "อารมณ์คนไทยตอนนี้กำลังตื่นตระหนก ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการทำงานของใครเลย อยากให้ทุกคนและสื่อทุกฝ่ายช่วยกัน ถ้าเจอข่าวแปลกๆ ให้แจ้งมาที่ สธ.และ คร.เพื่อช่วยเช็กและตอบโต้ข่าวลือ ซึ่งข่าวทั้งกระแสหลักและโซเชียลมีความสำคัญต่อประเทศไทย อยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่อง อะไรไม่แน่ใจอย่าเพิ่งแชร์ ให้แชร์มายังสารนิเทศ สธ.เพื่อช่วยกันตรวจสอบ" นพ.ธนรักษ์กล่าว
    เมื่อถามเรื่องส่งเครื่องบินไปรับนักศึกษาไทยในอู่ฮั่น นพ.สุขุมกล่าวว่าทีมแพทย์มีความพร้อมที่จะไปดูแลพี่น้องคนไทย แต่ต้องมีการประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศก่อน
    ส่วนความเคลื่อนทางการเมืองในเรื่องไวรัสโคโรนานั้น นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่ารัฐบาลเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ซ้ำเติมประเทศคือ มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลและภาพข่าวมาบิดเบือนในโลกออนไลน์ ปั่นกระแส ส่วนเรื่องทวิตเตอร์ #รัฐบาลเฮงซวย ยืนยันว่าทั้งรัฐบาลจีนและไทยไม่เฮงซวย รัฐบาลจีนออกกฎหมายควบคุมการแพร่ระบาดและแจ้งข่าวสารต่อประชาชนตลอดเวลา ส่วนรัฐบาลไทย สถานทูตไทย ณ กรุงปักกิ่งก็ติดต่อแจ้งข่าวสารให้ความช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มความสามารถ 
“รู้สึกเวทนานักการเมือง 2 พรรคใหญ่อย่างมาก ที่ออกมาซ้ำเติมนำความสูญเสียและชีวิตคนมาบิดเบือนโจมตีรัฐบาลว่าเฮงซวย เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก” นายธนกรกล่าว
บี้บิ๊กตู่คุมสู้โคโรนาเอง
    ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้ว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลไทยต้องดำเนินการอย่างจริงจัง โดยควรยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ด้วยการจัดตั้งเป็นคณะกรรมการระดับชาติ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และนายกฯ ควรเป็นประธานเองเพื่อระดมทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องมาร่วมสู้ศึกโคโรนา 
    ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรค พท.กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์อย่ามาอ้างว่ารัฐบาลจีนไม่ยอมให้รัฐบาลไทยส่งเครื่องบินไปรับคนไทยกลับ เพราะสื่อต่างประเทศรายงานว่าสหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินไปรับประชาชนและเจ้าหน้าที่ทางการทูตออกจากอู่ฮั่นแล้วนับร้อยคน ถ้าสหรัฐฯ ทำได้แล้วทำไมรัฐบาลประยุทธ์ทำไม่ได้ อยากถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เป็นห่วงคนไทยหรือยังไง ทำไมจึงไม่รีบส่งเครื่องบินไปรับ ทั้งที่กองทัพอากาศและการบินไทยจัดเตรียมเครื่องบินไว้พร้อมแล้ว รอแค่คำสั่งไฟเขียวจากรัฐบาลเท่านั้น 
“สมควรแล้วที่มีการตั้งแฮชแท็กรัฐบาลเฮงซวย ซึ่งถือว่าเป็นคำวิจารณ์ที่เบาเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อเทียบความบกพร่องและเชื่องช้าในการปกป้องผลประโยชน์ของคนไทยในต่างแดน อันที่จริงต้องบอกว่า  #รัฐบาลยิ่งกว่าเฮงซวยด้วยซ้ำ” รท.หญิง สุณิสากล่าว
    นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) กล่าวว่า การรับมือของเจ้าหน้าที่รัฐ คือ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในระดับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการนั้นทำได้ดี ถูกต้องตามหลักวิชาการขององค์การอนามัยโลก (WHO) แต่ติดปัญหาเรื่องของการให้ข่าวของฝ่ายบริหารที่ไม่ตรงกับการปฏิบัติ ทำให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติทำงานลำบาก อย่างกรณีข่าวการใช้เครื่องเทอร์โมสแกนนั้น ความจริงแล้วยังใช้อยู่ ดังที่อธิบดีกรมควบคุมโรคต้องมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ทั้งนี้ ต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ให้ยึดหลักทางวิชาการในการป้องกันการแพร่ระบาดนี้อย่างเคร่งครัด
    นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย ในฐานะรองโฆษกพรรค อนค.กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลคือช่วงก่อนมีการเฝ้าระวังและควบคุมอย่างเข้มงวดนั้น ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.ก่อนการเฝ้าระวัง พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในเมืองไทยแล้วกว่า 20,000 คน นอกจากนี้ยังมีเข้ามาทางพรมแดนทางบก เช่น ด่านท่าขี้เหล็ก หรือด่าน อ.เชียงของ จ.เชียงรายด้วย โดยส่วนใหญ่ของนักท่องเที่ยวจะเป็นชาวจีนจากเมืองฉงชิ่ง ซึ่งเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกับเมืองอู่ฮั่น ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าไวรัสนี้มีระยะฟักตัว 2-14 วัน อาจมีคนที่เดินทางเข้ามาตอนยังไม่มีอาการ และมาออกโรคมีอาการตอนมาอยู่ในเมืองไทยแล้ว และอาจแพร่โรคให้ผู้อื่นได้ ซึ่งผู้ป่วย 1 คนสามารถส่งโรคแพร่เชื้อได้ 2-3  คน ขณะที่บางรายที่เป็น super spreader อาจแพร่ระบาดได้ถึง 14 คน ซึ่งเราไม่รู้เลยว่าใครจะแพร่ระบาดได้แบบไหน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"