แก้ฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติ ‘กทม.’โล่งอากาศเย็นช่วย


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" ประกาศแก้ปัญหามลพิษฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ ผุดมาตรการป้องกันลดการเกิดมลพิษจากต้นทาง สั่ง มท.-ผู้ว่าฯ กทม.-ผวจ.ใช้ระบบบริหารแบบเบ็ดเสร็จงัด กม.คุมเข้ม เผยแก้ปัญหาระยะยาวพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ชาวกรุงได้หายใจโล่งอีก 3 วัน  "กรมอุตุฯ" เผย 28 ม.ค.-3 ก.พ.นี้มวลอากาศเย็นช่วยฝุ่นพิษลดจำนวนลง

    เมื่อวันจันทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยกรณีฝุ่น PM2.5 โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ รัฐบาลมีความห่วงใยและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการกำหนดมาตรการและแนวทางการป้องกันมาอย่างต่อเนื่อง และได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ ออกมาตรการและแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า โดยจะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทางหรือแหล่งกำเนิด และการเพิ่มประสิทธิภาพระบบ เครื่องมือ และกลไกการบริหารจัดการทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และอื่นๆ ทั้งหมดถูกกำหนดอยู่ในแผนปฏิบัติการระยะสั้นและระยะยาว
    "รัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ใช้ระบบบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จ หรือ Single Command ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและเข้มงวด ในการกำกับดูแลควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง ทั้งจากยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม และการเผาในที่โล่ง โดยให้รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาไปยังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง เพื่อรายงานให้รัฐบาลทราบเป็นประจำทุกวันถึงผลการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติรายกิจกรรม" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ 
    นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น รัฐบาลมีแผนเร่งการพัฒนาระบบโครงข่ายขนส่งสาธารณะให้เชื่อมโยงกันทุกระบบ การปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากรถยนต์ใหม่ รวมถึงรถโดยสารสาธารณะ การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง และส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับกำชับให้หน่วยงานเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นตามแผนงานที่กำหนดหรือให้แล้วเสร็จก่อนกำหนด 
    พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า สำหรับภาคการเกษตรจะมีการรณรงค์ให้ใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุการเกษตร เพื่อไม่ให้มีการเผา และส่งเสริมเกษตรกรที่ไม่ใช้วิธีการเผา การปรับเปลี่ยนร่องการปลูกพืชการเกษตรให้สามารถใช้เครื่องมือได้ โดยเฉพาะอ้อย โรงงานเอกชนต้องร่วมมือกันจัดหาเครื่องจักรที่มีราคาถูกให้ประชาชนและเกษตรกรใช้ได้ นอกเหนือจากการสนับสนุนจากภาครัฐ สำหรับภาคอุตสาหกรรม จะมีการปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากโรงงานอุตสาหกรรมให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล และกำกับดูแลควบคุมการระบายมลพิษอย่างเข้มงวด
    นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ด้านสาธารณสุขจะมีการเปิดคลินิกมลพิษเพื่อรักษาโดยแพทย์เฉพาะทาง มีการขอความร่วมมือจัด "ห้องสะอาด" หรือ clean room ตามศูนย์เด็กเล็ก บ้านพักคนชรา และโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมไปถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงสุขภาพด้วยตนเอง พร้อมทั้งจัดทำแผนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั่วประเทศ
    "สุดท้ายนี้ผมขอเรียนว่า รัฐบาลได้ยกระดับให้ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ติดตามและประเมินสถานการณ์ รวมทั้งการสั่งการต่างๆ ทั้งในเรื่องของไวรัสโคโรนาและฝุ่นละออง PM2.5 อย่างเป็นเอกภาพ โดยผมจะกำกับดูแลเองอย่างใกล้ชิด เพื่อหาข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการของทุกกระทรวงรายกิจกรรมเพื่อสั่งการเพิ่มเติมได้ทันที จากมาตรฐานตามกฎหมายที่กำหนดไว้เดิม เมื่อจำเป็นโดยต้องร่วมกันแก้ไขทุกปัญหาของประเทศให้เป็นไปในทางเดียวกัน ตามหลักสากลอย่างเข้มงวดและปฏิบัติได้จริง"  พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    วันเดียวกัน ที่ห้องสุทัศน์ 1 ศาลาว่าการ กทม.(เสาชิงช้า) ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษก กทม., นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา, นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และ พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นาลา รองผู้บังคับการตำรวจจราจร ร่วมกันแถลงผลการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ใน กทม.ว่า ในวันศุกร์ที่ 31 ม.ค.นี้จะมีการประชุมกันอีกครั้ง ก่อนที่ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.จะประกาศแผนปฏิบัติการรับมือฝุ่น ซึ่งแบ่งการทำงานออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่ 
    ระยะแรก ค่าฝุ่นต่ำกว่ามาตรฐาน 50 มคก./ลบ.ม. ทุกหน่วยงานจะปฏิบัติตามมาตรการ ซึ่งในส่วนของกรุงเทพมหานครยังคงฉีดล้างทำความสะอาดถนน และฉีดพ่นละอองน้ำในอากาศและต้นไม้อย่างต่อเนื่อง ระยะที่ 2 ค่าฝุ่น 51-75 มคก./ลบ.ม. จะยกระดับมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้น ระยะที่ 3 ค่าฝุ่น 76-100 มคก./ลบ.ม. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจะประกาศแผนปฏิบัติการรับมือฝุ่นอย่างเป็นทางการ  โดยแผนปฏิบัติการรับมือฝุ่นเบื้องต้นจะมี 4 หัวข้อในการควบคุม คือ 1.ควบคุมรถยนต์ 2.ควบคุมโรงงาน 3.ควบคุมการเผาไหม้ และ 4.ควบคุมการก่อสร้าง รวมทั้งจัดทำแผนการปิดการเรียนการสอนร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตลอดจนร่วมกันออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนดูแลตัวเองเมื่อค่าฝุ่นถึงขั้นวิกฤติ และระยะที่ 4 ค่าฝุ่น 100 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้สั่งการ
     ทั้งนี้ น.อ.สมศักดิ์กล่าวว่า ในวันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ. มวลอากาศเย็นจากจีนที่แผ่ลงมาจะพัดเข้ามาปกคลุมที่ภาคตะวันออกรวมทั้งอ่าวไทย ทำให้เกิดลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดผ่านเข้ามา จึงมีลมพัดแรงในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งจะทำให้มลภาวะฝุ่นละอองในกรุงเทพฯ ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าฝุ่นละอองจะหายไปอย่างต่อเนื่อง ต้องมีมาตรการต่างๆ ให้ลดลง 
    พ.ต.อ.เกียรติพงษ์กล่าวว่า บช.น.โดย บก.จร.ได้ดำเนินการป้องกันฝุ่น PM2.5. โดยร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ กรมการขนส่งทางบก และ กทม.ตั้งด่านตรวจจับควันดำจำนวน 33 จุด สลับหมุนเวียนกันอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและกลางคืน โดยสถิติการตรวจจับรถที่มีควันดำตั้งแต่ปี 2562 สามารถตรวจจับรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานได้รวม 140,000 ราย ส่วนในปี 2563 เฉพาะเดือน ม.ค.สามารถตรวจจับได้แล้วกว่า 1 หมื่นราย
    พันเอกหญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือกองทัพภาคที่ 3 ได้ติดตามและเข้าแก้ไขสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่ต่างๆ  และการรณรงค์ ซึ่งขณะนี้สภาพอากาศในจังหวัดลำปาง, น่าน, แพร่, พะเยา และตากเริ่มส่งผลกระทบต่อประชาชนแล้ว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"