น้อมรับคำพิพากษา'สมเกียรติ-อัญชะลี'เปิดใจหลังได้ประกันตัวคดีบุก NBT


เพิ่มเพื่อน    

12 ก.พ. 63 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ภายหลังศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาคดี 5 จำเลยซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ถูกพิพากษาจำคุกคดีบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีเมื่อช่วงเช้าแล้วนั้น ญาติและทนายความของจำเลยทั้งห้าได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อประกันตัวต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ โดยในส่วนของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ จำเลยที่ 1 อดีตแกนนำ พธม. ซึ่งศาลพิพากษาจำคุก เป็นเวลา 2 ปี ได้ยื่นโฉนดที่ดิน จ.นครราชสีมา เนื้อที่ 4 ไร่ ราคาประเมิน 1.4 ล้านบาทเศษ ส่วน น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำเลยที่ 2, นายภูวดล ทรงประเสริฐ จำเลยที่ 3, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที จำเลยที่ 4, นายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล จำเลยที่ 5 ที่ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 1 ปี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 200,000 บาท 

จนกระทั่งเวลา 14.45 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งห้าระหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกันในส่วนของนายสมเกียรติ จำเลยที่ 1 วงเงิน 300,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2-5 ตีราคาประกันคนละ 200,000 บาท ซึ่งคดีจะครบกำหนดการยื่นอุทธรณ์ภายในวันที่ 12 มี.ค.นี้

ภายหลังได้รับการปล่อยตัวแล้ว น.ส.อัญชะลี หรือเจ๊ปอง ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในพิธีกรข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง เนชั่นทีวี 22 ได้ตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับการทำหน้าที่สื่อสารมวลชนนั้น จะมีผลในการทำหน้าที่สื่อหรือไม่ หลังจากที่ถูกตัดสินจำคุกคดีนี้ โดย น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ไม่มีผล ตนก็จะยังกลับไปจัดรายการข่าวเหมือนเดิม

 เมื่อถามว่าวันนี้ก็มีชาวเน็ตบางรายเปรียบเทียบกรณีนี้ กับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรข่าวที่ยุติการทำหน้าที่สื่อ (กรณีนายสรยุทธถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกคดีสนับสนุนเจ้าพนักงาน อสมท.ไม่รายงานโฆษณาส่วนเกิน) น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า ในรายละเอียดคงเปรียบเทียบกันไม่ได้ เนื่องจากคดีของตนกล่าวหาเรื่องการทำกิจกรรมการเมืองภาคประชาชน ที่บริเวณด้านนอกของสถานีช่อง 11 คนละเรื่องกับของนายสรยุทธ จึงขออนุญาตไม่เปรียบเทียบกัน

 ถามว่าการให้ประกันตัว ศาลไม่ได้กำหนดเงื่อนไขใดๆ ไว้ ถือว่ายังปฏิบัติหน้าที่สื่อได้ต่อไปหรือไม่ น.ส.อัญชะลี กล่าวชี้แจงว่า ในการกระทำนั้นเป็นกิจกรรมภาคประชาชนที่อยู่ในสถานราชการ ดังนั้นคนละเรื่องกัน ไม่ได้มีเรื่องใดๆ เข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ กับทางเนชั่นเองก็คุยกันแล้ว ก็บอกว่าคดียังไม่ถึงที่สุด เรายังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมที่สามารถยื่นอุทธรณ์

 “เราก็ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ จากการนั้น ไม่เคยหาประโยชน์ใดๆ เป็นเรื่องการเมืองภาคประชาชน 11 ปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการทางกฎหมายตามปกติเลย ไม่เคยบิดเบือน ไม่ตะแบงว่ากันไปตามตัวบทกฎหมายเลย กฎหมายว่าอย่างไรน้อมรับอย่างนั้น ในส่วนการทำงานของพี่ปองก็ยังทำงานต่อไปในฐานะนักสื่อมวลชน เพราะการทำงานการเมืองภาคประชาชนก็ทำในนามของสื่อ ที่บอกเล่าเก้าสิบให้ประชาชนรู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด เพียงแต่ ณ วัน-เวลานั้น สถานที่ ที่พูดว่าใครคิดร้ายกับประเทศ ใครทุจริตกับประเทศและประชาชนของเรา เราไปยืนอยู่หน้าช่อง 11 จึงเอาไปเปรียบเทียบคดีกันไม่ได้”

ขณะที่นายสมเกียรติ ให้สัมภาษณ์ว่า ความยุติธรรมดำเนินมาถึง 11 ปีวันนี้ เรายอมรับทุกอย่างเสมอ ตนยังยืนยันจะทำงานเพื่อชาติและความถูกต้องของสังคม ที่สำคัญที่สุดตนจะทำงานเพื่อความมั่นคงของรัฐโดยตลอด วันนี้เราได้รับโชคชะตาอย่างไรเราไม่เคยหวั่นไหวที่อะไรจะเกิดขึ้น เราไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์ส่วนตนแม้แต่น้อย แม้รัฐบาลจะมานี่ก็มาจากพวกเรา จนมาถึงรัฐบาลชุดนี้ ถ้าไม่มีเราบ้านเมืองอาจจะเป็นอย่างไรไปก็ได้ เพราะฉะนั้นเรายังยืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่อชาติ ความถูกต้องของสังคม และความมั่นคงของรัฐเสมอ น้อมรับคำตัดสินด้วยความสุภาพเรียบร้อย 

ด้านนายภูวดล กล่าวว่า ระบบความยุติธรรมของประเทศชาติต้องให้ความกระจ่างกับปัญหานี้ เพื่อจะทำให้สังคมเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น เพราะการกระทำที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำเพื่อส่วนรวม เมื่อสังคมดีขึ้นแล้วส่วนรวมก็จะต้องดีขึ้น
 
ส่วนนายยุทธิยง กล่าวว่า ศาลได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับสังคม เราก็คงต้องน้อมรับ เป็นสิ่งที่เป็นพัฒนาการ เราเป็นข้อต่อหนึ่งในประวัติศาสตร์ให้สังคมบ้านเมืองดีขึ้น เราไม่ได้ประโยชน์อะไร เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"