16ก.พ.63​ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงภาพรวมการลงพื้นที่เลือกตั้ง ซ่อม ระว่างวันที่ 15-16 ก.พ. ว่า ตนได้ลงพื้นที่ จ. กำแพงเพชร เพื่อช่วยนายเพชรภูมิ อาภรรัตน์ ผู้สมัครส.ส. กำแพงเพชร เขต 2 หาเสียง โดยได้ไปพร้อมกับส.ส. ในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงกว่า 20 คน อาทิ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ นายปริญญา ฤกษ์หร่าย ส.ส.กำแพงเพชร และนายอนุชา น้อยวงศ์ ส.ส.พิษณุโลก โดยได้ลงพื้นที่ อ.ลานกระบือ และอ.พรานกระต่าย ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้ให้ความสนใจและต้อนรับเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่จะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ว่าจะใช้ได้เมื่อไร พวกเราก็ได้อธิบายให้พวกเขาฟัง และมีเรื่องที่เขาอยากให้พวกเราช่วยเหลือ ซึ่งตนก็บอกให้เขาเขียนเป็นจดหมายร้องเรียนมา เพื่อที่ตนจะได้ช่วยนำส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและช่วยติดตามความคืบหน้าให้

เมื่อถามถึงความมั่นใจในการที่จะได้รับชัยชนะในเขตนี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องบอกว่าถึงตอนนี้กระแสยังสูสี เพราะทางคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทย เขาก็ได้ระดมกำลังสำคัญของพรรคลงมาช่วยหาเสียงเช่นเดียวกัน ซึ่งตอนลงพื้นที่ตนก็ได้เจอกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ยังทักทายกัน เราให้เกียรติกัน ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งอย่างที่ตนเคยบอกไปก่อนหน้านี้ว่าการเลือกตั้งซ่อมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้เขตนี้จะเป็นเขตเดิมของพรรคพลังประชารัฐ การหาเสียงเราพยายามเน้นไปที่ตัวผู้สมัครว่ามีคุณสมบัติที่ดีอย่างไรและจะช่วยพัฒนาพื้นที่ได้อย่างไรบ้าง ส่วนที่บางฝ่ายพยายามโจมตีรัฐบาลถึงเรื่องเศรษฐกิจ เราได้อธิบายกับประชาชนว่า หลังจากที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ประกาศใช้ เศรษฐกิจน่าจะดีขึ้น โครงการต่างๆจะขับเคลื่อนได้และทุกอย่างจะเริ่มลงตัวในอีกไม่นาน

เมื่อถามว่าทางพรรคเพื่อไทย บอกว่ากังวลว่าพรรคพลังประชารัฐจะใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ในการหาเสียง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "ผมยืนยันว่าไม่มีการใช้อำนาจรัฐหรือข้าราชการมาช่วยในการหาเสียงครั้งนี้ ขนาดตอนแนะนำตัวกับชาวบ้าน ผมยังไม่บอกว่าตัวเองเป็นรัฐมนตรีเลย บอกเพียงแต่ว่าเป็นแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านเขาก็จำเราได้เพราะจังหวัดสุโขทัยกับกำแพงเพชรนั้นติดกัน ผมมีประสบการณ์ในการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมมาหลายครั้ง รู้ว่าอะไรควรทำหรือไม่ ทุกอย่างต้องทำตามกติกา ทำตามกฎหมาย เราต้องแฟร์เพลย์มีน้ำใจนักกีฬา ไม่ใช่เอาความได้เปรียบมาใช้แบบไม่ถูกวิธี ทั้งนี้ผมคิดว่าการหาเสียงควรจะชูที่นโยบายต่างๆที่จะทำและเป็นประโยชน์ไม่ควรโจมตีหรือดิสเครดิสฝ่ายตรงข้าม"