ดัชนีเศรษฐกิจม.ค.ต่ำสุดรอบ6ปี


เพิ่มเพื่อน    

โดยสรุปแล้วดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในปัจจุบัน และดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้า  ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 72 เดือน จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติการครองชีพของครัวเรือน ทั้งในฝั่งรายได้ที่ลดลง และรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น ตามความเสี่ยงด้านสุขภาพที่สูงขึ้น หลังมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกอบกับหลายพื้นที่ในประเทศไทยยังเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5

 

 

        ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทย (KR-ECI) ที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และพื้นที่ต่างจังหวัดปรับตัวลดลงจากระดับ 42.4 ในเดือน ธ.ค.2562 มาอยู่ที่ระดับ 40.6 ในเดือน ม.ค.2563 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 72 เดือน จากความกังวลของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติการครองชีพโดยเฉพาะประเด็นเรื่องรายได้และการมีงานทำของตนเอง

        โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ทำการสำรวจเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องสถานการณ์การจ้างงานในองค์กรที่ครัวเรือนสังกัด หรือเป็นเจ้าของ พบว่า ร้อยละ 43.6 ของครัวเรือนไทยที่ทำการสำรวจในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล องค์กรที่ตนเองสังกัดหรือเป็นเจ้าของมีการปรับตัวในด้านการจ้างงานท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการชะลอรับพนักงานใหม่ การลดเวลาทำงานล่วงเวลาของพนักงาน รวมถึงการเลิกจ้างที่ยังมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 7.4 ของครัวเรือนที่ทำการสำรวจ สอดคล้องไปกับจำนวนโรงงานที่ขอปิดกิจการ (จำหน่ายทะเบียน) ในเดือน ม.ค.2563 ที่อยู่ที่ 222 โรงงานเพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 63.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY)

        นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในช่วง 3 เดือนก่อนหน้าจะเห็นว่า ในเดือน ม.ค.2563 องค์กรที่ครัวเรือนสังกัดหรือเป็นเจ้าของมีการปรับตัวทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.2562 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงจำนวนการจ้างงานในประเทศที่น่าจะลดลงต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563

        สำหรับระดับราคาสินค้าและบริการในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในบางหมวดสินค้าทยอย ส่งผลกระทบมากขึ้นต่อการครองชีพของครัวเรือนไทยในเดือน ม.ค.2563 โดยเฉพาะราคาสินค้าในหมวดอาหารสดที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.83 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลของหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาวะภัยแล้ง มีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในต่างประเทศที่มีส่วนผลักดันราคาเนื้อสัตว์ในประเทศให้สูงขึ้น รวมไปถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผลักดันราคาเป็ดไก่ให้สูงขึ้นตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น

        นอกจากราคาอาหารสดแล้ว ราคาเวชภัณฑ์ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ก็ปรับตัวสูงขึ้นมากในเดือน ม.ค.2563 หลังเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) และปัญหาเรื้อรังของฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในประเทศซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการดำเนินชีวิตของครัวเรือนไทย

        ดังนั้น ดัชนีภาวะเศรษฐกิจของครัวเรือน (KR Household Economic Condition Index หรือ KR-ECI) ที่จัดทำขึ้นโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เพื่อให้เป็นเครื่องชี้ที่สะท้อนความรู้สึกของครัวเรือนที่มีต่อภาวะการครองชีพทั้งในปัจจุบัน และในช่วง 3 เดือนข้างหน้า โดยพบค่าดัชนีที่สูงกว่าระดับ 50 หมายถึงครัวเรือนส่วนใหญ่มองว่าภาวะการครองชีพ “ดีขึ้น” ในทางตรงกันข้าม ค่าดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 หมายถึงภาวะการครองชีพ “แย่ลง”

        ในขณะที่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (3-month Expected KR-ECI) อยู่ที่ระดับ 40.5 ในการสำรวจช่วงเดือน ธ.ค.2562 ทรุดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ในระดับ 42.2 โดยครัวเรือนมีความกังวลมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจ และการครองชีพของตนเองในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (เดือน ก.พ.-เม.ย.2563) โดยเฉพาะประเด็นเรื่องระดับราคาสินค้าและบริการในประเทศที่ครัวเรือนมองว่า จะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในระยะข้างหน้า หลังสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สร้างความหวั่นวิตกให้แก่ครัวเรือน ซึ่งส่งผลให้สินค้าเวชภัณฑ์บางรายการหาซื้อตามท้องตลาดได้ยาก และมีราคาแพงขึ้นมาก

        อย่างไรก็ดี คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.25 เป็นร้อยละ 1.00 ต่อปี ในการประชุม กนง.เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2563 ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่งต่างปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อลงตามไปด้วย ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาภาระหนี้สินของครัวเรือนและหล่อเลี้ยงสภาพคล่องของภาคธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง

        โดยสรุปแล้วดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในปัจจุบัน และดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 72 เดือน จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติการครองชีพของครัวเรือน ทั้งในฝั่งรายได้ที่ลดลงและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามความเสี่ยงด้านสุขภาพที่สูงขึ้น หลังมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ประกอบกับหลายพื้นที่ในประเทศไทยยังเผชิญปัญหาฝุ่น PM 2.5

        นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือนไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 จากที่เปราะบางอยู่แล้ว จากผลกระทบของเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวต่อเนื่องและปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตรจากภาวะภัยแล้ง จะเปราะบางมากยิ่งขึ้นจากปัจจัยเสี่ยงทางด้านการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้ครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพที่สูงขึ้น ทั้งนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่หลายแห่ง หลัง กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ต่อปี ก็น่าจะมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระหนี้สินของครัวเรือนและภาคธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"