ว่าด้วยมหกรรมการโกง


เพิ่มเพื่อน    

ช่วงระหว่างนี้...ไม่รู้เป็นเพราะดวงบ้าน ดวงเมือง เป็นเพราะฝีแตก หรือจะเป็นด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ ข่าวคราวเรื่องราวของการ โกง มันเลยชักทยอยออกมาแบบถี่ๆ แผ่ซ่าน ครอบคลุม ไปยังหน่วยงาน องค์กร ไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง กี่จุดต่อกี่จุด เรียกว่า...แทบจะกลายเป็น มหากาพย์ สามารถนำไปเล่าขาน ขับขาน ได้ทุกเรื่องเอาเลยทีเดียวเจียว...

                                                     --------------------------------------------------------------

      โกงเงินคนจน-คนไร้ที่พึ่ง ยังไม่ทันสืบสาวเอาความได้ครบถ้วนกระบวนความ ก็ดันเจอ โกงเงินชาวเขา แบบเดียวกันขึ้นมาอีกซะแร้น คล้ายๆ ประเภท เปรตอมเงินวัด ที่ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันครบหมดจนตราบเท่าทุกวันนี้ ไม่ทันที่ชาวเขาต้องเจอกับเปรตอมเงิน แบบเดียวกับพระหรือวัดทั้งหลาย เด็กๆ ชาวเราก็ดันต้องเจอกับมหกรรม โกงเงินเด็ก ในกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ตามติดเข้ามาอีกกระทง ไล่ไปถึงหมาวัด หมาไม่วัด เห็นว่าชักเริ่มๆ มีข่าว ว่าด้วยมหกรรม โกงเงินหมา ไล่หลังมาบ้างแล้ว คือทำท่าว่าจะมีนอก มีใน ในเรื่องการซื้อ-ขายวัคซีนแก้พิษสุนัขบ้า อะไรทำนองนั้น...

                                                ------------------------------------------------------------

      เจอเข้ากับมหกรรมการโกงที่มันแผ่ซ่าน ลงลึก ครอบคลุมไปยังองค์กร หน่วยงาน ไม่รู้กี่จุดต่อกี่จุด...ไม่ว่าใครที่เป็นรัฐบาลก็เถอะ มีแต่ต้องอ้วกแตก อ้วกแตน ไปด้วยกันทั้งสิ้น คือถึงแม้ไม่อาจโยนบาป โยนความผิด ไปให้กับรัฐบาลใด รัฐบาลหนึ่งโดยเฉพาะ แต่การที่ กลไกของรัฐ ในแทบทุกจุด ทุกระบบ มันออกอาการง่อกแง่ก งี่เง่า ไปได้ถึงปานนี้ รัฐบาลใดๆ ก็คง อยู่ไม่สุข ไปด้วยกันทั้งสิ้นนั่นแล และคงต้องหาทางประดิษฐ์ คิดค้น มาตรการ นโยบายต่างๆ ขึ้นมาอีกเยอะ ไม่งั้นความศรัทธาไว้วางใจ ความไว้เนื้อเชื่อใจ ในสิ่งที่เรียกว่า อำนาจรัฐ มันคงแทบไม่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นรัฐประชาธิปไตย หรือรัฐเผด็จการก็ตามแต่...

                                                 ----------------------------------------------------------

      พูดง่ายๆ ว่า...มันกลายเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึง ความเสื่อม ของระบบ ของกลไกต่างๆ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ซึ่งการแก้ไข เยียวยา ปรับปรุง หรือการ ปฏิรูป บรรดาความเสื่อมเหล่านี้ คงต้องยอมรับอีกนั่นแหละว่า...ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ!!! คือแค่ ปฏิรูปพระ หรือ ปฏิรูปตำรวจ ยัง ตกม้าตาย กันเห็นๆ จะยกระดับไปถึงการ ปฏิรูประบบราชการ แบบทั่วทั้งระบบอาจต้องรอไปจนกว่าได้เกิดใหม่เป็นสุธีอีกซักสี่ซ้าห้าชาติ ถึงพอมีโอกาสเห็นงาช้างงอกออกจากปากสุกรได้มั่ง...

                                                 --------------------------------------------------------------

      ว่าไปแล้ว...คงต้องย้อนกลับไปถึงยุค ป๋าเปรม โน่นเลย ที่รัฐบาลยุคนั้นได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหวัง ความต้องการ ที่จะ ปฏิรูประบบราชการ แบบจริงๆ จังๆ ตั้งแต่เมื่อเกือบ 30-40 ปีที่แล้ว แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุที่มัน ไม่ง่าย หรือด้วยเหตุที่มันเป็นสิ่งซึ่งถูกสืบต่อ ตกทอด มาตั้งแต่สมัยก่อนที่จะ บุพเพสันนิวาส กันซะอีก อาจต้องย้อนยุคไปถึงสมัยพระบรมไตรโลกนาถโน่นเลย ที่ได้ทรงประดิษฐ์คิดค้นระบบ รวมศูนย์อำนาจเอาไว้ที่ส่วนกลาง เพื่อที่จะหันขวา-หันซ้าย ให้แผ่นดินที่เคยเป็น รัฐ ต่างๆ ค่อยๆ กลายสภาพเป็น รัฐเดี่ยว หรือเป็นแผ่นดินเดียวกันได้อย่างสอดคล้อง กลมกลืน ไม่ต้องแตกฉานซ่านเซ็นอีกต่อไป...

                                                  --------------------------------------------------------

      ขนาดระดับ ป๋าเปรม จึงยังต้อง ตกม้าตาย กันเห็นๆ...คือไม่อาจบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการ ปฏิรูประบบราชการ ได้แบบจริงๆ จังๆ ต้องบริหารราชการแผ่นดินไปตาม โครงสร้าง แบบเดิมๆ อาศัยหลักที่ว่า... ถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ไม่น่าจะถึงกระดิกมากมายเกินไปนัก หรืออาศัยความซื่อสัตย์ สุจริต ของ ผู้นำ เป็นตัวช่วยบรรเทา เบาบาง ไม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน จนเกินไป การหันมาใช้วิธี ปฏิลูบ แทน ปฏิรูป ไปพลางๆ จึงอาจพอช่วยให้เกิดการ แก้ปัญหา เท่าที่พอจะแก้ได้ แต่โดยต้นตอ โดยเหตุปัจจัย หรือโดยโครงสร้าง คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่มันเคยเป็นๆไปตามสภาพนั่นเอง...

                                                    -----------------------------------------------------

      แต่สำหรับยุค ป๋าเปรม นั้น...โลกมันไม่ถึงกับไปไกล ไปเร็ว ไปแรง เท่ากับยุคหลังๆ ที่เพียงแค่ความซื่อสัตย์ สุจริต เพียงอย่างเดียว อาจไม่พอรับมือกับ ความเปลี่ยนแปลง ทั้งหลาย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นตัวกระตุ้นกิเลสต่างๆ ได้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แต่ยังเป็นตัวดึงเอาความขัดแย้ง แตกต่าง เข้ามาสู่สังคมภายใน จนทำให้เมื่อไหร่ที่ กลไก ต่างๆ มันเกิด ตามโลกไม่ทัน การ รวมศูนย์อำนาจเอาไว้ที่ส่วนกลาง ตามโครงสร้างเดิมๆ ของระบบราชการ เลยกลายเป็นตัวที่มัก ดึงดูดความขัดแย้ง  มารวมไว้ที่ศูนย์กลาง แทนที่จะกลายเป็นตัว แก้ปัญหาความขัดแย้ง อันส่งผลให้ ปัญหา ต่างๆ มันยิ่งสลับซับซ้อนยิ่งขึ้นไปใหญ่ คือไม่ใช่แค่ โกง เท่านั้น เผลอๆ...ยังแถม โง่ เข้าไปอีกด้วย...

                                                  ------------------------------------------------------

      ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย หรือรัฐบาลเผด็จการก็ตามแต่ ถ้ายังต้องอาศัย กลไก ในการแก้ปัญหาตามโครงสร้างแบบเดิมๆ โอกาสกลายสภาพเป็น ครูปรีชา หรือ หมวดจรูญ ย่อมเป็นไปได้ด้วยกันทั้งคู่ คือเป็นอะไรที่ เชื่อไม่ได้ หรือ ไม่รู้จะเชื่อใครกันดี ย่อมปรากฏให้เห็น วนไป-วนมาแบบ วงจรอุบาทว์ หรือแบบ ไม่คิดจะไปไหน นับเป็นศตวรรษมาแล้วก็ว่าได้ แม้ผู้นำจะตั้งอยู่ในความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่คิดโกงใครแม้แต่บาทเดียว อย่าง บิ๊กตู่ แต่คงไม่ได้ช่วยให้เกิดอะไรใหม่ๆ ได้มากมาย ยังต้องเจอกับ มหกรรมการโกง ตั้งแต่เงินคนจน เงินเด็ก ไปจนถึงเงินหมา ดังที่เห็นๆ กันอยู่ในทุกวันนี้ การดิ้นรนออกจากวงจรที่ว่า ด้วยการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง บรรดา กลไก ทั้งหลาย จึงอาจต้องรอให้ ฟ้าผ่าลงมาจากสวรรค์ชั้นที่ 9 แบบจากบนลงล่าง ไม่ก็ต้องรอให้ แผ่นดินไหว-ภูเขาไฟระเบิด แบบจากล่างขึ้นบน หรือต้องรอให้ ธรรมชาติ ท่านเลือกหนทางการเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีทางของท่านกันเอาเอง นั่นแล...

                                                        ------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Karl Marx... Success, arrogance and injustice, then downfall.- ความสำเร็จ ความหยิ่งยโส และความอยุติธรรมจะเกิดก่อน และแล้ว...ความหายนะจะตามมา...

                                                        ----------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"